ตอนที่ 9 สับสน
“ขอโทษครับ ผมลืมนึกไปว่าคุณมีแฟนแล้ว” ธามรีบเอ่ยคำขอโทษหลังจากได้เห็นท่าทีตื่นตกใจจากการกระทำที่เรียกได้ว่าฉวยโอกาสและไม่เหมาะสมของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะบอกไปแล้วว่าให้เธอลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไปแล้วก็ตาม
“คุณธามเข้าใจผิดแล้ว ขวัญยังไม่มีแฟนนะคะ” ของขวัญรีบแก้
“....”
“งานขวัญยุ่งขนาดนี้จะเอาเวลาที่ไหนไปหาแฟนล่ะคะ” หญิงสาวอธิบายต่อหลังเห็นว่าชายหนุ่มทำหน้าไม่เชื่อถือในสิ่งพูดออกไปก่อนหน้า
แต่หลังจากที่พูดออกไปของขวัญถึงเพิ่งรู้สึกตัวและไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมเธอถึงบอกเขาออกไปแบบนั้น เพราะถึงแม้เธอจะยังไม่มีแฟนแต่ก็มีคนที่ชอบแล้ว
“ถ้ายังไม่มีแฟนก็ดีแล้ว”
“ว่าอะไรนะ” ของขวัญหันไปถามคนข้างกายเพราะเสียงที่ธามพูดออกมานั้นเบาเกินไป ทำให้เธอไม่สามารถจับใจความประโยคที่เขาพูดออกมาได้
“ไม่มีอะไรหรอก ผมแค่บอกบอกว่าพวกเราควรกลับที่พักกันได้แล้วล่ะ” ธามโกหกหน้าตาย
“ถ้าอย่างนั้นก็กลับกันเถอะค่ะ” ของขวัญตอบรับก่อนจะเป็นฝ่ายลุกขึ้นก่อน
“ครับ” ธามลุกตาม แล้วทั้งคู่ก็พากันเดินกลับไปยังที่พักในเวลาต่อมา
ในวันนี้ภาคินทร์ได้รับเชิญใไปให้ไปเป็นแขกรับเชิญในรายการทีวีรายการหนึ่ง เขาจึงต้องเดินทางมายังตึกที่ใช้ถ่ายทำรายการตั้งแต่เช้าตรู่
“คุณภาคินทร์นั่งรอตรงนี้ก่อนนะคะ” หนึ่งในทีมงานจัดที่นั่งให้ชายหนุ่มนั่งพักก่อนเพื่อรอแต่งหน้าเป็นคิวลำดับถัดไป
ภาคินทร์พยักหน้าก่อนจะนั่งลงและพิงกายเอนราบไปกับพนักโซฟา ร่างสูงดึงหมวกแก๊ปที่สวมอยู่ลงมาให้ต่ำที่สุด เพื่อใช้มันปิดบังใบหน้าและแสงสว่างในระหว่างที่เขางีบหลับ
แต่ในขณะที่เขากำลังจะเคลิ้มหลับได้ที่เสียงพูดคุยกันของบรรดาทีมงานและช่างแต่งหน้าทำผมที่อยู่ภายในห้องก็ดังขึ้นมา
หากเป็นบทสนทนาทั่วไปคงไม่สามารถดึงความสนใจของภาคินทร์เอาไว้ได้ แต่เรื่องที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้นเป็นข่าวที่เกี่ยวกับทริปเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งเขาจำได้ว่าเป็นทริปที่มีคนรู้จักของเขารวมอยู่ด้วยกันหลายคน
“แกเห็นรูปไหม ฉันว่าน้องของขวัญกับผู้ชายที่หล่อ ๆ ในทริปนั้นดูเคมีเข้ากันแปลก ๆ นะ พวกเธอว่าไหม”
“นั่นสิ ดูเข้ากันจนฉันอยากจะจับจิ้นมาก”
“ผู้ชายคนที่อยู่ในรูปเหมือนว่าจะเป็นประธานค่ายคนพี่ด้วยนะ”
“ถ้าพวกเขาคบกัน แบบนี้ก็เท่ากับรวบทั้งพี่ทั้งน้องเลยสิ ฉันล่ะอิจฉาวงนี้จริง ๆเลย”
“ชู่ว แกอย่าเสียงดังไป คุณภาคินทร์นั่งอยู่ในห้องนี้”
“ว้าย ฉันก็ลืมไปว่าพวกเขาอยู่ค่ายเดียวกัน”
บทสนทนาที่เริ่มไปไกลของคนเหล่านี้ทำให้ความง่วงงุนของภาคินทร์แทบจะหายไปเป็นปลิดทิ้ง ชายหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเปิดดูข่าวที่พวกเขากำลังพูดถึงในตอนนี้ทันที
เนื้อหาและภาพในข่าวส่งผลให้คิ้วหนาของภาคินทร์ขมวดเข้าหากัน ขณะที่สายตาคมกริบของเขาก็กำลังค่อย ๆ ไล่มองภาพของของขวัญและชายหนุ่มที่ปรากฏบนหน้าจอมือถืออย่างพิจารณา
“อ้าว ตื่นอยู่เหรอ ไหนว่าจะงีบไง” เสียงของผู้จัดการส่วนตัวที่ก่อนหน้านี้ลงไปซื้อเครื่องดื่มมาให้ดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้เรียวคิ้วของชายหนุ่มคลายออกอย่างรวดเร็ว ภาคินทร์รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติขณะยื่นมือออกไปรับกาแฟที่ถูกส่งมาให้
“ผมนอนไม่หลับ” ภาคินทร์ตอบ
“ที่นี่เสียงดังนิดหนึ่งนะ อดทนเอาหน่อยแล้วกัน”
ภาคินทร์พยักหน้ารับส่ง ๆ โดยที่สายตายังคงเอาแต่จดจ้องอยู่กับรูปภาพบนหน้าจอของตัวเองไม่เลิก เขาไม่ค่อยได้ฟังในสิ่งที่ผู้จัดการกำลังพูดถึงรายละเอียดงานที่เขาจะต้องจำเพื่อนำไปตอบคำถามที่พิธีกรจะถามออกมาในระหว่างการถ่ายทำวันนี้
“ดูอะไรอยู่น่ะ” ผู้จัดการคนสนิทเอ่ยถามหลังเห็นว่าคนในความดูแลของตัวเองดูจะไม่มีสมาธิสักเท่าไหร่
“ไม่มีอะไรครับ” ภาคินทร์กดปิดหน้าจอแล้วเก็บโทรศัพท์ลงไปในกระเป๋าตามเดิม
เขาปัดความคิดไร้สาระที่เกิดขึ้นทั้งหมดทิ้งลงไปอย่างรวดเร็วเพื่อให้ตัวเองกลับมามีสมาธิกับงานตรงหน้าอีกครั้ง
ทริปเที่ยวญี่ปุ่นผ่านพ้นไปหลายวันแล้ว แต่ของขวัญกลับยังคงหายหน้าไป ไม่มาเจอหรือโทรหาเหมือนในเวลาปกติ จะมีก็แต่ส่งข้อความหาเขาด้วยสั้น ๆ เท่านั้น
นั่นยิ่งทำให้ภาคินทร์ค่อนข้างประหลาดใจ แต่เพราะก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่าตารางงานของหญิงสาวแน่นไปตลอดทั้งเดือน เขาจึงไม่คิดว่าจะมีอะไรที่ผิดปกติ เพียงแต่แปลกใจที่เธอห่างหายไปเงียบ ๆ ก็เท่านั้น
“แน่ใจนะว่าไม่ให้รถตู้เลยไปส่งที่คอนโด”
“ไม่ต้องครับ ผมจอดรถไว้ที่บริษัท ว่าจะไปเอาแล้วขับกลับห้องเอง” ภาคินทร์ส่ายหน้าปฏิเสธความหวังดีของผู้จัดการ พร้อมบอกความต้องการของตัวเองออกไป
หลังจากที่ได้ยินแบบนั้นผู้จัดการส่วนตัวก็ไม่ได้ว่าอะไร ก่อนจะบอกคนขับรถให้แวะจอดส่งภาคินทร์ที่บริษัทตามที่เขาต้องการ
เมื่อลงจากรถภาคินทร์ก็รีบตรงไปยังชั้นที่เขาจอดรถเอาไว้อย่างไม่รีบร้อนเท่าไหร่นัก
ชั้นลานจอดรถใต้ดินที่ภาคินทร์นำรถมาจอดเป็นในส่วนของผู้บริหารที่เขาได้รับอภิสิทธิ์พิเศษให้จอดที่นี่ได้ รอบบริเวณจึงมีรถยนต์จอดอยู่ไม่มากนัก บรรยากาศโดยรอบค่อนข้างเงียบสงบ
ภาคินทร์ใช้เวลาไม่นานก็เดินมาถึงรถ เขาจัดการปลดล็อกประตูแล้วเข้าไปนั่งด้านใน แต่เพราะทำโทรศัพท์ตกจึงทำให้เขาต้องก้มลงไปหาที่พื้นรถอยู่พักใหญ่ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ระหว่างที่กำลังจะกดปุ่มสตาร์ตรถก็มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินผ่านหน้ารถของเขาไป แม้จะเห็นเพียงด้านข้าง แต่ภาคินทร์ก็สามารถจดจำคนทั้งสองได้ทันที
คนหนึ่งเป็นถึงประธานบริษัทที่เขาสังกัดอยู่ ส่วนผู้หญิงร่างเล็กที่เดินอยู่ข้าง ๆ กันนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เธอคือของขวัญ หญิงสาวที่เขาเพิ่งนึกถึงไปเมื่อก่อนนี้
หลังได้เห็นคนทั้งสองอยู่ด้วยกันกับตาตัวเองที่ไม่ใช่เพียงภาพถ่ายในข่าวอย่างที่ผ่านมา ก็ทำให้ภายในใจของชายหนุ่มรู้สึกร้อนรนอย่างที่เขาเองก็แทบไม่อยากเชื่อในความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้น
ภาคินทร์ไม่ชอบที่เห็นของขวัญอยู่กับผู้ชายคนอื่นตามลำพังแบบนี้ จะเรียกว่าหวงได้หรือเปล่า เขาเองก็ตอบไม่ได้ รู้แค่ว่าเขาไม่ต้องการให้เธออยู่กับคนอื่น
เพราะความคิดอันไม่สมควรที่เกิดขึ้น ส่งผลให้สายตาของชายหนุ่มยามมองไปยังคนทั้งคู่เย็นชาจนน่ากลัว
“กลับดี ๆ นะคะ ขวัญขอตัวขึ้นห้องก่อน” หลังบอกลาชายหนุ่มที่มาส่งเรียบร้อยแล้วของขวัญจึงเดินขึ้นคอนโด
เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องได้ร่างบางก็ทิ้งกายลงบนโซฟาอย่างหมดแรงทันที ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ตั้งแต่กลับจากทริปญี่ปุ่น เธออุตส่าห์รักษาระยะห่างกับธามแล้วแท้ ๆ แต่ก็ดันมีเรื่องเกิดขึ้นจนเธอต้องอาศัยรถของเขากลับมาที่คอนโดจนได้ และสาเหตุที่เธอต้องรักษาระยะห่างกับเขาก็เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนสุดท้ายของทริปนั่น
โดยเฉพาะการกระทำของธามที่ดันทำให้เธอเกิดรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาหลายครั้ง ทั้งที่เธอเคยมั่นใจในตัวเองนักหนาว่ารักมั่นคงแต่ภาคินทร์เพียงคนเดียวเท่านั้น
“เฮ้อ” ของขวัญถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูข้อความในช่องแชตระหว่างเธอกับภาคินทร์ที่ในระยะนี้ช่างสั้นแสนสั้น และส่วนใหญ่เป็นเธอที่ตัดบทเขาเสียดื้อ ๆ เพราะรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไประหว่างไปเที่ยว
ส่วนสาเหตุที่เธอทำตัวเย็นชากับภาคินทร์ก็เพราะเธอสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้น หลายวันนี้เธอเลยพยายามหลบหน้าเขาอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
“ฉันกำลังทำอะไรอยู่กันแน่นะ” ของขวัญพึมพำออกมาเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
วันต่อมา
“คิน เป็นอะไรหรือเปล่า” ผู้จัดการส่วนตัวที่โดยสารรถตู้มาด้วยกันหลังจบตารางงานในวันนี้ เอ่ยทักชายหนุ่มในความดูแลของตัวเองหลังเห็นว่าระยะนี้ภาคินทร์ดูจะติดโทรศัพท์มากกว่าที่เคยเป็น เพราะเมื่อไหร่ที่เขาว่างก็จะต้องหยิบมันขึ้นมาทุกครั้ง
“ไม่มีอะไรหรอกครับ” ชายหนุ่มปฏิเสธ
“แน่ใจนะ”
“ครับ”
“ถ้ามีอะไรในใจก็รีบจัดการซะนะ อย่าให้มันมามีผลต่องานเข้าใจใช่ไหม” เขาเตือนด้วยความหวังดี เพราะไม่เพียงแต่อาการติดโทรศัพท์เท่านั้น แต่ช่วงนี้อารมณ์ของภาคินทร์ก็ดูจะไม่ค่อยดีด้วยเช่นกัน
“ครับ” ภาคินทร์รับคำสั้น ๆ
เห็นทีเขาคงต้องรีบจัดการเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด และจะต้องรู้ให้ได้ว่าของขวัญเป็นอะไร ถึงได้พยายามหลบหน้ากันตลอดแบบนี้
‘ขอโทษนะคะพี่คิน วันนี้ขวัญรู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อย’
หลังของขวัญปฏิเสธข้อความที่ภาคินทร์ส่งมาหาว่าอยากเจอ เธอก็รีบโยนโทรศัพท์ทิ้งลงไปบนเตียงแล้วฟุบหน้าลงกับหมอนใบนุ่ม เพื่อหวังซ่อนใบหน้าแห่งความฝืนใจของตัวเองเอาไว้ราวกับกลัวว่าจะมีใครมาพบเห็น
แต่ทำแบบนั้นไปได้ไม่นานเสียงกริ่งหน้าห้องก็ดังขึ้น ทำให้ร่างบางบนเตียงต้องรีบผุดลุกขึ้นแล้ววิ่งไปที่ประตู
ด้วยนิสัยส่วนตัวที่มักจะลืมมองตาแมวก่อนเปิด เมื่อเดินไปถึงเธอจึงเปิดประตูห้องออกอย่างไม่รอช้า และนั่นก็ทำให้ของขวัญได้เจอกับร่างสูงที่ไม่คิดว่าจะมาปรากฏตัวอยู่หน้าห้องของเธออย่างภาคินทร์เข้า
“พี่คิน” เธออุทานชื่อคนตรงหน้าออกมาเสียงแผ่ว
“ว่าไงคนป่วย” ภาคินทร์มองร่างบางที่หลบหน้าหลบตาเขามาได้สักพักอย่างพิจารณา แต่เขารู้อยู่แล้วว่าหญิงสาวไม่ได้เป็นอะไร จึงล้อเลียนเธอด้วยข้ออ้างที่เธอบอก
“มาได้ยังไงคะ”
“ให้พี่เข้าไปก่อนได้ไหม”
“ค่ะ” ของขวัญรีบรับคำก่อนจะเบี่ยงกายหลบให้เขาเดินเข้ามาในห้องเธอ
ไหน ๆ เขาก็มาถึงที่นี่ จะให้เธอใจร้ายไล่กลับก็คงจะดูไม่ดีและอาจจะทำให้เขาสงสัยในพฤติกรรมที่แปลกไปของเธอในช่วงนี้
เธอเดินนำคนร่างสูงเข้าไปในห้องก่อนจะเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายนั่งลงที่โซฟารับแขก หลังจากที่เห็นว่าภาคินทร์นั่งลงเรียบร้อยเธอจึงนั่งลงข้าง ๆ เขาที่โซฟายาวตัวเดียวกัน
“ไหนให้พี่ดูหน่อยซิว่าป่วยจริงไหม” พูดจบภาคินทร์ก็ก้มหน้าลงไปใกล้ จนหน้าผากของเขาชนเข้ากับหน้าผากของอีกฝ่ายพอดี
“ตัวก็ไม่เห็นจะร้อน” ภาคินทร์พูดขึ้นหลังจากถอนใบหน้าของตัวเองออก
“ใครเขาวัดไข้กันแบบนี้ล่ะคะ” ของขวัญว่าพลางลูบหน้าผากตัวเองบริเวณที่ได้สัมผัสเข้ากับหน้าผากของเขา
“ถ้าไม่วัดแบบนี้แล้วจะรู้เหรอว่าเราโกหกพี่” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า
“ขวัญดีขึ้นแล้วต่างหาก” หญิงสาวรีบแก้ตัว
ภาคินทร์มองคนที่พยายามจะโกหกตาใสแต่ไม่เนียนนักด้วยรอยยิ้มขำ
“ขวัญพูดจริง ๆ นะคะ”
“ไม่ใช่ว่าหลบหน้าพี่หรอกเหรอ” ภาคินทร์เอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา
“ไม่ใช่สักหน่อยค่ะ”
“หรือขวัญอยากจบเรื่องของเรา ขวัญบอกพี่ได้นะ” เขาเริ่มหยั่งเชิง
หลังจากที่ได้ยินเธอก็สามารถคาดเดาได้ทันทีว่าเรื่องของเราที่เขาพูดออกมานั้นคงจะหมายถึงเรื่องที่ทั้งสองคนเป็นเพื่อนนอนให้กันอย่างแน่นอน
“ไม่ใช่นะคะ ขวัญ... คือช่วงนี้ขวัญงานเยอะก็เลยรู้สึกเหนื่อย ๆ ไม่ได้จะหลบหน้าค่ะ” ของขวัญอ้าง
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ ก็แล้วไป”
“จริงค่ะ”
ในเมื่อเธอบอกมาแบบนั้นภาคินทร์ก็จะเชื่อ เขาจึงไม่ได้เซ้าซี้ในเรื่องนี้กับหญิงสาวต่อ
“นี่ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ขอจูบหน่อยสิ”
เหมือนเป็นแค่การบอกให้เธอฟังเท่านั้น ไม่ใช่การขออนุญาตแต่อย่างใด เพราะทันทีที่เขาพูดจบ ใบหน้าของภาคินทร์ก็เคลื่อนเข้ามาใกล้เธอ
ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะแนบทับลงบนกลีบปากเล็กของเธออย่างแผ่วเบา จากนั้นชายหนุ่มก็ค่อย ๆ รุนแรงขึ้นตามอารมณ์ที่พุ่งสูง
ในขณะที่ภาคินทร์กำลังมอมเมาจูบอันแสนหวาน มือหนาที่อยู่ไม่สุขของเขาก็ยื่นออกไปหวังปลดชุดนอนตัวโคร่งที่ร่างบางกำลังสวมอยู่ให้พ้นทางไปด้วย
ของขวัญที่พอจะคาดเดาความต้องการของชายหนุ่มออกก็รีบเบี่ยงใบหน้าของตัวเองให้พ้นจากการถูกจูบในทันที จนริมฝีปากของทั้งคู่หลุดออกจากกัน
ภาคินทร์จิปากอย่างขัดใจเมื่ออีกฝ่ายถอนจูบไปออกอย่างกะทันหัน ทำให้ริมฝีปากเขาไปฝังอยู่ที่ต้นคอระหงแทน
“พี่คินหยุดก่อนค่ะ”
“อืม มีอะไร พูดมาเลย” ภาคินทร์บอกโดยที่ใบหน้าของเขายังคงซุกไซ้อยู่ที่ซอกคอของอีกฝ่ายไม่เลิก
“วันนี้ไม่ได้ค่ะ”
“ทำไม”
“ขวัญมีประจำเดือน”
คำตอบที่ได้รับเล่นเอาความรู้สึกที่กำลังพลุ่งพล่านของภาคินทร์หยุดนิ่งไปชั่วขณะ
“ล้อเล่นเหรอ” ภาคินทร์ถามหลังจากที่ผละออกมาจากร่างกายของเธอ
“ไม่ได้ล้อเล่นค่ะ”
“ไม่เป็นไร งั้นขวัญช่วยพี่หน่อยละกัน” พูดจบมือหนาก็ปลดเข็มขัดออกจากกางเกงที่ใส่อยู่ทันที
“แต่พี่คินคะ” เห็นแบบนี้เธอจึงรู้ได้ทันทีว่าเขาต้องการให้เธอใช้ปากให้
ภาคินทร์ในตอนที่ต้องการพุ่งสูงไม่สามารถยับยั้งอารมณ์ตัวเองได้ เขากดศีรษะของเธอลงก่อนจะเป็นฝ่ายขยับตัวตนเข้าไปในปากเล็ก ๆ ด้วยตัวเองจนทำให้เธอเกือบสำลัก
“แค่ก ๆ”
“งั้นใช้มือช่วยพี่ก็พอ”
ตอนนี้ภาคินทร์เริ่มรู้สึกปวดหนึบไปทั่วทั้งแก่นกายแล้ว เขาไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้จึงได้แต่ขอให้เธอช่วยเขาไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม
“ก็ได้ค่ะ” ของขวัญตอบตกลงหลังจากที่มือของเขาปล่อยศีรษะเธอให้เป็นอิสระ
เธอยื่นมือออกไปกอบกุมส่วนที่แข็งขืนที่ใหญ่จนกำไม่รอบเอาไว้หลวม ๆ แล้วรูดขึ้นรูดลงช้า ๆ ไปตามจังหวะ
“จูบหน่อย”
ภาคินทร์ดึงใบหน้าเล็กเข้าไปใกล้เพื่อป้อนจูบให้กับเธออีกครั้ง
ของขวัญยินยอมให้เขาทำตามที่ต้องการ ในขณะเดียวกันมือเล็กก็ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป
จนกระทั่งมือของชายหนุ่มยื่นเข้ามากอบกุมมือของเธอเอาไว้อีกที แล้วเป็นฝ่ายนำจังหวะแทน เขาเร่งความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งความต้องการที่เขาอดกลั้นเอาไว้หลายวันถูกปลดปล่อยออกมาจนหมด
“พี่ค้างที่นี่นะ” ภาคินทร์บอกกับหญิงสาวเจ้าของห้อง หลังจากที่เธอเดินออกมาจากห้องน้ำ
“พี่คิน จะค้างกับขวัญที่นี่เหรอคะ” ของขวัญมองอีกฝ่ายด้วยสายตาประหลาดใจเล็กน้อย เพราะปกติจะเป็นเธอเสียมากกว่าที่ไปนอนค้างห้องของเขา
“ดึกแล้ว ขี้เกียจเดินกลับ” ภาคินทร์ให้เหตุผล
ของขวัญจึงพยักหน้าแล้วเดินไปเตรียมเสื้อผ้าที่ใหญ่พอให้แก่เขาใส่สำหรับคืนนี้
ภาคินทร์รับเสื้อผ้าก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ ส่วนของขวัญก็เดินเข้าห้องนอนเพื่อไปพักผ่อน
“อ๊าย” ร่างบางที่กำลังนอนตะแคงอยู่บนเตียงร้องออกมาเสียงหลงอย่างตกใจ เมื่อถูกคนที่เพิ่งจะตามเข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลัง
“พี่ไม่ทำอะไรหรอก นอนเถอะ”
“พี่คิน”
ของขวัญหลับตาลงอย่างว่าง่าย ภายในใจของเธอรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
สิ่งที่ทำมาตลอดหลายวันเหมือนจะสูญเปล่า การได้เผชิญหน้ากับภาคินทร์ในวันนี้ทำให้เธอแทบจะลืมความสับสนที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้แทบทั้งหมด ซึ่งนั่นทำให้เธอได้มั่นใจในความรู้สึกของตัวเองอีกครั้งว่าเธอยังคงรักภาคินทร์อยู่เต็มหัวใจ
