บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 แคลงใจ

“ได้ของขวัญแล้วถูกใจไหม” ภาคินทร์พูดพลางสบสายตากับหญิงสาวผ่านกระจกเงา

“ค่ะ”

อ้อมแขนแข็งแรงดึงเธอเข้ามาแนบชิดจนบางอย่างที่อยู่ภายใต้ผ้าเช็ดตัวบดเบียดกับบั้นท้ายนุ่มนิ่ม

“พรุ่งนี้อย่าลืมใส่ไปทำงานด้วยนะ” เสียงทุ้มแหบพร่ากระซิบข้างใบหูเล็กจนคนฟังขนลุกซู่

“พะ พี่คิน” ของขวัญเรียกเสียงแผ่วเพราะรับรู้ได้ถึงตัวตนที่กำลังขยายใหญ่ข้างหลัง

“หืม” ภาคินทร์ดึงผ้าเช็ดผมที่พาดบนบ่าเล็กออกแล้วโน้มหน้าลงไปประทับจุมพิตแผ่วเบาที่ลำคอระหง

“พรุ่งนี้ขวัญต้องตื่นแต่เช้านะคะ”

“อืม” เขายังคงพรมจูบไปเรื่อย ๆ ตามบ่าเล็กจนไปถึงลาดไหล่มน ก่อนจะใช้นิ้วสะกิดปมผ้าเช็ดตัวออก

“จะเที่ยงคืนแล้วนะคะ” ของขวัญรีบดึงผ้าเช็ดตัวเอาไว้ไม่ให้หลุด แต่ก็แพ้แรงเขาที่แทบจะกระชากผ้าออกจากตัวเธอ จนในที่สุดเธอก็กลับมาเปลือยเปล่าอีกครั้ง

“หมายถึงให้พี่รีบทำใช่ไหม” เสียงทุ้มเอ่ยเย้า

“ไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย อ๊าย” หญิงสาวสะดุ้งโหยงเมื่อโดนขบเข้าที่ติ่งหู

“งั้นเดี๋ยวพี่ไม่รบกวนนานนะ” เมื่อพูดจบเขาก็จับร่างบางให้หมุนตัวมาประจันหน้ากัน ก่อนจะดันตัวเธอให้เดินถอยหลังจนชนกับโต๊ะเครื่องแป้ง

ภาคินทร์ดึงเก้าอี้ออกมานั่งลงตรงหน้าเธอ ทำให้ตอนนี้ใบหน้าหล่อใสอยู่ระดับเดียวกับดอกไม้งาม เขาจับต้นขาของเธอข้างหนึ่งวางพาดบนบ่าแกร่ง

“อุ๊ย พี่คินแบบนี้มัน...”

“อยู่นิ่ง ๆ” มือหนารีบจับขาของเธอที่กำลังจะเอาลงให้อยู่ที่เดิมแล้วดึงสะโพกเล็กให้แอ่นมาข้างหน้ามากขึ้นทำให้ส่วนบอบบางอยู่ห่างจากริมฝีปากเขาแค่คืบ

“ขวัญอายนะคะ” เขามองสิ่งตรงหน้าด้วยสายตาหื่นกระหายจนเธอต้องผลักศีรษะหนาให้ขยับออก

แม้จะมีอะไรกันหลายครั้งแล้วแต่เขาก็ไม่เคยจ้องส่วนสงวนของเธอใกล้ขนาดนี้ เพราะปกติไม่จำเป็นต้องเล้าโลมอะไรมากภาคินทร์ก็จะสอดใส่เข้ามาเลย เธอจึงเคยชินกับความใจร้อนของเขา

เพียะ!

“อ๊ะ” แรงมือที่ปะทะบนสะโพกเล็กไม่เบานัก ทำเอาเธอถึงกับสะดุ้งโหยงอย่างตกใจ

“บอกให้อยู่นิ่ง ๆ ไง” ริมฝีปากหนากดจูบลงบนกลีบดอกไม้งามที่มีรอยบอบช้ำเล็กน้อย

“อื้อ อย่าค่ะ” มือที่เคยผลักไสในตอนแรกเปลี่ยนมาวางบนศีรษะหนาเฉย ๆ

เมื่อโดนสั่งห้าม แทนที่จะหยุดภาคินทร์กลับแลบลิ้นออกมาแตะตรงกลางรอยแยกอย่างแผ่วเบา เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมจู่ ๆ ถึงอยากลองชิมรสชาติของเธอขึ้นมา ทั้งที่ไม่เคยคิดจะทำกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน

ลิ้นสากค่อย ๆ ไล้เลียลงบนกลีบเล็กจนร่างบางสั่นสะท้าน เขาปาดขึ้นลงละเลียดชิมน้ำหวานที่เริ่มถูกขับออกมาอย่างเพลิดเพลิน

เธอหอมหวานกว่าที่คิดมาก ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะพลาดสิ่งนี้มาเป็นปี ยิ่งน้ำหวานขับออกมามากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งวนปลายลิ้นไล้เลียเร็วขึ้นเท่านั้น

ภาคินทร์เงยหน้าขึ้นไปมองหญิงสาว เมื่อเห็นว่าเธอกำลังทำหน้าเหยเกเขาก็ยิ่งอยากมอบความทรมานให้มากขึ้น

ลิ้นร้ายสะกิดเขี่ยลงบนปุ่มกระสัน สร้างความซ่านเสียวให้กับของขวัญจนเผลอหลุดเสียงคราง ยิ่งได้ยินเสียงที่ดูจะมีความสุขภาคินทร์ก็ยิ่งได้ใจ เขาจัดการย้ำรัว ๆ พร้อมทั้งใช้นิ้วกลางค่อย ๆ กดชำแรกเข้าไปในช่องทางรักของเธอ

“อ๊ะ” ของขวัญกัดฟันแน่นเมื่อรู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมที่สอดเข้ามาในร่างกาย

สัมผัสนุ่มหยุ่นของลิ้นร้อนที่ตะโบมเลีย บวกกับนิ้วที่สอดเข้าสอดออกทำให้สติของเธอกระเจิง มือเล็กเผลอขยุ้มเส้นผมของคนที่มุดหน้าอยู่ระหว่างขาของเธอด้วยความเสียวกระสัน หน้าท้องแบนราบหดเกร็ง สะโพกเล็กแอ่นไปข้างหน้าเพื่อรับสัมผัสให้ใกล้ชิดขึ้น

แต่แล้วอยู่ ๆ ภาคินทร์ก็หยุดชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นมามองเธอ

“ชอบไหม” เขาเอ่ยถามยิ้ม ๆ

“ค่ะ” ของขวัญพยักหน้ารับทันที ตอนนี้ความอยากอยู่เหนือความอายแล้ว

“ไหนตอนแรกบอกว่าอย่าไง” ภาคินทร์ยังคงแกล้งเธอต่อทั้งที่นิ้วยังแช่คาอยู่ในโพรงนุ่ม

ของขวัญได้แต่กัดริมฝีปากอย่างขัดใจให้กับความขี้เล่นไม่รู้เวล่ำเวลาของเขา

“หมายถึงอย่าหยุดค่ะ”

“หึ อยากให้ต่อไหม”

“ค่ะ”

“งั้นหันหลังมา” ไม่ว่าเปล่า เขาจับขาเธอลงจากบ่าแล้วหมุนให้หญิงสาวหันหน้าไปทางกระจก

ของขวัญมองสบตาเขาจากทางด้านหลังก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอจึงแยกเรียวขาออกจากกันเพื่ออำนวยความสะดวกให้อย่างรู้งาน

ภาคินทร์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะถอดผ้าเช็ดตัวที่พันอยู่รอบเอวตัวเองออก มือหนาจัดการกดแผ่นหลังเล็กให้อยู่ในท่าโก้งโค้งจนหน้าของหญิงสาวแทบจะแนบกับกระจก

“จะเสียบแล้วนะ” ภาคินทร์ใช้ส่วนปลายถูไถปากทางเข้าสองสามครั้งแล้วดันตัวตนแกร่งแทรกเข้าไป

“อื้ม” ของขวัญหลับตาพริ้ม ซึมซับความรู้สึกอึดอัดที่ค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามา

“อา พี่ไม่ไหวแล้ว ขอเอาแรง ๆ เลยนะ” เขาจับสะโพกเล็กไว้มั่นแล้วถอนตัวออก ก่อนจะกระทุ้งเข้ามาอย่างแรงโดยไม่รอคำอนุญาต

“อ๊า!” ของขวัญใช้มือทั้งสองข้างยันกระจกเบื้องหน้าเอาไว้เพื่อทรงตัว ในขณะที่โดนแรงกระแทกกระทั้นจากข้างหลังตอกอัดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

เพียะ

มือหนาฟาดลงบนบั้นท้ายเธออย่างมันเขี้ยวจนขึ้นรอยแดง เขามองสีหน้าบิดเบี้ยวของเธอที่สะท้อนผ่านกระจกเงาด้วยความหลงใหล

ของขวัญเป็นผู้หญิงที่มีใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้ม แต่ตอนนี้แววตาที่เต็มไปด้วยเพลิงพิศวาสของเธอกำลังแผดเผาเขาให้ร้อนรุ่มทั้งตัว เขาอยากได้ยินริมฝีปากเล็ก ๆ นั่นครางชื่อเขา เมื่อคิดได้ดังนั้นภาคินทร์จึงใช้มือจับบ่าเล็กเอาไว้แล้วเร่งจังหวะจนร่างบางสั่นคลอนไปตามแรงกระแทก

“อ๊ะ ๆๆ พะ พี่คิน ขวัญจะมะ ไม่ไหว” ประโยคที่ขาดห้วงเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากคนฟังได้เป็นอย่างดี

“ดัง ๆ ซิ พี่ไม่ได้ยิน” สะโพกสอบตอกอัดหนักขึ้นเพื่อแกล้งหญิงสาว

“ขวัญจุก!” ของขวัญกัดฟันตะโกนตอบกลับไป

“ครางชื่อพี่ด้วยสิ” ต่อให้เธอบอกว่าจุกเขาก็ไม่ผ่อนแรง กลับสอดใส่ให้ลึกกว่าเดิมแทน

“อ๊า พี่คินขา”

เสียงหวานที่เรียกชื่อเขาเป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้าย ภาคินทร์ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป เขาโน้มตัวลงไปกอดเธอแล้วระรัวสะโพกใส่ไม่ยั้ง จนคนที่โดนกระแทกรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังจะแตกสลาย เธอทำได้แค่เงยหน้าครางเพียงอย่างเดียว

ไม่กี่นาทีร่างเล็กก็เกร็งกระตุกไปก่อน ช่องทางรักตอดรัดแก่นกายหนาเป็นจังหวะจนภาคินทร์ถึงกับนิ่วหน้า เธอบีบรัดเขาจนขยับลำบาก

“อา ขวัญ” เสียงทุ้มต่ำครางชิดใบหูเล็ก

ภาคินทร์ปล่อยเธอที่ตัวอ่อนปวกเปียกให้นอนแนบไปกับโต๊ะ เขายืนหลังตรงแล้วจับบ่าเล็กไม่ให้เธอไถลไปชนกระจก ก่อนจะเพิ่มจังหวะรักให้กลับมาเร็วเหมือนเดิม

ตับ ๆๆ

ผิวเนื้อกระทบเข้าหากันเป็นจังหวะหนักหน่วงดังลั่นห้องนอนกว้างไปราว ๆ ครึ่งชั่วโมง จนในที่สุดพายุสวาทลูกใหญ่ก็มาถึงจุดสิ้นสุด

ร่างหนากระแทกเข้าออกถี่รัวชุดสุดท้ายก่อนจะกระตุกเกร็งแล้วฉีดพ่นลาวาร้อนเข้าไปในร่างเล็ก สะโพกสอบตอกอัดอีกสามสี่ครั้งเน้น ๆ แล้วจึงถอนตัวออก ทำให้น้ำรักสีขาวขุ่นไหลออกจากช่องทางรักลงไปตามเรียวขาด้านในจนเลอะ

ภาคินทร์อุ้มของขวัญเข้าไปล้างตัวในห้องน้ำอีกรอบ เมื่อออกมาเขาก็วางเธอลงบนเตียงกว้างแล้วหยิบชุดนอนมาใส่ให้เสร็จสรรพ ก่อนที่จะเดินไปปิดไฟ

“ไหนบอกจะทำไม่นานไงคะ” กำปั้นเล็กฟาดลงที่หน้าอกแกร่งเบา ๆ เมื่อเขาล้มตัวลงนอนข้างเธอ

“พี่ขอโทษ พอดีเสร็จไปแล้วรอบหนึ่งเลยอึดขึ้นน่ะ” อ้อมแขนแกร่งดึงร่างบางเข้าไปกอดหลวม ๆ

“ทีหลังไม่ให้ทำหลายรอบแล้วนะถ้ามีงานเช้า” หญิงสาวพูดอย่างงอน ๆ เพราะปกติเธอไม่เคยห้ามถ้าเขาจะทำทั้งวันทั้งคืนในวันที่ไม่ต้องตื่นเช้า

“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปส่งที่บริษัทนะครับ โอเคไหม” ภาคินทร์ลูบแผ่นหลังเล็กเบา ๆ

“โอเคค่ะ งั้นราตรีสวัสดิ์นะคะ”

“ราตรีสวัสดิ์ครับ”

ของขวัญยื่นแขนไปโอบภาคินทร์กลับแล้วค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลง

เธอเองก็ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์แบบนี้จะสามารถคาดหวังอะไรได้ไหม แต่ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ทำให้เธอมีความสุขได้ในทุก ๆ วันมากกว่าตอนที่ไม่มีเขา

“เมื่อคืนนอนดึกเหรอ” ไนน์หรือณัฐธิดา หัวหน้าวงทักเมื่อเห็นของขวัญนั่งหาวเป็นรอบที่สิบของวัน

ตอนนี้เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็น พวกเธอมีคิวถ่ายงานและสัมภาษณ์ตลอดทั้งวันเพื่อโพรโมตเพลงใหม่ แม้จะมีเวลางีบสั้น ๆ ตอนเดินทาง แต่การทำงานตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าจนถึงหกโมงเย็นก็เล่นเอาของขวัญแทบจะหลับกลางอากาศไปหลายรอบ จนพี่ใหญ่ที่แอบสังเกตเห็นอาการเหนื่อยล้าของเธอทักขึ้นขณะนั่งอยู่บนรถตู้เพื่อเดินทางกลับบริษัทด้วยกัน

“นิดหน่อยค่ะ แต่วันนี้ใช้เวลานานกว่าที่คิดนะคะ นึกว่าจะจบเร็วซะอีก”

“นั่นสิ โดนสัมภาษณ์ซะเยอะเลย มีคำถามที่ไม่มีในสคริปต์ด้วย” ณัฐธิดาอดบ่นออกมาไม่ได้ เธอเป็นคนที่โดนรัวคำถามมากที่สุดในวงเพราะเรื่องราวความรักของเธอเป็นที่จับตามองของบรรดาสื่อมวลชน จนแทบจะตอบคำถามเรื่องนี้มากกว่าเรื่องเพลงด้วยซ้ำ

“พี่ก็ไม่คิดว่ารายการสุดท้ายจะใช้เวลานานขนาดนี้ งั้นเราไปเติมพลังกันหน่อยไหม เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง” ธัญญ่า ผู้จัดการวงวัยกลางคนที่นั่งข้างคนขับหันไปเอ่ยชวน

“ไป ๆ พริมกำลังหิวอยู่พอดีค่ะ” พริมที่เมื่อกี้กำลังหลับอยู่ก็รีบตอบรับทันที

“มีใครมีธุระที่ไหนไหมจะได้ไปส่งก่อน” ธัญญ่าถามความสมัครใจ

“คือ...” ของขวัญลังเล ที่จริงเธอไม่ได้มีธุระอะไรเพียงแค่อยากกลับไปพักผ่อนมากกว่า

“มื้อนี้พี่อนุญาตให้กินได้ไม่อั้น ลืมเรื่องน้ำหนักไปก่อน” ธัญญ่าพูดต่อเพราะกลัวว่าเด็ก ๆ ของเธอจะกังวลเรื่องนี้

“โอเคค่ะ” เมื่อได้ยินดังนั้นของขวัญก็ตาลุกวาวและตอบตกลงอย่างไม่ต้องคิด

ปกติเธอกินเยอะที่สุดในวง น้ำหนักจึงมักขึ้นง่ายกว่าคนอื่น กว่าจะมีหุ่นที่สมบูรณ์แบบหน้ากล้องได้แบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เธอต้องควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัดและออกกำลังกายหนักกว่าเมมเบอร์ในวง จึงแทบไม่มีโอกาสได้กินเกินมื้อละสิบคำ อย่างน้อยวันนี้ก็มีข้ออ้างในการตามใจปาก ถ้าหน้าบวมก็ค่อยลดทีหลัง

“เราไปกินอะไรกันดีคะ” นินหรือญาณิน สมาชิกอีกคนเอ่ยถาม

“พี่ว่าเราเน้นสร้างพลังงานกันดีไหม งั้นไปกินสเต๊กกัน” ธัญญ่าเสนอ

ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ไม่นานจุดหมายปลายทางก็เปลี่ยนไปเป็นร้านอาหารในโรงแรมหรูแทน

“เอ๊ะ นั่นพี่คินหรือเปล่า” พริมทักขึ้นหลังจากเดินเข้ามานั่งในร้าน สายตาเธอมองซ้ายมองขวาจนไปเจอกับผู้ชายที่ดูคุ้นหน้าคนหนึ่งที่นั่งถัดออกไปสองโต๊ะ

“จริงด้วย มากับใครอะ ผู้หญิงด้วย” ญาณินชะโงกหน้าไปมอง

เมื่อได้ยินดังนั้นของขวัญที่แกล้งทำเป็นไม่สนใจก็ทนความอยากรู้ไม่ไหว เธอหันหลังกลับไปมองก็จำได้ทันทีว่าผู้ชายคนนั้นเป็นเขาจริง ๆ แต่ผู้หญิงที่มาด้วยกันนั่งหันหลังอยู่จึงมองไม่ออกว่าเป็นใคร

ไหนเมื่อวานเขาบอกว่าวันนี้จะนอนอยู่บ้านไม่ใช่เหรอ

“สั่งอาหารกันดีกว่าเด็ก ๆ” ธัญญ่าพูดขึ้นเมื่อบริกรยื่นเมนูมาให้

ระหว่างที่รับประทานอาหารของขวัญก็อดสงสัยไม่ได้ว่าผู้หญิงที่มากับภาคินทร์นั้นเป็นใครเธอจึงขอตัวมาเข้าห้องน้ำ ของขวัญหยิบมือถือออกมาแล้วจัดการโทรหาภาคินทร์ เธอถือสายรอไม่นานเขาก็กดรับ

(ครับ)

“พี่คินอยู่ไหนเหรอคะ”

(อยู่ห้อง)

คำตอบของเขาทำเอาเธอชะงัก

(มีอะไรเหรอ)

“เปล่าค่ะ พอดีขวัญอยู่ร้านอาหาร พี่คินอยากให้ซื้ออะไรเข้าไปฝากไหมคะ”

(ไม่เป็นไรครับ พี่สั่งมากินแล้ว ขอบคุณครับ)

“ค่ะ” ยังไม่ทันพูดอะไรต่อเขาก็ตัดสายทิ้ง

ของขวัญถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำแบบนี้ทำไม เขาไม่ใช่แฟนเธอสักหน่อย จะไปไหนกับใครมันก็สิทธิ์ของเขา แต่ทำไมในใจเธอถึงรู้สึกแปลก ๆ หรืออาจจะเป็นเพราะถ้าเพื่อนสนิทมีแฟนแล้วไม่เคยเล่าให้เธอฟัง ในฐานะเพื่อนเธอก็สามารถรู้สึกน้อยใจได้

ของขวัญสะบัดหัวไล่ความคิดไร้สาระแล้วกลับไปนั่งกินข้าวต่อที่โต๊ะ ของขวัญแสร้งทำเป็นสนใจเรื่องที่คนอื่นคุยกัน แต่ก็แอบหยิบกระจกขึ้นมาส่องเพื่อเช็กโต๊ะข้างหลัง ก่อนจะพบว่าตอนนี้โต๊ะนั้นว่างเปล่า เขาคงกลับไปแล้ว แต่กลับคอนโดตัวเองหรือไปไหนต่อเธอก็ไม่อยากจะคิด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel