22
“เปล่าค่ะ แต่หม่อมท่านอยากมีหลาน ถึงได้กำชับกับหนูแบบนั้น ไม่แน่คืนนี้หนูอาจจะท้องแล้วก็ได้ใช่ไหมคะคุณชาย”
ใบหน้าคร้ามคมก้มลงมาสบประสานสายตาใสซื่อคู่นั้นแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาเบา ๆ กลัวแม่คนซื่อจะเคืองเอาอีก แต่มันอดถามไม่ได้จริง ๆ
“พูดให้ขำ หรือว่าไม่รู้จริง ๆ หืม.... ” คนมากประสบการณ์กว่าถามอย่างเอ็นดู เป็นไปได้มากว่าหล่อนคงไม่ได้แกล้ง เพราะนอกจากจะไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องนี้มาก่อนซึ่งเขาพิสูจน์ด้วยตัวเองมาแล้ว....หล่อนยังโตมาในสภาพสังคมไทยที่ค่อนข้างปิดกั้น ไม่เหมือนวัยรุ่นทางซีกโลกตะวันตกที่เขาไปร่ำเรียนมาหลายปีที่เรื่องแบบนี้สามารถพูดคุยกันได้มากกว่า
“คุณชายขา...หนูรู้ตัวค่ะว่าความรู้น้อย บอกหน่อยไม่ได้หรือคะ”
“เมื่อคืนวานอาจจะใช่ แต่สำหรับคืนนี้ไม่มีทางท้องได้เด็ดขาด”
“อ้าว ! ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะคะ” หญิงสาวหน้าตาเหลอหลา....หม่อมท่านเป็นผู้ใหญ่ขนาดนั้นไม่มีทางที่จะพูดจาโกหกเด็ดขาด แต่ทำไมคุณชายถึงได้บอกว่าไม่ใช่....
“ก็คิดดูเอาสิว่าวันนี้เธอจะท้องกับอะไรได้ล่ะ .....แม่คนเก่ง” คุณชายหนุ่มจิ้มหน้าผากโดยใช้นิ้วชี้ นิ้วเดียวกับที่........
บัวบูชามองตามนิ้วร้ายที่มันเพิ่งจะแผลงฤทธิ์ใส่หล่อน......เอิ่ม.... .แล้วก็ต้องตาโตไม่ใครท้องกับนิ้วได้หรอกนอกจาก....ตายแล้วหล่อนลืมไปได้อย่างไรกัน.......เฮ้อ โง่จริง ๆ ด้วย...หล่อนปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มเลยหรือเนี่ยลืมไปว่านิ้วมันทำได้แค่เพลีย........
“ไง....คิดออกหรือยัง” คุณชายถามยิ้ม ๆ ที่ไม่ยอมเฉลยแต่แรกเพราะอยากให้บัวบูชาหัดคิดวิเคราะห์ด้วยตัวเอง ไม่ใช่หลับหูหลับตาเชื่อทุกอย่างเพียงเพราะเป็นคำบอกเล่าจากคนที่น่าเชื่อถือ มิหนำซ้ำยัง
รับข้อมูลมาผิด ๆ ถูก ๆ
“เอ่อ...เข้าใจแล้วค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมกับเบียดตัวเข้าหาร่างหนาอย่างขัดเขิน...เคยได้ยินแต่พูดกันว่า.......อายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีแต่นี่หล่อนกำลังอายจนแทบจะแทรกสิงเข้าไปในร่างสามี…..
“หรือเราจะทำลูกกันก่อนนอนก็ได้นะ ยังไม่ง่วงไม่ใช่รึ” คุณชายหนุ่มตะแคงตัวเข้าหาตั้งท่าจะขึ้นมาคร่อมคนซื่อของหม่อม แต่ตอนนี้กลับเริ่มไม่ซื่อเสียแล้วสิ...ทีอย่างนี้ล่ะรู้จักเอาตัวรอด
“ห้าว ! ตาจะปิดแล้วค่ะ” คนหัวไวออกอาการง่วงเหงาหาวนอนพร้อมกับปิดปากหาวขึ้นมาทันใด ไม่ไหวหรอกหล่อนต้องตายแน่ ๆ เท่านี้ก็คงจะเดินแสบขัดไปหมด ถ้าขืนขยันสะกิดชวนคุณชายทำลูกมีหวังหล่อนได้นอนติดเตียงเดินไปไหนไม่ได้แน่ ๆ
“หึหึ....อยากเมื่อไหร่...เอ่อ......ฉันหมายถึงอยากมีลูกเมื่อไหร่ก็สะกิดฉันได้นะ” คุณชายบอกเอาไว้อย่างคนมีน้ำใจพร้อมช่วยเหลือ
บัวบูชาไม่ตอบ ได้แต่ซุกหน้าเข้าหาอ้อมอกอบอุ่นทำเป็นหลับหูหลับตาจะได้ไม่ต้องคุยเรื่องน่าขายหน้ากันอีก จึงพลาดโอกาสได้เห็นรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของเจ้าของอ้อมกอดนั้น…และเสียงหัวเราะหึหึ ที่หล่อนกลัวนักกลัวหนา บัดนี้มันไม่ใช่เสียงปริศนาที่ไหนหรอก มันมาจากคนที่หล่อนนอนก่ายเกยอยู่นี่แหละ.....เฮอะ ! คนชอบแกล้ง.....
บทที่ 7
หม่อมเนื้อทองนับได้ว่าเป็นผู้หญิงทันสมัยคนหนึ่ง การศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศทำให้หล่อนมีพรรคพวกเพื่อนฝูงในแวดวงสังคมชั้นสูงมากมายซึ่งการได้พบกับท่านพ่อของคุณชายก็เพราะมีโอกาสได้ตามเพื่อนสาวไปเที่ยวที่วังจึงบังเอิญได้พบกัน.......
นอกจากการร่ำเรียนในมหาวิทยาลัยแล้ว......วิชาที่ใช้ทำมาค้าขายการประกอบธุรกิจต่าง ๆ หล่อนก็ได้รับการถ่ายทอดประสบการณ์จากเจ้าสัวเจียงมาเต็ม ๆ ดังนั้นการจะปั้นเด็กสาวที่จบเพียงประถมสี่ที่มีความใฝ่รู้จึงไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม หล่อนหมายมั่นปั้นมือที่จะถ่ายทอดความรู้ให้ศรีสะใภ้กลายเป็นผู้หญิงแกร่ง ผู้หญิงแถวหน้าให้จงได้ เหมาะสมที่จะยืนเคียงข้างหม่อมราชวงศ์ปฐวีได้อย่างเต็มภาคภูมิ
“ทุกคนนี่คือ คุณบัวบูชาภรรยาของคุณชายปฐวี ลูกสะใภ้ของฉันเองจ้ะ....” หม่อนเนื้อทองเรียกพนักงานทุกคนมาทำความรู้จักกับศรีสะใภ้ โดยไม่สนใจว่าใครจะแสดงอาการประหลาดใจ เพราะเท่าที่รู้กันทั่วไป คือลูกชายคนเดียวของหม่อมเนื้อทองตกพุ่มหม้ายมาหลายปี มิหนำซ้ำยังมีข่าวว่าเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกัน เผลอ ๆ หม่อมเนื้อทองคงพาลูกสะใภ้มากลบข่าว เหมือนคอลัมน์ซุบซิบในหนังสือพิมพ์เป็นแน่ แต่ก็ไม่มีใครกล้าตั้งคำถามเพื่อความปลอดภัยของอาชีพการงาน อย่ายุ่งเรื่องของเจ้านายเป็นดีที่สุด....
บัวบูชารีบยกมือรับไหว้แทบไม่ทันเมื่อพนักงานของที่นี่ให้ความเคารพราวกับหล่อนเป็นเจ้านายคนหนึ่ง จากนั้นหล่อนก็ถูกพาเข้าไปในห้องทำงานที่แยกเป็นสัดส่วนเพราะที่นี่เป็นสาขาใหญ่ในจำนวนหลายสาขาทั่วเมืองกรุงอีกทั้งยังมีพื้นที่ส่วนของช่างทองที่ทำงานประจำที่นี่อีกหลายคน หม่อมเนื้อทองบอกว่าจะพาไปดูวันหลัง ....
วันนี้เป็นการเริ่มเรียนรู้งานอย่างเข้มข้น แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้คนอย่างบัวบูชาทดท้อ มันเป็นความท้าทายเพราะเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับหล่อน ทุกอย่างที่หม่อมสอนถูกจดบันทึกไว้ในสมุดส่วนตัว หญิงสาวประหลาดใจกับตัวเลขรายได้ในแต่ละวันแต่ละเดือน หล่อนรับรู้พร้อมกับคิดในใจว่ามันจะดีแค่ไหน ถ้าสักวันหล่อนจะพัฒนาทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ให้คนที่ตั้งใจสั่งสอนได้ภาคภูมิใจ.....
“เป็นไงบ้างแม่บัวพอไหวไหม” ผู้สูงวัยที่ยังคล่องแคล่ว ถามขึ้นหลังจากขับเคี่ยวกันมาหลายชั่วโมง จนคนสอนเองก็ชักจะล้า แต่แววตาของอีกฝ่ายกลับสุกใส เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นต่างจากท่านั่งโงนเงนเมื่อวานลิบลับราวกับเป็นคนละคน
“ไหวค่ะ สนุกกว่าทำกับข้าว เย็บผ้าตั้งเยอะ” หญิงสาวตอบพลางยิ้มหน้าระรื่น
