ตอนที่ 8 ภัยหัวใจ
เมื่อแต่งตัวเสร็จทั้งสี่คนก็ออกไปเดินเที่ยวในย่านชอปปิงที่ปกติก็ครึกครื้นอยู่แล้ว แต่วันนี้ดูเหมือนคนจะเยอะมากกว่าที่คิด
“อ้าว วันนี้วันฮาลโลวีนนี่นา” ของขวัญพูดขึ้นเมื่อเห็นผู้คนแต่งชุดแฟนตาซีมากมายบนท้องถนน บ้างก็แต่งเป็นผี บ้างก็คอสเพลย์เป็นตัวการ์ตูนดัง และมีผู้ชายแต่งหญิงเป็นจำนวนมาก ทุกคนต่างใช้โอกาสนี้ปลดปล่อยตัวเองจนต่างจากประเทศญี่ปุ่นในยามปกติลิบลับ
“น่าสนุกดีนะ” ณัฐธิดาพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง
เดินไปไม่เท่าไหร่ณัฐธิดาก็เริ่มไปขอถ่ายรูปกับคนที่แต่งตัวได้ประทับใจเธอ ธีร์เองก็ตามไปถ่ายรูปให้แฟนสาวไม่ห่าง
ของขวัญกับธามที่แต่งตัวตามปกติก็มีคนเดินมาขอถ่ายรูปด้วย ทั้งคู่แม้จะยังงง ๆ แต่ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเพราะดูเหมือนวันนี้จะสามารถเดินไปขอถ่ายรูปกับใครก็ได้ที่ถูกใจ
เมื่อสามารถปลีกตัวออกมาจากคนที่เข้ามาขอถ่ายรูปได้แล้วของขวัญก็หันไปสบตากับธามที่อยู่ไม่ไกลพอดี เธอทำใจชั่วครู่เพราะตั้งแต่เดินออกจากโรงแรมก็ยังไม่ได้คุยกับเขาเลย เธอเดินเข้าไปหาก่อนจะยิ้มให้เขาเหมือนปกติ
“เราไปกันเถอะค่ะ พี่ไนน์กับคุณธีร์อยู่ตรงนั้น” ของขวัญบอกและชี้ไปยังเพื่อนร่วมทริปที่อยู่ห่างออกไปราวสองเมตร
ของขวัญเดินนำหน้าธาม ทว่ายิ่งเดินไปลึกเท่าไหร่คนก็ยิ่งเบียดเสียดกันมากกว่าเดิมจนตอนนี้แทบจะขยับไม่ได้ ทั้งคู่คนติดแหง็กอยู่ท่ามกลางฝูงชนนับแสน แต่เพียงไม่นานก็ไหลไปตามคนรอบข้างราวกับถูกกระแสน้ำพัดพา
ของขวัญมัวแต่มองคนในชุดแปลก ๆ ที่เดินสวนกันไปมาอย่างเพลิดเพลิน รู้ตัวอีกทีด้านหน้าของเธอก็ไม่มีรุ่นพี่สาวแล้ว แต่จะเดินตามหาก็ไม่ได้เพราะแทบไม่มีที่ให้เดิน ในจังหวะที่กำลังสับสนอยู่นั้นก็มีแรงมาฉุดที่มือ เมื่อหันไปมองก็เห็นว่าเป็นธามที่พยายามแหวกคนตามหลังเธอมา
“เราออกไปข้างนอกกันก่อนครับ” ธามบอกก่อนจะพยายามหาทางออก
“นี่เราพลัดหลงกันแล้วใช่ไหมคะ” ของขวัญถามเมื่อสามารถหลบออกมายืนข้างถนนได้
“น่าจะใช่” เขาเองไหลไปตามคนอื่นเหมือนกัน โชคดีที่คว้าเธอไว้ได้ทันก่อนคลาดสายตา
“อ้าว แบตหมดค่ะ” ของขวัญมองมือถือตัวเองอย่างเซ็ง ๆ เมื่อคิดว่าจะโทรหาณัฐธิดา
“ผมลืมมือถือไว้ที่ห้อง”
“งั้นเราเดินหาข้าวกินกันก่อนไหมคะ”
“ครับ”
“ถ้าคุณธามไม่ว่าอะไร ขวัญขอจับคุณไว้หน่อยได้ไหมคะ กลัวจะพลัดหลงกันอีก” เธอถามด้วยน้ำเสียงลังเลเล็กน้อย
“ได้ครับ” ธามพูดพร้อมกับยื่นมือออกไปให้จับ
ของขวัญชะงักเพราะที่จริงเธอหมายถึงเดินจับชายเสื้อเขาต่างหาก แต่ก็ไม่อยากทำให้เขาหน้าแตกจึงยื่นมือออกไปวางบนมือเขา
ทันทีที่มือแตะกันเธอก็รู้สึกอุ่นใจแปลก ๆ มือของเขาทั้งใหญ่และอบอุ่นต่างจากใบหน้านิ่ง ๆ ที่ติดจะเย็นชาด้วยซ้ำ
“แฮ่!!” จู่ ๆ ก็มีคนแต่งตัวและแต่งหน้าเป็นผีพุ่งเข้าหาของขวัญใกล้ ๆ
“ว้าย!” หญิงสาวกระโจนเขาหาคนข้าง ๆ ด้วยความตกใจ
ธามเองก็ตกใจที่เธอพุ่งเข้ามากอดจึงได้แต่ยืนนิ่งอย่างทำตัวไม่ถูก
“อ๊ะ ขอโทษค่ะ” เมื่อได้สติของขวัญก็รีบผละออก เหตุการณ์เมื่อชั่วโมงก่อนที่แช่น้ำด้วยกันแวบเข้ามาในหัวทำเอาเธอไม่กล้าเงยหน้าไปมองเขา
“ไม่เป็นไรครับ เราไปตรงนั้นกันไหม” เขาชี้ไปยังจุดที่น่าจะเป็นใจกลางของย่านนี้
“ค่ะ”
แล้วทั้งคู่ก็เดินดูบรรยากาศของงานเทศกาลกันจนเพลิน ต่างฝ่ายต่างลืมไปว่ายังไม่ได้ปล่อยมือออกจากกัน จนกระทั่งเดินมาถึงหน้าร้านอาหารของขวัญก็รีบปล่อยมือเมื่อคิดได้ว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่ในที่ที่คนเยอะมาสักพักแล้ว
“เอ่อ เรากินข้าวร้านนี้กันไหมคะ” เธอมองหน้าเขาเขิน ๆ
“ครับ” ธามเองก็รู้สึกเขินจนต้องรีบเอามือทั้งสองข้างซุกกระเป๋าเสื้อโคตแทน
ทั้งคู่เลือกห้องอาหารสไตล์ญี่ปุ่นที่ต้องนั่งกินบนเสื่อแล้วมีโต๊ะเตี้ย ๆ ตรงหน้า ในนี้เงียบสงบต่างจากข้างนอก มองไม่เห็นและไม่ได้ยินเสียงลูกค้าห้องอื่นสมกับเป็นห้องแบบส่วนตัว
“มีบุฟเฟต์ปูด้วย” ของขวัญพูดขึ้นด้วยดวงตาเป็นประกายเมื่อมองเมนูในมือ
“งั้นกินกันไหมครับ” ธามยิ้มเมื่อเห็นท่าทีดีใจของเธอ
“ค่ะ”
รอเพียงอึดใจพนักงานก็นำอาหารเข้ามาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ
“ว้าว ปูตัวใหญ่มาก” ของขวัญพูดอย่างตื่นเต้นเพราะขนาดของปูแต่ละตัวใหญ่กว่าฝ่ามือเธอเสียอีก เธอสวมถุงมือแล้วใช้กรรไกรตัดเปลือกออกจากขาปู ก่อนจะเอาเข้าปากคำโต
“ค่อย ๆ กินก็ได้ครับ มีเวลาตั้งสามชั่วโมง” ธามแซวขำ ๆ เขาเห็นในเมนูว่าบุฟเฟต์นี้จำกัดเวลาไว้ที่สามชั่วโมง
“อร่อยมาก คุณธามลองชิมดูสิคะ” ไม่ว่าเปล่า ของขวัญจัดการแกะปูให้เขาแล้วยื่นไปตรงหน้า
แต่แทนที่ธามจะหยิบ เขากลับอ้าปากงับจากมือเธอเลย กลายเป็นว่าเธอป้อนเขาเสียอย่างนั้น
“อื้ม อร่อยดีครับ”
“ถือเองสิคะ” ของขวัญดุอย่างไม่จริงจังนัก
ธามจึงรีบสวมถุงมือแล้วรับขาปูมากินต่อยิ้ม ๆ บางครั้งเขาก็แกะปูให้เธอบ้าง ทั้งคู่นั่งกินกันเงียบ ๆ เพราะของขวัญดูมีความสุขกับการกินครั้งนี้มากจนธามไม่อยากขัดจังหวะ เขาทำหน้าที่คอยเรียกให้พนักงานมาเติมเพิ่มเมื่อเห็นว่าใกล้หมดจาน
ผ่านไปสองชั่วโมงธามก็รู้สึกอิ่มจนกินต่อไม่ไหวจึงยอมแพ้แล้วรับหน้าที่แกะปูให้เธออย่างเดียว ในขณะที่ของขวัญยังคงกินต่อได้เรื่อย ๆ
“กินเก่งจังเลยนะครับ”
“อุ๊ย ลืมตัวเลยค่ะ” พอได้ยินอย่างนั้นเธอก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ากินมากเกินไปจนลืมคุมน้ำหนัก ถ้าอ้วนขึ้นมีหวังโดนผู้จัดการสั่งให้งดข้าวแน่ ๆ เมื่อคิดได้ว่าควรพอเธอก็วางทุกอย่างที่อยู่ในมือลง
“กินต่อสิครับ ยังไม่อิ่มไม่ใช่เหรอ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขวัญอิ่มพอดี” เธอยิ้มแหยให้เขา
“งั้นเช็ดปากก่อนครับ” เขายื่นทิชชูส่งให้เธอ ในใจก็กลั้นขำที่ตอนนี้ปากเธอเปื้อนจนเป็นสีแดงไปหมด แต่ถ้าออกไปข้างนอกด้วยสภาพนี้ก็อาจจะเข้ากับสถานการณ์ก็ได้
“ขอบคุณค่ะ” ของขวัญหยิบทิชชูมาเช็ดปาก
“งั้นเราไปเดินย่อยกันไหม” ธามเอ่ยชวนเพราะตอนนี้เขารู้สึกว่ายังไม่อยากกลับโรงแรม
“ค่ะ”
(พี่ธามอยู่ตรงไหนคะ ตอนนี้ได้อยู่กับขวัญไหม) เสียงร้อนรนของณัฐธิดาดังลอดมาตามสาย
“ไม่ต้องห่วง ตอนนี้พี่มากินข้าวกับคุณขวัญน่ะ เดี๋ยวอีกหน่อยก็กลับแล้ว” ธามที่รู้สึกถึงแรงสั่นของมือถือในกระเป๋ากางเกงตั้งแต่นั่งกินข้าวจึงขอตัวมาเข้าห้องน้ำก่อนเดินออกจากร้าน
(ค่อยยังชั่วค่ะ งั้นเรามาเจอกันไหม หรือจะแยกกันเดิน)
“พี่ว่าไนน์กับธีร์ไปเดตกันเถอะ ทริปนี้ไม่ค่อยมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันนี่ พี่ว่าจะไปเดินเล่นแป๊บเดียวก็กลับแล้ว” ธามหาข้ออ้าง
(โอเคค่ะ งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะคะ)
หลังจากวางสายเขาก็ล้างมือแล้วเดินออกไปหาของขวัญที่ยืนรออยู่หน้าร้าน
“ไปกันเถอะครับ” ธามบอกพลางยื่นมือให้เธอจับ
ซึ่งหญิงสาวก็จับมือเขาไว้แน่นเพราะตอนนี้เกือบเที่ยงคืนแล้ว บรรยากาศบนท้องถนนยิ่งคึกคักจนต้องมีตำรวจมากมายคอยอำนวยความสะดวกไม่ให้เกิดเหตุการณ์ล้มทับกัน
“อ๊ะ” ของขวัญสะดุ้งเมื่อโดนกระแทกจากคนแปลกหน้าจากด้านหลัง จนหน้าไปชนเข้ากับแผ่นหลังของธามอย่างจัง
“เดินอยู่ข้างหน้าผมดีกว่า” ธามดึงเธอมาอยู่ข้างหน้าทันทีจะได้อยู่ในสายตาเขา
ของขวัญรู้สึกอึดอัดกับสภาพแวดล้อมที่ราวกับอยู่ในปลากระป๋องแบบนี้ ยิ่งใส่รองเท้าผ้าใบเธอยิ่งแทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย
“เราออกไปกันเถอะ” ธามเห็นที่ที่สามารถเดินเล่นได้สะดวกจึงดึงเธอให้ตามไปด้วย
ทั้งคู่ออกจากถนนที่มีผู้คนเดินหนาแน่นมายังสวนสาธารณะ ของขวัญสูดอากาศเข้าเต็มปอดลึก ๆ แล้วเดินชมวิวไปตามทาง
ที่นี่สวยแม้กระทั่งยามค่ำคืน แสงไฟสลัวตามจุดต่าง ๆ ทำให้เห็นว่าบนพื้นเต็มไปด้วยใบเมเปิลสีแดงที่ร่วงลงมาจากต้นมากมายราวกับปูพรม บรรยากาศเงียบสงบต่างจากข้างนอก มีเพียงเสียงย่ำเท้าบนใบไม้ของเธอและธาม ทันใดนั้นของขวัญก็ล้มตัวลงนอนบนพื้น
“ทำอะไรครับ” ธามที่เดินอยู่ข้าง ๆ ต้องหยุดเดินแล้วมองเธออย่างงุนงง
“แถวนี้ไม่มีคนเลยค่ะ มานอนดูดาวกัน” เธอเอ่ยชวนยิ้ม ๆ
ธามไม่ตอบอะไรแต่ก็นอนลงข้างหญิงสาวอย่างว่าง่าย
“วันนี้สนุกดีนะคะ”
“จริงด้วยครับ อยู่กับคุณแล้วสนุกดี”
คำตอบของเขาเล่นเอาคนฟังแอบใจเต้นผิดจังหวะไปชั่วขณะ แต่ของขวัญก็ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองเพราะเขาอาจจะพูดในฐานะเพื่อนก็ได้
“ขอบคุณนะคะ ตลอดสี่วันมานี้ขวัญเองก็สนุกเหมือนกัน” ของขวัญพูดขณะที่สายตามองดาวบนท้องฟ้า
ธามยิ้มแล้วมองท้องฟ้าเช่นกัน เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มีโอกาสมาเที่ยวกับเธอถึงสี่วันแบบนี้
“คุณธามเป็นคนใจดีกว่าที่คิดมากเลยนะคะ” ก่อนหน้านี้นอกจากสีหน้าจริงจังของเขา เธอก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย
“ผมก็ไม่เคยใจร้ายนะครับ” เขาพูดกลั้วหัวเราะ สงสัยภาพลักษณ์ของเขาที่ค่ายอาจจะดูซีเรียสเกินไปจนคนไม่กล้าเข้าหา
“ก็จริงค่ะ” ของขวัญระบายยิ้ม น่าแปลกที่เธอรู้สึกสบายใจเวลาอยู่กับเขามากกว่าคนที่เธอแอบรักเสียอีก
“ทำไมถึงชื่อของขวัญล่ะครับ” ภาคินทร์เอ่ยถาม
“มาจากชื่อของคุณพ่อที่ชื่อขวัญเกษมกับคุณแม่ที่ชื่อขวัญจิตค่ะ พวกท่านเลยอยากตั้งชื่อลูกให้มีคำว่าขวัญเหมือนกัน ธรรมดามากเลยใช่ไหมคะ”
“ไม่นะ ผมชอบมาก”
คำตอบของเขาทำเอาเธอคิดเข้าข้างตัวเองอีกแล้ว ของขวัญจึงพยายามเปลี่ยนเรื่อง
“เล่นเกมตอบคำถามกันไหมคะ ใครขำก่อนแพ้”
“ครับ คุณเริ่มก่อนเลย”
“ใช้โทรศัพท์ที่ไหนดีที่สุด”
“ที่บ้านเหรอครับ”
“ไม่ใช่ค่ะ”
ธามทายอีกสี่ห้าครั้งก็ยังไม่ถูก เขาจึงนิ่งคิดไปเกือบห้านาที
“เฉลยเลยไหมคะ”
“ครับ” เขายอมแพ้เพราะนึกยังไงก็นึกไม่ออก
“ทะเลค่ะ เพราะที่ทะเลมีคลื่น” ของขวัญพูดจบก็หันไปมองคนข้าง ๆ แต่แล้วก็ต้องยิ้มเจื่อนเมื่อเห็นเขายังทำหน้านิ่งเหมือนเดิม เธอเริ่มรู้สึกเขินเมื่อรู้ตัวว่ามุกแป้ก อย่าว่าแต่หลุดขำเลย เขาไม่มีแม้แต่รอยยิ้มด้วยซ้ำ
“เอ่อ ขอโทษค่ะ”
“ขอโทษทำไมครับ ผมคาดไม่ถึงเลย เคยได้ยินมุกนี้มาตั้งแต่เด็กแต่ก็จำคำตอบไม่ได้” ธามหันไปยิ้มให้
แต่คำตอบของเขากลับทำให้คนฟังแอบหมั่นไส้
“ค่ะ มุกขวัญอาจจะโบราณไปหน่อย งั้นตาคุณธามถามเลยค่ะ”
“แมลงอะไรครับ” ธามชี้นิ้วไปบนท้องฟ้า
“ไหนคะ” ของขวัญมองไปตามทิศทางที่เขาชี้
“นี่ไงครับ” เขายังชี้นิ้วไปที่ตำแหน่งเดิม
“ขวัญมองไม่เห็นเลยค่ะ” เธอหรี่ตามองหาก็ไม่เจออะไรบนอากาศ
“แมลงวัน”
“ฮะ?”
ธามยื่นนิ้วชี้มาตรงหน้าเธอ ทำให้เห็นว่าที่แท้เขาชูนิ้วเป็นเลขหนึ่งอยู่
“หึ คุณธามนี่ตลกหน้าตายจริง ๆ นะคะ” ของขวัญหลุดขำเมื่อเข้าใจมุก
“ผมชนะแล้วนะ แล้วคนชนะได้อะไรครับ”
“อืม งั้นให้คนแพ้ทำตามคำขอของคนชนะดีไหมคะ”
“ดีเลยครับ”
“คุณธามจะขออะไรคะ”
ธามโน้มตัวลงไปจุมพิตที่หน้าผากเธออย่างรวดเร็ว ทั้งคู่สบตากันนิ่งในระยะห่างเพียงคืบเดียว
“งั้นผมขอให้คุณช่วยลืมเรื่องเมื่อกี้ได้ไหมครับ”
ของขวัญได้แต่เบิกตากว้างเพราะไม่คาดคิดว่าเขาจะชอบเธอ และตอนนี้เธอก็ได้รับรู้ความรู้สึกของตัวเองแล้วว่า คนคนนี้เป็นภัยต่อหัวใจของเธอจริง ๆ
