12
คฤหาสน์เจ้าสัวเจียง
เรือนร่างสูงสง่านั่งคุยอยู่กับชายแก่ที่มีบางส่วนละม้ายคล้ายคลึงกัน แม้กาลเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานแต่ไม่ได้ทำให้สังขารของผู้สูงวัยร่วงโรยไปตามที่ควรจะเป็น เพราะสารพัดอาหารและยาบำรุงที่คนดูแลสรรหามาเรียกได้ว่าเตะปี๊บก็ยังไหว แต่เพราะนิสัยไม่ฝักใฝ่ในทางนั้น ทำให้เจ้าสัวเจียงผู้ร่ำรวยมหาศาล ยังซื่อตรงต่อภรรยาคนเดียวที่แม้จะจากไปเนิ่นนานแล้วก็ตาม
“อากงไม่อยากบังคับ เอาเป็นว่าแล้วแต่ดินเลยลูก” เจ้าสัวมักเรียกหลานชายคนเดียวแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร และก็เป็นคนเดียวที่เรียกคุณชายปฐวีว่าดินเพราะเขาตั้งชื่อนี้ให้ ก่อนที่หม่อมเจ้าระพีพัฒน์จะตั้งชื่อว่าปฐวี อย่างเป็นทางการเสียอีก
“ขอบคุณครับอากงที่เข้าใจผม” ชายหนุ่มมองอากง ด้วยความรักและเทิดทูนท่านเป็นต้นแบบของความทรหดอดทนและมั่นคงในความรัก วันนี้เขาเข้ามาเยี่ยมท่านพร้อมกับเลียบเคียงถามเกี่ยวกับบัวบูชา อยากรู้ว่าท่านคิดอย่างไร
“คราวก่อนก็พลาดมาครั้งหนึ่งแล้ว ต่อไปนี้อากงจะไม่ก้าวก่ายชีวิตของดิน ขอโทษนะลูก” ท่านเจ้าสัวยังรู้สึกผิดไม่หายที่สนับสนุนแกมบังคับให้หลานชายแต่งงานกับหลานสาวของเพื่อน ซึ่งครอบครัวพังไม่เป็นท่าแค่เวลาไม่นาน
“คุยอะไรกันอยู่เหรอจ๊ะคุณชาย......แหม...พอหลานชายคนโปรดมาหานี่สดชื่นเหมือนไม่เคยป่วยมาก่อนเลยนะคะคุณเตี่ย” หม่อมเนื้อทองเพิ่งกลับจากสมาคมพอรู้ว่าลูกชายมาหาจึงรีบตามเข้ามาพร้อมกับเอ่ยหยอกล้อบิดา
“สวัสดีค่ะหม่อมแม่ ไปไหนมาหรือคะแต่งตัวสวยเชียว” คุณชายหนุ่มไม่ตอบคำถามก่อนหน้า แต่เลือกที่จะชื่นชมมารดาแทน
“อุ้ย...เดี๋ยวนี้ปากหวานนะลูกแม่......ดีจ้ะ หัดเอาไว้ชมเมียบ่อย ๆ จะได้ลูกดก” หม่อนเนื้อทองอดยิ้มไม่ได้ถึงแม้จะรู้ว่าลูกแค่พูดให้ชื่นใจ ส่วนคุณชายได้แต่ยิ้มน้อย ๆ ไม่ได้พูดอะไรเพราะเขาไม่ได้คิดจะทำอย่างที่มารดาพูด
“เจอคุณชายก็ดีแล้ว วันนี้แม่ไปสมาคมมา พอดีเจอกับลูกสาวคุณหญิงสิรี เพิ่งกลับจากเมืองนอกเมืองนา...สวยน่ารักมากเลยลูก” หม่อมเนื้อทองเห็นเป็นโอกาสเหมาะจึงรีบพูดจาปูทางเอาไว้ก่อน
“ให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะแม่เนื้อทอง วันก่อนก็เพิ่งจะพาเมียไปให้ลูกชายคนหนึ่งแล้ว ลื้อยังจะหาไปให้อีกรึเจ้าดินไม่ใช่พ่อพันธุ์นะที่จะมีแม่พันธุ์เป็นฝูง” เจ้าสัวขัดคอลูกสาวคนเดียว แค่อ้าปากก็รู้แล้วว่าเจ้าหล่อนคิดจะทำอะไร
“คุณเตี่ยล่ะก็ หนูบัวน่ะหนูให้ไปปรนนิบัติพัดวีคุณชาย ระหว่างรอหาสะใภ้ที่สมหน้าสมตาต่างหากล่ะคะ”
“พอเถอะ......หล่อนลืมแล้วรึ ว่าการต้องแบ่งผัวกับผู้หญิงหลายคนน่ะมันเป็นยังไง” เจ้าสัวทบทวนความจำ เพราะลูกสาวคนเดียวเคยกลับมาร้องห่มร้องไห้ที่บ้านบ่อย ๆ ถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นเมียที่ท่านชายรักและให้เกียรติมากก็เถอะ
“แต่ว่าหนูบัวนั่นชาติตระกูลก็ไม่มี การศึกษาก็ไม่ได้ ดีแต่ว่าสวยน่ารักและก็ซื่อ ๆ แค่นั้นยังไม่เพียงพอสำหรับตำแหน่งศรีภรรยาของคุณชายปฐวีหรอกค่ะคุณเตี่ย”
“ทำไมล่ะ บัวบูชาเกิดจากกระบอกไม้ไผ่งั้นรึ ไอ้การเข้าไปขลุกอยู่ในสมาคม มันทำให้หล่อนมีความคิดแบบนี้ไปแล้วหรือแม่เนื้อทอง” เจ้าสัวเจียงเอ็ดเสียงเข้ม ถ้าจะว่ากันตามจริงต้นตระกูลของเขาก็พลัดบ้านพลัดเมืองมาขออาศัยผืนแผ่นดินไทยเหมือนกันไม่คิดว่าวันเวลาที่ผ่านไปลูกสาวจะมีความคิดให้ความสำคัญกับเปลือกนอกมากกว่าความดีความชั่วที่ฝังตัวในเนื้อในคน
“ก็...เอ่อ....” หม่อมเนื้อทองพูดไม่ออก นานแล้วที่คุณเตี่ยไม่เคยดุแบบนี้ ความจริงหล่อนก็ไม่ได้คิดจริงจังขนาดนั้นสักหน่อย
“เอาเถอะ..... ถ้าหากหนูบัวของหม่อมแม่สอบไม่ผ่านผมจะส่งคืนให้โดยไม่บุบสลาย ต่อจากนั้นค่อยว่ากันค่ะ” คุณชายเอ่ยขึ้นเพื่อเป็นการรักษาน้ำใจของผู้ใหญ่อันเป็นที่รักทั้งสองคน
“เอ๊ะ...หรือว่าแม่จะไปรับหนูบัวกลับเลยดีไหมจ๊ะ”
“แม่เนื้อทอง” เจ้าสัวปรามลูกสาวอีกครั้ง เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลานชาย เพียงแค่นิดเดียวคนที่ผ่านประสบการณ์มามากมายทำไมจะดูไม่ออกว่าแม่บัวบูชาคงจะต้องตาต้องใจพ่อดินของเขาเข้าแล้วไม่มากก็น้อย
หลังจากอยู่ร่วมรับประทานอาหารค่ำพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งอากงและหม่อมแม่แล้ว คุณชายปฐวีจึงได้ขอตัวกลับเพื่อมาพบกับคนที่นั่งหลับคอพับคออ่อนอยู่บนพื้นหน้าเตียง....
“กลัวผีเตียงอีกแล้วล่ะสิ” คุณชายหนุ่มอมยิ้มพลางส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนจะหยิบหมอนใบเล็กที่หญิงสาวกอดเอาไว้ออกและก้มลงช้อนเรือนร่างบอบบางอุ้มมาวางบนเตียงกว้าง แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นชุดนอนที่หล่อนสวมใส่ทำเอาคิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างไม่ค่อยพอใจ.......
ช่วงบนมีผ้าแถบสีชมพูหวานพันช่วงอกเอาไว้แน่นจนอะไร ๆ มันโดนรัดจนบี้แบน แต่ถึงอย่างไรผิวเนื้อนวลแถวบ่าไหล่ไปจนถึงเนินอกนวลเนียนลออตาน่ามอง ส่วนด้านล่างนั้นเป็นผ้าซิ่นยาวกรอมเท้าก็ดูสวยดีแต่ติดตรงที่ เจ้าหล่อนผัดหน้าทาแป้งจนหน้าขาวราวกับเตรียมจะระบำรำฟ้อนให้ดูก่อนนอนอย่างไรอย่างนั้น...คุณชายหนุ่มมิอาจปล่อยให้แม่ตัวยุ่งได้นอนต่อไปได้ อย่างน้อยก็ควรลุกขึ้นล้างหน้าล้างตาเช็ดปากแดง ๆ ออกซะก่อน
“หนูบัว” มือใหญ่เขย่าแขนเรียวเล็กเบา ๆ นอกจากไม่ได้ผลแล้วเจ้าหล่อนยังพลิกตัวหนีท่าทีรำคาญเสียเต็มประดา
“หนูบัว ตื่นก่อนเร็ว” เรือนร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างกายสาวก้มลงไปปลุกเบา ๆ
“อื้อ....”
“หนูบัว !” มือหนาฟาดไปที่ก้นงอน ๆ ของคนขี้เซาอย่างมันเขี้ยว แม้ไม่แรงนักแต่ก็ส่งผลเกินคาดสาวเจ้าดีดตัวลุกขึ้นนั่งอย่างไว จนคนที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ เบี่ยงตัวหลบแทบไม่ทันไม่อย่างนั้นหล่อนคงได้ชนเข้าปลายคางเป็นแน่
