ตอนที่ 3 จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์
สามปีก่อน
ของขวัญในวัยอายุสิบหกปี เธอเป็นเด็กฝึกหัดในค่ายเพลงยักษ์ใหญ่มาสักระยะ หลังเลิกเรียนเธอต้องมาซ้อมร้องซ้อมเต้นที่ค่ายจนดึกดื่น ในช่วงพักเบรกเด็กสาวจึงมักขึ้นมารับอากาศเย็น ๆ บนดาดฟ้าให้ใจเย็นลง
‘โอ๊ยยย เหนื่อย!’ ของขวัญป้องปากตะโกนเพื่อระบายอารมณ์เหมือนทุกที ที่นี่เป็นตึกสูงหลายสิบชั้นเสียงของเธอจึงปลิวหายไปกับสายลม
‘จะเอาใหม่อะไรนักหนา คิดว่ามันง่ายนักเหรอ อยากให้ร้องเสียงดังโดยไม่อ้าปากน่าเกลียดก็ให้ลิปซิงก์เอาสิ!’ เธอตะโกนสิ่งที่ไม่สามารถพูดต่อหน้าครูสอนร้องเพลงเมื่อกี้ได้พลางชกอากาศไปด้วย เรียกรอยยิ้มขำจากคนมองที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามา
‘ไอดอลก็มีลิ้นไก่นะ ร้องให้เพราะแต่ต้องยังสวยอยู่มันยากนะว้อยย!’
ในขณะที่ของขวัญกำลังเงยหน้าสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอดและกางแขนออกสองข้าง จู่ ๆ เธอก็รู้สึกได้ว่าโลกกำลังหมุน รู้ตัวอีกทีร่างเล็กก็มานอนอยู่บนพื้นซีเมนต์พร้อมกับมีอ้อมกอดของใครบางคนรัดเอวเธอไว้แน่น ของขวัญรีบยันตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะหันไปหาคนข้างหลัง
‘ทำอะไรของคุณคะ’
‘ผมต้องเป็นฝ่ายถามคุณมากกว่า เมื่อกี้คุณจะทำอะไร’ เขาลุกขึ้นนั่งแล้วมองเธอด้วยสายตาตำหนิ
เมื่อเห็นว่าเป็นใครของขวัญก็ถึงกับชะงักปากที่กำลังจะเถียงกลับ
ภาคินทร์ พี่ชายของเพื่อนในวัยเด็กที่เธอแอบปลื้มมานาน หลังจากที่ภาคินทร์เรียนจบมัธยมเขาก็ย้ายออกไปอยู่คอนโดส่วนตัว ทำให้เวลาไปเล่นบ้านเพื่อนเธอไม่มีโอกาสได้เจอเขาอีกเลย ได้แต่ติดตามทางโซเชียลมีเดียอยู่ห่าง ๆ จนวันหนึ่งได้รู้ว่าเขากำลังจะเดบิวต์เป็นนักร้อง นั่นจึงเป็นสาเหตุให้เธอมาเป็นเด็กฝึกที่นี่เพราะอยากเจอเขาอีกครั้ง
แต่หลังจากออดิชันผ่านจนได้เป็นเด็กฝึกมาได้สักพักของขวัญกลับไม่เคยเจอภาคินทร์เลยเพราะที่ค่ายแยกโซนสำหรับศิลปินกับเด็กฝึกไว้ ตอนที่เธอเข้ามาเขาก็กลายเป็นศิลปินไปแล้วและเดินสายโพรโมตงานเพลงจนไม่ค่อยได้เข้าบริษัท จนกระทั่งวันนี้...
สามปีแล้วที่ไม่ได้เจอกัน เขาดูดีกว่าเมื่อก่อนเป็นกองเลย ดูดีกว่าในรูปเสียอีก
‘ยังเด็กอยู่แท้ ๆ ทำไมคิดสั้นแบบนี้ล่ะ’ กะจากสายตาเด็กสาวตรงหน้าคงห่างจากเขาสี่ห้าปี
เสียงบ่นของเขาทำให้ของขวัญได้สติ
‘ไม่ใช่เด็กสักหน่อย ขวัญไม่ได้ทำอะไรอย่างที่พี่คินคิดนะคะ’
‘รู้จักผมด้วยเหรอ’ ภาคินทร์เลิกคิ้วสูง
คำถามนี้เล่นเอาคนฟังถึงกับตาโต แสดงว่าเขาจำเธอที่เป็นเพื่อนของน้องสาวเขาไม่ได้ แต่คงจะไม่แปลกอะไรเพราะตอนนั้นเธออายุแค่สิบสามเอง และไม่ค่อยมีโอกาสได้คุยกับเขานอกจากสวัสดีทักทาย เพราะส่วนใหญ่เขามักจะขลุกอยู่แต่ในห้องส่วนตัวบนชั้นสองเพื่อแต่งเพลง
‘ก็พี่คินออกจะดังนี่คะ’ เธอคิดว่าไม่จำเป็นต้องบอกว่ารู้จักเขามาก่อน ต่อให้บอกไปเขาก็คงจำไม่ได้อยู่ดี
‘แล้วนี่ชื่อขวัญเหรอ ไม่คุ้นหน้าเลย เพิ่งเป็นเด็กฝึกที่นี่เหรอ’
‘ค่ะ เพิ่งฝึกได้สามเดือน’
‘งั้นพี่คงต้องแจ้งผู้จัดการ’ เขากำลังจะลุกขึ้นยืนแต่ก็โดนอีกฝ่ายรั้งต้นแขนเอาไว้
‘เดี๋ยวค่ะ มันไม่ใช่แบบที่พี่คินคิดนะคะ ขวัญแค่มาสูดอากาศบนนี้เฉย ๆ ไม่ได้คิดสั้นอะไรเลย’
‘แน่นะ’
‘แน่ค่ะ ไม่ทำแน่นอน’ ของขวัญสบตาเขาตรง ๆ เพื่อแสดงความจริงใจ
‘งั้นเอาไลน์มา’
‘คะ?’
‘ถ้ามีปัญหาอะไรก็ปรึกษาพี่ได้ตลอดเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ’ มือหนาวางบนศีรษะเล็กอย่างอ่อนโยน
เขาไม่รู้ว่าเธอมีเรื่องเครียดที่ไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้หรือเปล่า แต่ภาคินทร์เข้าใจความยากลำบากของเธอดี เพราะเขาเองก็เคยผ่านมันมาก่อน กว่าจะฝ่าฟันจนทำตามความฝันได้สำเร็จเขาก็ทรมานมาหลายปีเหมือนกัน
‘งั้นขวัญขอทักไปปรึกษานะคะ’
นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ของขวัญกับภาคินทร์ได้รู้จักกันมากขึ้น
“หนังไม่สนุกเหรอครับ” ภาคินทร์หันหน้าไปถามของขวัญที่ดูเหม่อลอยแม้กระทั่งฉากที่มีผีคลานออกมาจากทีวี
“เปล่าค่ะ พอดีขวัญเผลอคิดอะไรเพลิน ๆ นิดหน่อย” ของขวัญหันหน้าไปตอบพลางยิ้มบาง ๆ ที่เผลอนึกถึงจุดเริ่มต้นที่ได้คุยกันเมื่อสามปีก่อน
“พี่ว่าหนังเรื่องนี้น่าเบื่อ งั้นเราเปลี่ยนไปดูซีรีส์เกาหลีตลก ๆ กันดีกว่าเนอะ” เขารีบยกรีโมตมากดเปลี่ยนช่อง ที่จริงฉากเมื่อกี้ทำเขาหัวใจแทบวายจนไม่กล้าดูต่อ
“ค่ะ”
ทั้งคู่นั่งดูซีรีส์เรื่องใหม่ด้วยกันจนถึงฉากที่พระเอกกับนางเอกในเรื่องเมาจนเผลอมีอะไรกันแล้วตื่นมาก็ตกลงเป็น friend with benefits กัน
“ฮ่า ๆ” ภาคินทร์เผลอหลุดขำออกมา
“หัวเราะอะไรคะ” ของขวัญหันไปถามคนข้าง ๆ อย่างงุนงง
“หึ ๆ ไม่คุ้นเลยเหรอ”
“เคยดูเรื่องนี้เหรอคะ”
“เคยทำต่างหาก ตอนนั้นเธอเข้ามาขอจูบพี่ด้วยนะ เมาจนจำไม่ได้เลยเหรอ” เขายื่นมือไปบีบจมูกเล็กเบา ๆ อย่างมันเขี้ยว
วันนี้เป็นวันประกาศผลที่ของขวัญสอบติดมหาวิทยาลัยตามที่ได้ตั้งใจไว้ เธอดีใจจึงเผลอไปดื่มกับเพื่อนจนเมามายแล้วโดนยุให้สารภาพรักกับหนุ่มที่แอบชอบ ของขวัญเลยรวบรวมความกล้าแล้วมาหาภาคินทร์ที่คอนโด
‘อ้าว ขวัญมาทำอะไรดึก ๆ ดื่น ๆ’
‘ขวัญ เอิ๊ก’ พูดได้เพียงคำเดียวเธอก็มองเขาตาเยิ้ม
‘อะไรเนี่ย เมาเหรอ’ ภาคินทร์จับหญิงสาวที่ยืนโงนเงนให้เข้ามาในห้อง
‘สงสัยจาดื่มหนักปาย ก็ขวัญไม่กล้านี่นา’
‘นั่งพักก่อนนะ เดี๋ยวพี่โทรเรียกผู้จัดการขวัญให้มารับ’ เขาพยุงเธอมานอนที่โซฟา แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปหยิบโทรศัพท์ คนเมาก็กระชากแขนเขาอย่างแรงจนล้มไปคร่อมร่างเล็ก
‘ม่าย ขวัญไม่กลับ เดี๋ยวโดนแม่ตีเพียะ ๆ เลย’ ของขวัญไม่พูดเปล่า มือเล็กยังยกขึ้นฟาดบั้นท้ายของชายหนุ่มประกอบอีกด้วย
‘นี่! มันจะมากเกินไปแล้วนะ สร่างเมาเมื่อไหร่เธอโดนตีแน่’ ภาคินทร์ดีดหน้าผากมนอย่างแรง
‘อ๊า’ ของขวัญคลำหน้าผากตัวเองป้อย ๆ
‘อย่าทำเสียงแบบนั้นสิ เฮ้อ แล้วจะให้พี่ทำยังไง บ้านขวัญอยู่ไหน เดี๋ยวไปส่ง’ เขาผละออกมานั่งดี ๆ แต่เหมือนสวรรค์ไม่เป็นใจ เมื่อมุมนี้ทำให้สายตาคมปะทะเข้ากับกางเกงในสีชมพูที่โผล่พ้นชายกระโปรงออกมาเพราะเธอนอนหันขามาทางเขาอยู่
‘ม่ายกลับ ๆๆ’
ผัวะ ๆๆ ของขวัญยกเท้าขึ้นถีบหน้าอกแกร่งอย่างแรงหลายครั้ง
‘ขวัญ! หยุด!’ มือหนารวบข้อเท้าเล็กทั้งสองข้างไว้ก่อนที่เท้าของเธอจะยกขึ้นมาถีบหน้าเขา แต่กระโปรงที่ร่นไปถึงเอวก็ทำเอาเขาต้องรีบหันหน้าไปทางอื่น
‘ขวัญขอนอนตรงนี้นะคะ ไม่งั้นจะฉี่จองที่’
‘เฮ้ย!’ ภาคินทร์รีบปล่อยมือจากข้อเท้าไปจับมือเธอที่กำลังจะถลกกางเกงในลงแทน
‘ว่าไงคะ’
‘เออ ๆ แต่ก่อนอื่นต้องไปอาบน้ำก่อน กลิ่นเหล้าหึ่งเลย พี่จะอ้วก’ ภาคินทร์ลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวและชุดนอนของเขามาให้เธอ
เขาดันร่างเล็กให้เดินไปทางห้องน้ำแล้วปิดประตู ก่อนจะส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจแล้วเดินกลับไปนั่งที่โซฟา
หลังจากอาบน้ำเสร็จของขวัญก็เดินออกมาโดยใส่แค่เสื้อยืดตัวโคร่งของภาคินทร์ตัวเดียว
‘อ้าว แล้วทำไมไม่ใส่กางเกง’ ภาคินทร์ถามเมื่อเธอยื่นกางเกงคืนให้
‘ใส่ไม่ได้ค่ะ ใส่แล้วหลุดออกมาเลย’
‘งั้นไปเป่าผมก่อนไป’ เขาดันแผ่นหลังเธอให้เดินเข้าห้องนอนไปนั่งที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนจะเสียบปลั๊กแล้วยัดไดร์ใส่มือเล็ก
เมื่อเป่าผมเสร็จของขวัญก็เดินไปนอนบนเตียงข้าง ๆ ภาคินทร์
‘ขวัญไปนอนที่โซฟาสิ ตรงนี้เตียงพี่นะ’
‘ใจร้าย’ พูดจบเธอก็ยกผ้าห่มคลุมโปง
‘ออกไปเดี๋ยวนี้เลย ไม่ต้องมะ...’ ภาคินทร์กลืนคำพูดลงคอทันทีเมื่อเขาดึงผ้าห่มออกจากร่างบางแล้วเห็นเธอนอนหันหลังให้เขา โดยที่ท่อนล่างเปลือยเปล่า
เขารีบห่มผ้าให้เธอเหมือนเดิม แล้วตัดสินใจไปนอนที่โซฟาแทน
‘มานอนตรงนี้ไม่หนาวเหรอคะ’ ภาคินทร์ลืมตาขึ้นก็เห็นของขวัญนั่งคุกเข่ามองเขาที่พื้น
‘หนาวสิ’ ร่างสูงลุกขึ้นนั่งพลางลูบแขนตัวเองไปมา
‘งั้นเดี๋ยวขวัญทำให้อุ่นขึ้นดีไหม’
‘ขวัญทำอะไรเนี่ย’ เขาร้องอย่างตกใจเมื่อร่างบางลุกขึ้นมานั่งตักเขา
‘กอดกัน จะได้อุ่น’
ภาคินทร์ถอนหายใจเมื่อโดนกอดแน่นราวกับจะไม่ปล่อยให้เขาเป็นอิสระง่าย ๆ
‘อย่าขยับสิ’
แต่เหมือนเธอต้องการจะแกล้งเขา สะโพกเล็กขยับเบียดไปมาจนบางส่วนที่อยู่ใต้กางเกงนอนเริ่มโป่งนูนเป็นลำ
‘วันนี้ขวัญสอบติดมหาวิทยาลัยแล้วค่ะ’
‘อ้าวเหรอ ยินดีด้วยนะ’ เขาอยากลูบศีรษะเธอ แต่ตอนนี้ต้องห้ามใจไม่ให้แตะส่วนไหนของร่างเล็กตรงหน้า
‘ขวัญขอของขวัญได้ไหม’ เธอพูดพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง
‘พี่ไม่ได้เตรียมให้น่ะ งั้นวันหลังนะ’
‘ไม่ได้ ขอตอนนี้’ หญิงสาวทำน้ำเสียงเอาแต่ใจด้วยใบหน้าบึ้งตึง
‘คงต้องเป็นเงินแล้วล่ะ’
‘ไม่เอาเงิน ขวัญมีของที่อยากได้แล้ว’
‘อะไรล่ะ’
‘จูบ’ ของขวัญพูดพร้อมกับแตะริมฝีปากตัวเอง
‘จะบ้าเหรอ’ ภาคินทร์ถึงกับตาโตเมื่อได้ยินคำตอบที่คาดไม่ถึง
‘ไม่ได้บ้า นะคะ ขอลองหน่อย’
สายตาเว้าวอนที่ส่งมาในระยะใกล้ทำให้เขาใจอ่อนยวบ
เธอจงใจอ่อยขนาดนี้ ถ้าเขาสนองตอบคงไม่เรียกว่าเอาเปรียบใช่ไหม
‘เฮ้อ งั้นแค่รอบเดียวนะ’
ภาคินทร์โน้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากเล็กตรงหน้า ความนุ่มนิ่มและกลิ่นแอลกอฮอล์จาง ๆ ทำให้เขาเผลออยากลิ้มลอง ลิ้นหนาสอดเข้าไปในโพรงปากเล็กที่เปิดรอให้เขาเข้าไปสำรวจ ภาคินทร์ตวัดกวาดดูดกลืนความหวานอย่างเพลิดเพลิน จากรสจูบที่นุ่มนวลเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นดูดดื่มขึ้นเรื่อย ๆ จนคนที่โดนจูบต้องผลักเขาออก
‘พะ พอแล้วค่ะ’
‘แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วเหรอ’ ภาคินทร์พูดชิดริมฝีปากเล็กสีชมพูที่เขาเพิ่งรู้ว่าหวานแค่ไหน
‘ค่ะ ไปนอนกันไหมคะ’ ร่างบางลุกขึ้นยืน
‘พี่ว่าขวัญน่าจะไม่อยากนอนเฉย ๆ นะ’ เขาพูดพลางชี้ไปที่ตักตัวเองที่มีรอยเปียกชื้นเปื้อนอยู่เล็กน้อย
แม้จะมีเพียงแสงสว่างสีส้มจากไฟบางดวง แต่ก็พอเห็นได้ว่ากางเกงนอนสีกรมของเขาเลอะของเหลวบางอย่าง
‘ว้าย ขอโทษค่ะ’
‘ขวัญปลุกพี่จนตื่นแล้ว ตอนนี้เราสองคนคงนอนต่อไม่ได้ จริงไหม’ ภาคินทร์ลุกขึ้นมากอดเธอเอาไว้ จงใจให้ส่วนที่ตื่นขึ้นมาสัมผัสกับหน้าท้องของหญิงสาว
ตอนนี้เขาห้ามใจไม่อยู่แล้ว ในเมื่อเธอดูจะชอบเขาจนอยากข้ามเส้นคำว่าพี่น้อง เขาก็จะจัดให้
‘เดี๋ยวขวัญไปอาบน้ำดีกว่าค่ะ’
‘พี่มีวิธีที่ทำให้เรานอนหลับสบายโดยไม่เปลืองน้ำด้วยนะ’ แววตาเขาเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ทันที
‘เอ่อ ขวัญว่า...’ เธอไม่ได้ซื่อจนไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ความกล้าที่เคยมีตอนขอจูบตอนนี้จางหายไปหมดแล้วเมื่อเห็นสีหน้าเอาจริงของเขาขึ้นมา
‘นะ นะครับ’
‘....’
‘พี่สัญญาว่าจะทะนุถนอมที่สุด’
ของขวัญพยักหน้าน้อย ๆ อย่างเขินอาย หัวใจเธอเริ่มเต้นแรงขึ้นจนแทบจะทะลุออกจากอกเมื่อเขาอุ้มเธอไปวางไว้บนเตียงอย่างแผ่วเบา
ทั้งคู่สบตากันก่อนที่ภาคินทร์จะเลื่อนใบหน้าเข้าไปหาช้า ๆ แล้วใช้ปลายจมูกโด่งสูดกลิ่นหอมจากแก้มนุ่ม เขาไล่จมูกไปที่ซอกคอขาวผ่อง ขณะที่มือหนาสัมผัสเข้าที่ต้นขาเล็กก่อนจะลูบสูงขึ้นเรื่อย ๆ เล่นเอาคนโดนสัมผัสขนลุกซู่
‘อุ๊ย’ ของขวัญอุทานเมื่อมือของเขาสัมผัสโดนจุดอ่อนไหว
‘อ้าขาออกให้หน่อยครับ’ ภาคินทร์กระซิบเสียงทุ้มข้างใบหูเล็ก
ของขวัญกัดริมฝีปากเพื่อข่มความอายแล้วทำตามที่เขาบอกทุกอย่าง
หลังจากนั้นเธอก็ได้มอบครั้งแรกให้เขาอย่างเต็มใจ แม้สติจะไม่เต็มร้อย แต่เธอก็ไม่ได้เมาจนพูดไม่รู้เรื่องเหมือนก่อนหน้า ทุกสัมผัส ทุกท่วงท่าของเขา เธอจดจำได้หมดทุกอย่าง
หลังจบยกแรกเขาก็ขอให้เธอมาเป็นคู่นอน ตอนนั้นเธอรีบตอบตกลงเพราะดีใจที่ประสบการณ์ครั้งแรกของเธอไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง ค่ำคืนนั้นจึงต่อไปอีกหลายยกจนหลับไปพร้อมกันด้วยความอ่อนแรง
“จำไม่ได้หรอกค่ะ ขวัญเมา พี่คินฉวยโอกาส” ของขวัญโกหกคำโต
“งั้นต้องทวนความจำกันหน่อยไหมครับ” ภาคินทร์รวบเอวเล็กเข้ามาชิดอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวค่ะ ขวัญล้อเล่น วันนี้ขวัญอยากพัก”
“หึ ๆ โอเค ตอนนี้ดึกแล้วเราไปนอนกันดีกว่า”
ภาคินทร์เดินจูงมือของขวัญไปนอนบนเตียง เขาดึงตัวเธอเข้าไปกอดไว้หลวม ๆ แล้วลูบศีรษะเพื่อกล่อมเธอนอนเหมือนปกติ
“ฝันดีนะคะ”
“ฝันดีครับ”
ใจจริงของขวัญเองก็อยากถามในสิ่งที่รบกวนจิตใจเธอมากที่สุด ทั้งเรื่องผู้หญิงที่ไปกินข้าวกับเขาเป็นใคร ทำไมเขาถึงต้องโกหกว่าไม่ได้ออกไปไหนด้วย แต่เธอก็รู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ถามแบบนั้น ต่อให้เป็นในฐานะเพื่อนก็คงฟังดูแปลกอยู่ดี
