ตอนที่ 6 แคมปิง
“คุณขวัญครับ”
“อือ” เสียงเรียกชื่อที่ดังมาจากที่ไหนสักแห่งทำให้ของขวัญเริ่มรู้สึกตัว
“ฝนหยุดตกแล้วครับ”
“อ๊ะ ขวัญหลับไปนานเท่าไหร่คะ” เมื่อได้สติของขวัญจึงลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปถามชายหนุ่ม
“หนึ่งชั่วโมงครับ” ธามบอกขณะก้มมองนาฬิกา
“งั้นเรารีบเดินกันต่อไหมคะ เดี๋ยวฟ้ามืด” เธอพูดไปก็บิดขี้เกียจไปด้วย โชคดีที่ไม่มีอาการปวดตัว
“คุณโอเคแล้วใช่ไหมครับ” ธามมองหญิงสาวนิ่ง แต่สายตาแอบแฝงแววเป็นห่วงเล็กน้อย
“ทำไมเหรอคะ” ของขวัญเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย
“เหมือนก่อนหน้านี้คุณจะเมานิดหน่อย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงลังเล พยายามไม่เอ่ยถามเรื่องที่เธอร้องไห้
“อ๋อ ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วค่ะ ขอโทษที่เสียมารยาทนะคะ” เธอไม่ได้เมาจนจำอะไรไม่ได้ ตอนนี้จึงเริ่มรู้สึกอายที่ปล่อยความรู้สึกจนเผลอร้องไห้ต่อหน้าเขา
“ไม่เป็นไรครับ เมื่อกี้ผมโทรบอกธีร์แล้วว่าเราปลอดภัยกันดี เราไปกันต่อเถอะ” ธามยิ้มบาง ๆ ให้เธอสบายใจ
“ค่ะ” ของขวัญเก็บเสื้อที่ใช้นอนเมื่อกี้คืนให้เขาแล้วเริ่มออกเดินทาง
ตอนนี้บ่ายสองกว่า ท้องฟ้าที่เคยมีเมฆครึ้มกลับมากระจ่างใส ทั้งคู่เดินออกจากถ้ำไปสามร้อยเมตรก็เจอทางเดินที่เคยผ่านก่อนจะวิ่งไปหลบฝน ตอนนี้พื้นที่ปูพรมไปด้วยมอสส์และใบไม้เปียกชื้น กลิ่นหอมของดินหลังฝนตกใหม่ ๆ ฟุ้งเข้าจมูก ของขวัญสูดอากาศบริสุทธิ์ที่หาไม่ได้จากเมืองกรุงเข้าเต็มปอด
“ระวังลื่นนะคะ ว้าย” พูดจบของขวัญก็ลื่นเอง ตอนนี้ขาเธอกางออกจากกันเกือบร้อยแปดสิบองศา
“ครับ ระวังลื่นครับ” ธามพูดล้อเลียนเธอขำ ๆ แต่ก็เข้าไปช่วยพยุงให้เธอกลับมายืนเป็นปกติ
“ยิ้มอะไรคะ” หญิงสาวเงยหน้ามองเขาด้วยสีหน้างอน ๆ
“เปล่าครับ เรารีบไปกันเถอะ เดี๋ยวผมเดินนำเอง”
ทั้งคู่เดินไปตามทางเรื่อย ๆ จนมาถึงน้ำตกก็เริ่มเจอนักท่องเที่ยวถ่ายรูปกันหลายคน
“เดี๋ยวขวัญขอถ่ายคลิปแป๊บหนึ่งได้ไหมคะ”
“ครับ” ธามพยักหน้ารับ
ของขวัญหยิบกล้องออกมาเดินถ่ายวิดีโอไปเรื่อย ๆ จนไม่ได้มองว่าเท้าของเธอกำลังจะก้าวลงไปในน้ำ แต่ก่อนจะล้มกลิ้งตกลงไปก็มีมือหนึ่งมาคว้าต้นแขนเธอไว้เสียก่อน
“ระวังหน่อยสิครับ” ธามพูดเสียงดุ
“ขอบคุณค่ะ เกือบไปแล้วเชียว” หญิงสาวหันไปยิ้มเจื่อนให้เขา
“คุณขวัญอยากถ่ายรูปไหม เดี๋ยวผมถ่ายให้”
“งั้นถ่ายขวัญกับน้ำตกได้ไหมคะ” ของขวัญยิ้มกว้าง ตั้งแต่เดินป่าเธอยังไม่มีรูปตัวเองเลย
“ได้ครับ” ธามรับกล้องมาแล้วกดถ่ายรูปให้เธอหลายสิบครั้งจนกว่าหญิงสาวจะพอใจ
“โห คุณธามถ่ายรูปสวยมากเลยค่ะ” ของขวัญพูดอย่างชื่นชมเมื่อเห็นฝีมือของเขา
“ขอโทษนะครับ” เสียงหนึ่งจากข้างหลังเรียกความสนใจจากคนทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี
“ช่วยถ่ายรูปพวกเราให้หน่อยได้ไหมคะ” หญิงสาวแปลกหน้าเอ่ยถามอย่างสุภาพ
“ได้เลยครับ” ธามเห็นคู่รักตรงหน้าก็ตอบรับในทันที
เขากดถ่ายไม่กี่ครั้งนักท่องเที่ยวทั้งสองก็รีบเดินมากล่าวขอบคุณ
“เดี๋ยวฉันถ่ายให้พวกคุณบ้างนะคะ” นักท่องเที่ยวสาวอาสา
“เอ่อ...” ธามอึกอัก
“ตรงนั้นมุมสวยมากค่ะ” เธอพูดต่อโดยไม่ทันสังเกตเห็นท่าทีกระอักกระอ่วนของธามกับของขวัญเลยสักนิด
“ได้ค่ะ” หลังจากสบตากับธามไม่นาน ของขวัญก็ยื่นกล้องไปให้
“ชิด ๆ กันอีกหน่อยค่ะ” นักท่องเที่ยวตะโกนบอกเมื่อเห็นธามกับของขวัญยืนห่างกันเป็นเมตร
ธามกับของขวัญหันไปยิ้มให้กันเพราะเหตุการณ์นี้ช่างเดจาวูเหมือนเมื่อวานที่ถ่ายรูปคู่กันไม่มีผิด ทั้งคู่โพสต์สามสี่ท่าแล้วเดินไปของคุณนักท่องเที่ยว ก่อนจะแยกย้ายกันออกเดินทางต่อ
“ตรงนั้นมีศาลเจ้าด้วย เราไปไหว้ขอพรกันดีไหมครับ” ธามชี้ไปที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ข้างทาง
“ค่ะ”
ทั้งสองคนเดินไปใกล้ศาลเจ้าแล้วพนมมือขอพรในใจเงียบ ๆ
“คุณขวัญขออะไรไปครับ” ธามพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าของขวัญลืมตาแล้ว
“ไม่บอกค่ะ”
“ผมเดาว่าเกี่ยวกับความรักใช่ไหมครับ”
“คุณรู้ได้ยังไงคะ” หญิงสาวตาโตมองชายหนุ่มข้าง ๆ อย่างไม่เชื่อสายตา
“ผมก็แค่เดาน่ะครับ แล้วก็...” เขาเอื้อมมือไปหยิบบางอย่างออกมาจากบนศีรษะเธอ
“ดอกไม้เหรอคะ” ของขวัญมองกลีบสีชมพูอ่อนบอบบางในมือของเขา
“ดอกซากุระเป็นสัญลักษณ์ของความรักครับ” ธามพูดยิ้ม ๆ
“ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายจะรู้ความหมายของดอกไม้นะคะ” เธอพูดกลั้วหัวเราะ
“ผมอ่านรีวิวมาน่ะครับ พรที่คุณขอไปเมื่อกี้ต้องสมหวังแน่ ๆ”
“ขวัญก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นค่ะ” เธอพูดพลางยกมือไปลูบสร้อยตัวโน้ตดนตรี เมื่อกี้เธอขอให้สมหวังในความรักและมีความสัมพันธ์ที่ชัดเจนสักที เธอไม่ใช่คนงมงาย แต่ก็แอบหวังลึก ๆ ว่าพรที่ขอไปจะช่วยอะไรได้บ้าง
“ว่าแต่คุณธามขออะไรไปคะ” ของขวัญเงยหน้าไปถามเขา
“ผมขอให้คนที่ผมรักมีความสุขและไม่เจ็บปวดครับ” ธามสบตาเธอนิ่ง
“คุณเป็นคนดีจังเลย ไม่ขอพรให้ตัวเองแต่กลับขอให้คนรัก คนคนนั้นต้องโชคดีมากแน่ ๆ เลยค่ะ” ของขวัญยิ้มกว้าง จากที่ร่วมทริปด้วยกันมาแค่สองวัน เธอก็รับรู้ได้ว่าเขาเป็นคนจิตใจดี และอบอุ่นมาก ขัดกับหน้านิ่ง ๆ นั่นลิบลับ
“ผมก็หวังว่าเขาจะโชคดีครับ เราไปกันเถอะ”
“ในที่สุดเราก็มาถึงแล้ว” ของขวัญพูดเมื่อมาถึงลานกางเต็นท์ เธอหันไปแปะมือกับธามอย่างดีใจก่อนจะเดินไปหาธีร์กับณัฐธิดาที่นั่งชมวิวรออยู่หน้าเต็นท์
“ได้ยินว่าติดฝนเลยมาช้า แต่ไม่เป็นไรใช่ไหม” ณัฐธิดาทักขึ้นเมื่อรุ่นน้องสาวหย่อนก้นนั่งลงเก้าอี้ข้าง ๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ แต่แอบหนาวเหมือนกัน”
“ดื่มชาร้อน ๆ ก่อน” ณัฐธิดารินชาให้ของขวัญกับธาม
“เพิ่งสี่โมงเอง ฟ้าเริ่มมืดแล้ว สาว ๆ ไปอาบน้ำกันก่อนดีกว่า” ธีร์พูดขึ้นเพราะกลัวว่าถ้าปล่อยให้ค่ำกว่านี้จะอันตราย
ทั้งสองสาวถือของใช้ส่วนตัวและเสื้อผ้าที่จะใส่นอนไปห้องอาบน้ำ ใช้เวลาเพียงไม่นานก็อาบเสร็จ ในระหว่างที่รอพวกผู้ชายอาบน้ำ ณัฐธิดากับของขวัญจึงเริ่มลงมือเตรียมอาหารเย็น
“ว้าว หอมมาก พี่ไนน์ทำอาหารญี่ปุ่นเป็นด้วยเหรอคะ” ของขวัญมองหม้อไฟญี่ปุ่นตรงหน้าอย่างประทับใจ
“พี่ดูจากยูทูบเอาน่ะ เห็นว่าอากาศหนาว ๆ แบบนี้คนญี่ปุ่นนิยมกินหม้อไฟกัน เมื่อวานเลยไปซื้อเส้นกับน้ำซุปมา” ณัฐธิดาพูดพลางตักอาหารใส่ถ้วยให้แฟนหนุ่มที่เดินมาถึงเต็นท์พอดี
ของขวัญที่เห็นดังนั้นจึงตักให้ธามบ้างเพื่อเป็นการขอบคุณที่วันนี้เขาช่วยเธอไว้หลายครั้ง
“ขอบคุณครับ” ธามกล่าวขอบคุณสั้น ๆ ขณะที่รับถ้วยไป
“ดูนั่น มีพลุด้วย” ธีร์ชี้นิ้วไปบนท้องฟ้าที่เริ่มมีพลุสีสันสวยงามกระจายตัวเป็นรูปต่าง ๆ
“สวยมากเลยค่ะ” ของขวัญพูดจบก็วิ่งไปหยิบกล้องในเต็นท์มาถ่ายคลิปเก็บไว้
“ไว้ถ้ามีเวลาว่าง พวกเรามาเที่ยวกันอีกนะ” ณัฐธิดาเอ่ยชวนทุกคน
ทั้งสามคนพยักหน้ารับเห็นด้วย มีเพียงธามที่นั่งคิดอะไรเงียบ ๆ คนเดียว
เมื่อพลุหมดท้องฟ้าก็มืดลงทันที แต่แสงจากดวงดาวนับพันก็ค่อย ๆ กระจ่างชัด
“หนาวจัง” ณัฐธิดาบ่นเบา ๆ
“เดี๋ยวพี่ช่วยให้อุ่นขึ้น” ธีร์ขยับเก้าอี้เข้าไปใกล้ แล้วยกแขนขึ้นโอบแฟนสาว
“บ้าเหรอ” ณัฐธิดาที่รู้สึกเขินอายจึงตีหน้าอกเขาไปหนึ่งที
“ตามสบายเลยค่ะ เดี๋ยวขวัญเอาขยะไปทิ้งก่อนนะคะ” ของขวัญพูดยิ้ม ๆ
“เดี๋ยวผมช่วย” ธามอาสา
“งั้นพี่ไปด้วย” ณัฐธิดากำลังจะลุกไปช่วยรุ่นน้องสาวเก็บกวาด
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ไนน์กับคุณธีร์อุตส่าห์กางเต็นท์ให้แล้ว ขวัญกับคุณธามเก็บกวาดเองค่ะ”
“ขอบคุณครับ” ธีร์ได้ทีจึงกอดแฟนสาวแน่นขึ้น
ของขวัญและธามแยกประเภทขยะแล้วเดินไปทิ้งตามจุดที่กำหนด ก่อนจะไปล้างหม้อกับถ้วยชามยังอ่างล้างจาน เมื่อล้างเสร็จทั้งคู่ก็คืนอุปกรณ์ทำครัวต่าง ๆ แล้วเดินเล่นรอบลานกว้าง
ที่นี่มีเพียงสี่ห้าเต็นท์เท่านั้น บางกลุ่มก็มากันเป็นครอบครัว บางคนก็มากับคนรัก ทำให้บรรยากาศเงียบสงบจนได้ยินเสียงลมพัดผ่าน ของขวัญถูมือเข้าด้วยกันไปมาเพราะเมื่อกี้เธอเพิ่งล้างจานเสร็จ พอมาโดนลมจึงหนาวขึ้นมาก
“ขอมือหน่อยครับ” จู่ ๆ ธามก็แบมือมาตรงหน้าของขวัญ
“คะ” หญิงสาวทำหน้างง
“ผมขออนุญาตนะครับ อยู่แบบนี้จนกว่ามือคุณจะอุ่นนะครับ” ธามคว้ามือเล็กข้างหนึ่งไปซุกในกระเป๋าเสื้อกันหนาวของเขา
“โอ๊ะ อุ่นมากเลยค่ะ”
“ใช่ครับ เพราะผมแปะถุงร้อนเอาไว้ในข้างใน” ธามพูดยิ้ม ๆ
“งั้นขออีกข้างด้วยนะคะ” ของขวัญรีบเอามือข้างที่ยังเย็นเฉียบล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้ออีกข้างของเขา ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เธอไม่รู้สึกอึดอัดเวลาอยู่กับเขา
“....” ธามได้แต่ยืนนิ่งเพราะตอนนี้ทั้งคู่ยืนใกล้กันมาก ศีรษะเธออยู่ตรงคางเขาพอดี
“คุณธามเอาอีกมือมาใส่ด้วยกันสิคะ” ของขวัญเงยหน้าบอก
ธามทำตามอย่างว่าง่าย ตอนนี้มือของเขาและเธอสัมผัสกันอยู่ในกระเป๋าเสื้อเขาทั้งสองข้าง หัวใจของธามเริ่มเต้นแรงขึ้นจนเขากลัวว่าจะไม่สามารถซ่อนความรู้สึกที่เก็บเอาไว้เป็นเวลานานได้อีกต่อไป
“เราเคยเจอกันมาก่อนนะ” ธามทอดสายตาอ่อนโยนมองเธอแล้วพูดขึ้นตามที่ใจคิด
“ใช่ค่ะ ในบริษัทก็มีเดินสวนกันบ้าง แต่ขวัญไม่กล้าเข้าไปทัก”
“เปล่า เมื่อนานมาแล้วน่ะ”
“ตอนไหนเหรอคะ” ของขวัญมองเขาอย่างงุนงง
“ไม่มีอะไรครับ” ธามหันหน้าหนี
“อ้าว มาพูดให้งงแล้วจากไปแบบนี้ไม่ได้นะคะ ตกลงเราเคยเจอกันตอนไหนเหรอคะ” ของขวัญเผลอส่งสายตาออดอ้อนตามความเคยชินเวลาเธออ้อนแฟนคลับ
“ตอนนั้นคุณยังเด็กมาก คงจำอะไรไม่ได้” ธามหันมาสบกับดวงตากลมโตตรงหน้า
“เล่ามาเถอะค่ะ ขวัญอยากรู้”
สิบห้าปีก่อน
“ฮือออ”
เสียงร้องไห้โฮของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งทำให้ธามที่เพิ่งซ้อมกีฬากับเพื่อนเสร็จและกำลังจะไปร้านเกมหันกลับไปมอง พอเห็นหน้าเธอเขาก็จำได้ว่าเป็นเด็กน้อยที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ธามกำลังจะเดินตามหลังเพื่อนต่อ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเด็กผู้ชายสองสามคน
“นี่! ยัยแก้วหน้าม้า เธอห้ามไปฟ้องครูเด็ดขาด ไม่งั้นพวกเราจะตามไปเผาบ้านเธอ”
“ใช่ ๆ ถ้าเธอเอาเงินให้เราแต่แรกก็ไม่ต้องเจ็บตัวแล้ว”
“หุบปากเดี๋ยวนี้ เสียงร้องไห้ของเธอน่ารำคาญมาก”
“ฮึก” เสียงร้องไห้หายไป แทนที่ด้วยเสียงสะอื้นของเด็กผู้หญิงที่น่าสงสารแทน
ธามหันกลับไปมองแก๊งเด็กผู้ชายเหล่านั้นก็เห็นว่าทุกคนน่าจะราว ๆ ประถม แต่กำลังรุมข่มขู่เด็กหญิงอนุบาลตัวน้อย
“เฮ้ย! ไปกันก่อนเลย เดี๋ยวกูตามไป” ธามตะโกนบอกเพื่อนแล้วเดินไปหากลุ่มเด็ก ๆ แทน
“ทำอะไรกันน่ะ” เขาถามบรรดาเด็กชายด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ไปกันเถอะ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายอยู่มัธยมปลายและตัวโตมาก เด็กชายคนหนึ่งจึงจูงมือเพื่อนทั้งสองเพื่อเตรียมจะวิ่งหนี แต่ยังไม่ทันไปไหนไกลก็โดนมือใหญ่คว้าหมับเข้าที่คอเสื้อเข้าเสียก่อน
“วันหลังถ้ามารังแกน้องสาวกูอีก กูจะตามไปหักแขนหักขาพวกมึงที่บ้าน เข้าใจไหม” ธามโน้มตัวกระซิบบอกเด็กทั้งสามเพื่อไม่ให้เด็กหญิงได้ยิน
“ขะ เข้าใจครับ”
“กูจะปาดคอพ่อแม่พวกมึงทุกคนด้วย” เมื่อเห็นสีหน้าหวาดกลัวของทั้งสามธามก็ปล่อยมือออก เด็กพวกนั้นจึงร้องไห้จ้าและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
“เธอเจ็บตรงไหนไหม” ธามหันไปถามเด็กผู้หญิงที่มองเขาอย่างหวาดกลัวเช่นกัน
ธามมีร่างกายสูงใหญ่เกินวัยเพราะเป็นนักกีฬายูโดของโรงเรียน ตอนนี้ปิดเทอมเขาจึงทาเล็บสีดำ ใส่ห่วงที่จมูก แถมยังติดแทตทูรูปหัวกะโหลกที่คอเสริมความเท่อีกด้วย
“ฮืก” เด็กหญิงรู้สึกเสียขวัญ แต่ก็ร้องไม่ออกเพราะกลัวมาก เธอก้าวถอยหลังไปช้า ๆ จนเกือบตกขอบทางเท้า
“ระวัง!” ธามรีบวิ่งไปดึงเด็กผู้หญิงไม่ให้ล้มลงไปบนถนนที่มีรถวิ่งไปมา
“ปล่อยหนู แง้~ ปีศาจจะจับหนูไปกิน” ของขวัญดิ้นสุดแรง
“หยุด! ฉันไม่กินเด็กอย่างเธอหรอก”
“สัญญานะ” เธอชูนิ้วก้อยขึ้นตรงหน้าเขา
“อืม แล้วพ่อแม่ไปไหน” ธามยื่นมือไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยเล็ก ๆ นั่น
“หนูหลงกับแม่ค่ะ มือถือก็โดนพวกนั้นขโมยไป” เธอพูดอย่างเศร้าสร้อย
“งั้นเดี๋ยวไปส่ง” ธามโบกแท็กซี่แถวนั้นแล้วนั่งไปส่งเธอที่หน้าบ้าน ก่อนจะไปยังร้านเกมต่อ
หลังจากวันนั้นเขาก็เจอเธอบ้างบางครั้งแต่ไม่ได้เข้าไปทัก แล้วเขาก็ไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่เมืองนอก ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะบังเอิญเจอเธอที่บริษัทอีกครั้ง พอให้คนไปแอบสืบก็รู้ว่าเธอคบกับผู้ชายในค่ายอยู่ลับ ๆ เขาจึงพยายามเลิกสนใจเธอแล้วตั้งใจทำงานอย่างเดียว แต่ฟ้าก็ดันเล่นตลกให้น้องชายเขาคบกับเพื่อนสนิทของเธอ จนได้กลับมาคุยกันอีกครั้ง
“ปีศาจนี่เอง อ๊ะ ขอโทษค่ะ” ของขวัญที่ได้ฟังธามเล่าว่าเขาเคยช่วยเธอตอนที่เธอถูกรังแกก็นึกขึ้นได้ เธอยังจำความน่ากลัวของเขาในตอนนั้นได้ไม่ลืม
“ไม่เป็นไรครับ แล้วหลังจากนั้นโดนแกล้งอีกไหม”
“ไม่แล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ คุณธามเปลี่ยนไปเยอะจนขวัญจำไม่ได้เลยค่ะ” ตอนนี้เขาช่างดูสุขุมและสุภาพ สลัดคราบวัยรุ่นทรงแบดตอนนั้นไปเลย
“คนเราก็ต้องเปลี่ยนแปลงกันบ้าง คุณขวัญเองก็เปลี่ยนไปเยอะครับ” เขาจำได้ว่าตอนเด็กฟันหน้าเธอเล่มใหญ่และยื่นออกมาเหมือนแก้วหน้าม้าจริง ๆ
“เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นใช่ไหมคะ”
“ครับ สวยขึ้นเยอะเลยครับ” ธามเผลอพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาจนคนฟังชะงักเล็กน้อย
“ขอบคุณนะคะ เรากลับเต็นท์กันเถอะค่ะ” ของขวัญผละออกจากเขา ตอนนี้เธอรู้สึกใจเต้นแปลก ๆ กับคำพูดนั้น
