27
“ไม่กลับหรือคะ....” บัวบูชาเอียงคอมองตาแป๋ว เมื่อเห็นเขามองมาไม่มีทีท่าจะออกรถ หรือว่าอาลัยอาวรณ์อยากนั่งมองหลังคาบ้านสาวเจ้า หล่อนจะได้กลับก่อน
“ไหนบอกว่าที่ของเธอไม่ใช่ตรงนั้นไง...มานั่งที่ซะทีสิจะได้กลับบ้าน” พูดเสียงเข้มแต่ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นแววตาเต้นระริกราวกับกำลังสนุกนักหนาที่ได้แกล้งเอาคืน เด็กขี้หวง....คุณชายหนุ่มรู้สึกอิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก นับวันบัวบูชาก็ชักจะยิ่งมีผลกับร่างกายและจิตใจของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ
“ให้หนูนั่งตักอีกหรือคะ....ไม่เอาแล้วค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้าจนผม กระจาย ทำตาพอง ๆ จ้องมองคนหื่นกามตาไม่กระพริบ ขืนหล่อนไปนั่งมีหวังได้โดนของกันพอดี...บรื๊อออ.... แค่คิด ขนก็พากันลุกพรึ่บ
“บัวบูชา...”
เสียงกดต่ำแบบนี้คงดื้อไม่ได้แล้วสิ......ชิ...ไม่เห็นเหมือนที่พูดกับคุณโสมนภาเลยลำเอียงชัด ๆ .......หญิงสาวยู่หน้าใส่พลางบ่นขมุบขมิบ แต่ก็ยอมเขยิบตัวเข้าไปใกล้ แล้วยกมือไหว้ขอโทษล่วงหน้า ก่อนจะยื่นขาข้างหนึ่งไปพาดตักกว้างและยึดแขนของเขาเพื่อยกสะโพกตามไปตะกายขึ้นไปนั่งบนตักคนตัวใหญ่อย่างทุลักทุเลในขณะที่คุณชายขยับแยกขาออกจนกว้างให้ก้นของหล่อนลงล็อคเข้าที่เข้าทางพอดิบพอดี.....เอิ่ม....พอดีกับอะไรวะเนี่ย....โดนแกล้งชัด ๆ อย่าให้ถึงทีนังบัวบ้างก็แล้วกัน......หล่อนทำได้มากที่สุดก็แค่ทดไว้ในใจ……
“เป็นอะไร ทำไมเงียบ” เสียงทุ้มเอ่ยถามเมื่อกลับมาถึงวังได้สักพัก.....คุณชายเอนกายกึ่งนั่งกึ่งนอนอิงหมอนอย่างผ่อนคลาย ในมือถือหนังสือแต่ยังไม่ได้เปิดออกสักหน้าเดียว เขาหลุบตามองเมียสาวที่นั่งนวดขาให้อย่างเงียบ ๆ แลดูเจี่ยมเจี้ยมผิดฟอร์มไปเยอะ....
“หนูก็เงียบมาตั้งนานแล้วนี่คะ ที่ไม่เงียบน่ะคุณชายกับคุณโสมนภาต่างหาก” ปลายเสียงสะบัดเล็กน้อย มันเก็บอาการไม่มิดจริง ๆ พออยู่ด้วยกันหล่อนก็ปฏิบัติตัวเหมือนเมียบ่าวอย่างที่คุณโสมว่านั่นแหละ ทำปากเก่งแค่ตอนออกไปข้างนอกเท่านั้นเอง
“หึหึ....หวงฉันเหรอ”สายตาที่ทอดมองอ่อนโยน เปิดเปลือยความรู้สึกอย่างไม่ปิดบัง เสียดายที่บัวบูชาเอาแต่ก้มหน้าสายตาจับอยู่ที่ท่อนขาแข็งแรงราวกับไม่เคยเห็นทำเป็นตั้งอกตั้งใจบีบนวดจนไม่มีเวลาแม้แต่จะเสวนากับคนที่เป็นสามีถามคำตอบคำ เหมือนไม่เต็มใจ
“เปล่านะคะ....หนูไม่มีสิทธิหวงคุณชายหรอกค่ะเพราะสักวันคุณชายก็ต้องแต่งงานอยู่ดีนี่คะ”พูดเสียงเบาลงจนแทบไม่ได้ยิน พยายามกลั้นก้อนสะอื้นที่ตีตื้นขึ้นมาไม่รู้จักเวล่ำเวลา....ก็รู้มาตลอดนั่นแหละทำไมจะต้องมาน้อยอกน้อยใจเอาตอนนี้....
“ใครบอกเธอล่ะ” คุณชายนึกขัน แม่บัวคนเก่งไม่รู้ไปเสียที่ไหนแล้ว เหลือแต่คนงอแงเง้างอน
“หม่อมท่านบอกกับพ่อแม่หนูตั้งแต่แรกแล้วค่ะ ว่าให้หนูอยู่รับใช้คุณชายจนกว่าคุณชายจะแต่งงานกับผู้หญิงที่เหมาะสม หลังจากนั้นก็แล้วแต่ว่าหนูจะกลับไปอยู่กับหม่อมท่าน หรือว่าจะอย่างไรก็ค่อยคุยกันอีกที” บัวบูชาบอกเสียงเบาลงเรื่อย ๆ ยิ่งนานวันหล่อนก็เริ่มจะลืมเลือนไปเหมือนกัน ถึงได้รู้สึกหวงแหนอยากยึดคุณชายเอาไว้เป็นสามีของหล่อนแต่เพียงผู้เดียวตลอดไป.....
“แล้วพวกเธอก็ยอม งั้นรึ” ความจริงเขาพอรู้ว่าเพราะอะไร แต่ก็อยากฟังชัด ๆ ว่าตอนนี้เจ้าหล่อนรู้สึกอย่างไรกันแน่
“หนูไม่มีปัญหาหรอกค่ะ...พ่อแม่ก็ดีใจกันจะแย่อย่างน้อยก็ได้ชื่อว่าลูกสาวเป็น...เอ่อ...เป็นเมียคุณชาย” หญิงสาวพยายามจดจ่อกับการบีบนวดเพราะอย่างน้อยหล่อนก็ไม่ต้องสบสายตาคมกริบที่พิรุธใด ๆ ไม่สามารถหลบเร้นได้เลย…เพราะหล่อนไม่ได้รู้สึกอย่างที่พูด ตอนแรก อาจจะใช่ แต่พออยู่ด้วยกันนานไปหัวใจมันกลับไม่เชื่อฟังมันทำท่าจะเป็นปัญหาใหญ่เชียวล่ะ
คุณชายปฐวีนิ่งเงียบ เพราะเสียงขื่นของคนตอบบอกความในใจของเจ้าตัวหมดแล้ว.....เขาปล่อยให้เจ้าหล่อนได้ปรับอารมณ์ไม่อยากเห็นเด็กขี้แยในตอนนี้ และมันคงเร็วเกินไปหากจะให้คำมั่นว่าเขาจะมีหล่อนเพียงคนเดียวตลอดไป ถึงแม้จะตั้งใจอย่างนั้นก็ตาม เพราะใครสักคนที่จะมาอยู่ในตำแหน่งเมียเป็นแม่ของลูก คนคนนั้นก็ควรมีดีให้สามีและลูกภาคภูมิใจ และนี่คือสิ่งที่บัวบูชาจะต้องพิสูจน์ตัวเอง......
“อุ๊ย...คุณชาย” ร่างเล็กปลิวหวือตามแรงดึงที่คุณชายปฐวีเอื้อมมาดึงรั้งให้ลงไปนอนด้วยกัน
“อนาคตยังมาไม่ถึงทำไมจะต้องทุกข์ใจล่วงหน้าด้วยเล่า”
วงแขนแข็งแรงกอดรัดเรือนร่างบอบบางไว้แนบอก บัวบูชาซุกหน้าเข้าหารู้สึกดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ถ้าตัดความกังวลเรื่องอนาคตออกไป ตอนนี้ ขณะนี้หล่อนมีความสุขอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน อ้อมกอดนี้ทำให้รับรู้ได้ถึงความมั่นคงปลอดภัยและอบอุ่นในหัวใจอย่างที่สุดจนอยากจะหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้......
“หนูไม่ได้เศร้าสักหน่อย แค่เตรียมใจเอาไว้ก่อนเองคะ” เสียงตอบอู้อี้อยู่กับอกกว้างหลังจากความน้อยเนื้อต่ำใจค่อย ๆ คลายลง
“ไอ้อาการหงอยอย่างกับลูกแมวป่วยเนี่ยนะ เรียกว่าเตรียมใจ....ฉันว่าเตรียมยอมแพ้เสียมากกว่า” ปากพูดจาเหมือนท้าทาย แต่มือใหญ่ลูบหลังไหล่ให้ราวกับปลอบเด็ก
“หนูมีสิทธิ์สู้ด้วยหรือคะ” ใบหน้าเล็กผงกขึ้นมองคนพูดอย่างมีความหวัง หัวใจกระหน่ำเต้นอย่างยินดีแค่รู้ว่ายังพอมีทางสู้ก็ดีใจราวกับชนะแล้วอย่างไรอย่างนั้น
“ก็ถ้าเธออยากเป็นเมียคนเดียวของฉัน ทำไมถึงจะไม่สู้ล่ะ” คำพูดท้าทายยังใช้ได้ดีเมื่อเห็นสายตาเปล่งประกายแห่งความหวัง แค่รู้ว่ามีโอกาสก็ดีใจขนาดนี้เลยเหรอ ทั้งที่ความจริงเจ้าหล่อนได้โอกาสนั้นไปเกือบทั้งหมดอย่างไม่รู้ตัวตั้งนานแล้ว
เพื่อความแน่ใจ คนที่ได้รับบทเรียนของความไม่รอบคอบมาหลายครั้ง ก็เอ่ยถามย้ำเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน
