10
เวลาผ่านไปราวสองชั่วโมงคนที่นั่งทำงานอย่างเคร่งเครียดจึงได้วางแฟ้มเอกสารลงอย่างพอใจ ทุกอย่างเรียบร้อยดีแต่คุณชายปฐวีก็ไม่เคยทำงานลวก ๆ เขาตรวจอย่างละเอียดทุกครั้งเพราะไม่อยากให้ความหย่อนยานเป็นต้นเหตุของความโลภ ซึ่งทำให้เสียคนมานักต่อนักทั้งที่ไม่ได้โกงโดยสันดานแต่ทุกอย่างมันล่อตาล่อใจจนเผลอไผลหากใจไม่เข้มแข็งพอ....
ทางด้านบัวบูชาที่นั่งรออย่างเงียบ ๆ นั้นในมือก็ถือนิตยสารสำหรับผู้หญิง หล่อนพลิกอ่านทุกหน้าอย่างตื่นตาตื่นใจ ถึงแม้ความรู้แค่ประถมสี่แต่หล่อนก็อ่านออกเขียนได้อย่างแตกฉาน สมัยที่อยู่กับพ่อแม่ แม้ครอบครัวจะไม่มีเงินซื้อหนังสืออ่าน แต่ถุงขนมทุกถุงที่พับจากหนังสือพิมพ์เก่า หล่อนก็แกะอ่านจนหมดเรียบบางทีก็อาศัยอ่านหนังสือพิมพ์ที่ร้านอาโกตอนไปซื้อกาแฟให้ผู้เป็นพ่อตอนเช้า เรียกว่าหนอนหนังสือตัวยงก็ว่าได้
“เสร็จแล้วหรือคะคุณชาย” บัวบูชาวางนิตยสารฉบับนั้นลงที่เดิมก่อนจะลุกขึ้นเตรียมพร้อมเพราะคุณชายก็ลุกจากเก้าอี้แล้วเช่นกัน
“นึกว่าเธอจะรอจนหลับเสียอีก” ชายหนุ่มถามอย่างแปลกใจ
“ถ้ามีหนังสือให้อ่าน หนูไม่หลับหรอกค่ะ” ตอบเสียงใสแจ๋วไม่มีร่องรอยอ่อนล้าเลยสักนิด
“หืม....ชอบอ่านหนังสือเหรอ”
“ค่ะ แต่ไม่ค่อยมีให้อ่าน”
“ที่บ้านมีห้องหนังสือ.......ส่วนใหญ่เป็นตำราต่างประเทศแต่หนังสือไทยก็มีอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน” คุณชายมักเรียกวังของเขาว่าบ้านเพราะให้ความรู้สึกอบอุ่นกว่า
“จริงเหรอคะ หนูขอเข้าไปอ่านบ้างได้หรือเปล่าคะ...” หญิงสาว ถามอย่างกระตือรือร้นแววตาเป็นประกายสุกใส
“ได้สิ แล้วจะพาไป” คุณชายเห็นแล้วก็อดยิ้มเอ็นดูไม่ได้ที่เห็นเจ้าหล่อนทำราวกับเจอเรื่องน่ายินดีปรีดาเสียเหลือเกินจนเขารู้สึก เสียดายที่ผู้หญิงใฝ่รู้ผู้นี้ไม่มีโอกาสได้ร่ำเรียน
บัวบูชายิ้มแก้มแทบแตก ไม่น่าเชื่อว่าการเข้ามาอยู่ในวังของ คุณชายปฐวีจะกลับกลายเป็นเรื่องดี ๆ ไปได้ ทั้งที่แรกเริ่มนั้นหล่อนต้อง กล้ำกลืนแม้ไม่เต็มใจแต่ก็พูดออกไปไม่ได้เหมือนน้ำท่วมปากจะเรียกว่า เอาตัวเองขัดดอกก็ได้ ถึงแม้เจ้าของเงินจะไม่เรียกร้องก็ตาม
“คุณชายชอบรับประทานขนมอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ” บัวบูชาถามคนข้างกายขณะขับรถกลับ หล่อนพยายามจะหาวิธีเอาใจเขาให้ได้ ถึงแม้จะดีใจที่รู้ว่าหล่อนจะมีหนังสือให้อ่านเป็นห้อง ๆ แต่ก็ยังไม่หมดความหลงใหลในเจ้าคาดิลแล็คคันงามนี้ สักวันหล่อนจะต้องขับมันให้ได้อย่างน้อยวันนี้ก็ได้นั่ง วันหน้าต้องได้ขับ
“ถามทำไม”
“หนูทำขนมได้หลายอย่างนะคะ เผื่อว่าจะทำให้คุณชายรับประทานบ้างไงคะ” หญิงสาวหันไปยิ้มประจบแต่ใบหน้าหล่อเหลาเพียงปรายสายตามามองนิดเดียว ก่อนจะหันไปจ้องมองถนนเหมือนเดิม
“ไม่รู้สิ” คุณชายตอบแบบนั้นเพราะเขานึกไม่ออกจริง ๆ ปกติก็ไม่ค่อยชอบของหวานอยู่แล้ว
“แล้วอาหารคาวล่ะคะ” บัวบูชาไม่ยอมแพ้
“ก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“เฮ้อ ! แล้วหนูจะทำให้คุณชายพอใจได้ไงล่ะเนี่ย” บัวบูชาพูดออกมาพร้อมกับถอนหายใจเบา ๆ ราวกับพูดกับตัวเองมากกว่า แต่คนข้าง ๆ ได้ยินเต็มสองหู
“เรื่องข้าวปลาอาหารมีคนดูแลฉันอยู่แล้ว ลองคิดสิว่าอะไรที่ไม่มีใครทำให้ฉัน”
คุณชายช่วยชี้แนะอย่างใจกว้างพลางยิ้มดวงตาพราวแต่หญิงสาวไม่มีทางได้เห็นเพราะหล่อนมัวแต่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด พยายามคิดว่ายังเหลืออะไรที่ไม่มีใครทำให้เจ้าของวัง มันมีเหลืออยู่จริง ๆ งั้นเหรอ.....
“คุณชายขาบอกใบ้อีกนิดนะคะ” บัวบูชาหันกลับมาอ้อนวอนเสียงเล็กเสียงน้อยพร้อมกับยื่นมือมาเกาะแขนเขย่าเหมือนเด็กอ้อนคนหนึ่ง
“บอกไปตั้งเยอะแล้ว ที่เหลือก็ไปคิดเอาเองหรือไม่ก็ไปหาเอาในห้องหนังสือก็ได้” น้ำเสียงบ่งบอกว่าเป็นช่วงเวลาที่เขาอารมณ์ดีที่สุดของวันนี้เลยก็ว่าได้......
“ที่ห้องหนังสือมีจริง ๆ ใช่ไหมคะ” หญิงสาวถามอย่างตื่นเต้นพร้อมกับความฝันอันบรรเจิดได้ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
“อืม...หาให้เจอล่ะ”
“ขอบคุณนะคะคุณชายที่เมตตาหนู.....อูยยย....ขอโทษค่ะ” บัวบูชาค่อย ๆ ถอยกลับมานั่งในที่ของตนไม่กล้าสบสายตาคู่คมที่แค่มองมาแวบเดียวก็ทำเอาใจของเธอเต้นไม่เป็นส่ำ หล่อนอยากจะเขกกะโหลกตัวเองนัก เผลอเป็นไม่ได้ทั้งกอดทั้งก่าย เดี๋ยวจับแขน ขยำขา...หล่อนเป็นคนยังไงกันแน่นะบัวบูชา......หญิงสาวได้แต่บ่นตัวเองอื้ออึงด้วยความสับสน
บทที่ 4
ทันทีที่รถยนต์คันโก้แล่นกลับมาจอดที่วังอันทันสมัยผสานความ เป็นไทยกับชาติตะวันตกเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ผู้คนที่นี่ก็เช่นเดียวกันกฎระเบียบ หลายอย่างไม่ได้เข้มงวดมากมายเหมือนวังเจ้านายท่านอื่น ด้วยดำริของคุณชายเจ้าของวัง แต่คนที่เข้มงวดที่สุดเห็นจะเป็นนมผ่องเสียมากกว่า
“ยิ้มอะไรนักหนา”
“อีกเดี๋ยวหนูจะได้ไปดูที่ห้องหนังสือแล้วใช่ไหมคะ” ริมฝีปากอิ่ม แย้มยิ้มพร้อมกับแววตาเปล่งประกายอย่างคนที่อยู่กับความหวัง
“ฉันบอกเธออย่างนั้นรึ....หนูบัว” คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างต้องการคำตอบในขณะที่ใบหน้าระบายไปด้วยรอยยิ้ม เป็นครั้งแรกกระมังที่เขายิ้มให้หล่อนถือซะว่าเป็นรางวัลของคนใฝ่ดีก็แล้วกัน
