7 ไปดูหนังกันเถอะ2
เดินต่อล้อต่อเถียงกับจีน จนมาถึงหน้าโปรแกรมฉายหนัง ถึงได้รู้ว่าเจ้านนท์ยังยืนทื่ออยู่ด้านหลังไม่ยอมตามมา ผมจึงร้องบอกให้อีกฝ่ายรีบเดินมาเร็วๆ แต่คนกลับตอบกลับมาด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
“พวกพี่ดูเถอะ! ผมไม่อยากดูแล้ว” พูดจบ เจ้านนท์ก็กลับหลังหัน แล้วเดินหนีไปทันที
“แล้วแกจะไปไหน? ” ผมรีบไล่ตามเจ้านนท์ไป โดยมีจีนตามหลังมาติดๆ
“ไปหาไอ้เป้” ตอบเสร็จ ก็ออกวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ไม่ให้ผมตามทัน
“อะไรของมัน? ” ผมพึมพำอย่างไม่เข้าใจ เพราะจู่ๆ คนก็เร่งความเร็วหนีไปเสียอย่างนี้
“หึงไง” จีนที่ตามมาทีหลังเอ่ยด้วยท่าทีไม่รู้ไม่ชี้
“จะมาหึงอะไร? หึงใคร? ” ผมถอนหายใจให้กับคนชอบมโน พลางคิดแย้งในใจ ว่าเจ้านนท์คงจะน้อยใจเสียมากกว่า ที่เห็นผมไม่สนใจ เลยหนีไปอย่างนี้
อายุก็ยี่สิบเอ็ดยี่สิบสองแล้วทำน้อยใจเป็นเด็กๆ ไปได้ ... ผมนึกว่าให้คนขี้น้อยใจ แต่พอคิดอีกที เป็นตัวเองต่างหากล่ะที่ไม่ดี รู้ทั้งรู้ว่าเจ้านนท์ไม่ชอบจีน แต่ก็ยังชวนอีกฝ่ายมาด้วย
ช่างไม่เข้าท่าจริงๆ ... ผมอดว่าให้ตัวเองไปด้วยไม่ได้ในตอนท้าย
“โอ้ย! ขัดใจ” คนข้างตัวทำท่าฮึดฮัด เมื่อได้ยินคำพูดของผม ก่อนจะเดินหนีไปอีกคน
“อะไรอีกล่ะทีนี้” ผมบ่นออกมาอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจยิ่งกว่าเดิม พลางเดินตามจีนไปทางลานเล่นอินไลน์สเกต ที่มีคนจำนวนมากกำลังยืนดูคนเล่นวาดลีลาท่านั้นท่านี้อยู่อย่างสนุกสนาน
“จะดูหนังไหมเนี่ย? ” ผมถามคนที่เดินหนี มายืนเกาะราวกั้นลานสเกตดูคนเล่นวาดลีลาด้วยความสนใจ เหมือนเช่นคนอื่นๆ
“ไม่ดูแล้ว เรามาเล่นนี่ดีกว่า” จีนชวนด้วยท่าทีนึกสนุก
ผมจึงตอบรับไปอย่างตามใจ เพราะอย่างไรผมก็เป็นคนชวนอีกฝ่ายมา "เอาสิ"
ดังนั้น เราจึงเล่นอินไลน์สเกตแทนการดูหนังไปด้วยประการฉะนี้
เล่นอินไลน์สเกตกับจีนไปได้ชั่วโมงกว่า คนก็บ่นหิวแล้ว
“เหนื่อยแล้วอะ หิวข้าวแล้วด้วย เราไปหาข้าวกินกันเถอะ” สาวน้อยทรุดตัวลงนั่งยังเบาะนั่งพักตรงกลางลานสเกตเอ่ย
“ไปสิ” ผมตอบรับอย่างเหนื่อยหอบและรู้สึกหิวขึ้นมาเหมือนกัน
หลังจากนำรองเท้าไปคืนร้านแล้ว พวกเราก็พากันมาที่ศูนย์อาหารที่อยู่ชั้นใต้ดินทันที
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบบ่ายสองโมง คนที่มาใช้บริการศูนย์อาหาร จึงมีไม่เยอะแล้ว เมื่อซื้อข้าวมาแล้ว พวกเราก็มานั่งกินกันด้วยความหิวโหย
“กินเสร็จแล้วจะไปไหนต่อ” ผมถามคนที่นั่งตรงข้ามกัน หลังจากกินข้าวไปได้ครึ่งจานแล้ว
“กลับบ้านเลยดีกว่า เหนื่อยแล้ว” จีนตอบ ก่อนจะตักข้าวเข้าปากไปด้วย
“อืม เหนื่อยจริงๆ นั่นแหละ” ผมเออออไปกับอีกฝ่ายอย่างเห็นด้วย เพราะไม่ได้เคลื่อนไหวหนักขนาดนี้มานานมากแล้ว ส่วนใหญ่มีแต่กิน แล้วก็นั่งเขียนนิยาย จนตูดบานหมดแล้ว
“พี่ไม่รู้สึกว่าพี่นนท์แปลกๆ จริงๆ เหรอ” จู่ๆ จีนก็พูดขึ้นทั้งจ้องหน้ากันไปด้วยเหมือนคนติดใจ สงสัย ใคร่รู้ เสียเต็มประดา
ได้ยินอีกฝ่ายพูดอย่างนี้ ผมก็รู้ว่า คนคงจะถูกวิญญาณสาววายมาเข้าสิงอีกแล้ว จึงถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง แล้วเอ่ยบอกกับคนตรงหน้าให้เข้าใจ “ไอ้จีน พี่ว่าแกเลิกพูดเรื่องนี้เถอะ พี่ไม่โอเคแล้ว ที่พี่ไม่ว่าอะไรแกตั้งแต่ต้น ก็เพราะเห็นว่าแกเป็นน้องสาวของพี่คนหนึ่ง เลยไม่อยากจะถือสา แต่ตอนนี้ พี่คงต้องขอพูดแล้ว เพราะพี่ไม่อยากให้มีเหตุการณ์เหมือนอย่างวันนี้เกิดขึ้นอีก พี่กับไอ้นนท์เป็นพี่น้องกัน และพี่ก็รักจีนเหมือนน้องสาวคนหนึ่งด้วย ไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่นจริงๆ ฉะนั้น อย่าแกล้งเล่นอย่างนี้อีก พี่ไม่ชอบ เข้าใจไหม”
ผมพูดด้วยท่าทางจริงจัง ในเรื่องที่อีกฝ่ายอ่านนิยายวายมากเกินไปจนอินจัด เลยมักจะคิดว่าเจ้านนท์ชอบผมอยู่บ่อยๆ จนกระทั่งแกล้งแสดงตัวว่าเป็นแฟนผม เพื่อให้อีกฝ่ายหึงหวงในวันนี้ด้วย
เมื่อพูดจบ ก็เห็นว่าจีนหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ผมจึงเอ่ยบอกอีกครั้ง “พี่รักเราเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง จึงอยากจะเตือนด้วยความหวังดี จะได้ไม่เผลอไปคิดอย่างนี้กับใครเขาอีก เพราะถ้าเจอคนที่ไม่ชอบ พี่ก็กลัวว่าเราจะเดือนร้อนเอาได้ เข้าใจหรือเปล่า”
“เข้าใจแล้ว หนูขอโทษ ต่อไปหนูจะไม่พูดและทำอย่างนี้อีก” สาวน้อยตรงหน้าเอ่ยเสียงเบาคล้ายคนรู้สึกผิดจริงๆ แล้ว ผมจึงยกมือขึ้นไปยี้ผมอีกฝ่ายเล่นอย่างเอ็นดูในความว่านอนสอนง่ายของคน
“อุ้ย มือเลอะพริกน้ำปลาเมื่อกี้ยังไม่ได้ล้างเลย” ผมที่ละมือออกจากหัวจีนเอ่ยอย่างนึกขึ้นได้
“พี่ลัน” อีกฝ่ายเรียกชื่อผมเสียงดัง ทั้งทำหน้างอนๆ ส่งให้ด้วย
“ฮ่าๆๆ ล้อเล่นหรอกน่า” ผมบอก แล้วก็ได้รับสายตาขุ่นเคืองส่งกลับมาให้ ก่อนที่คนจะค่อยๆ ยิ้มออกมา เมื่อเห็นว่าผมหายโกรธแล้ว ผมจึงเอ่ยต่อ “รีบกินเถอะจะได้กลับบ้าน ไม่ได้เขียนนิยายมาสองวันแล้ว”
“เขียนได้กี่ตอนแล้วล่ะ”
“ได้ไม่กี่ตอนเอง” ผมย่นหน้าตอบอีกฝ่ายด้วยความเซ็ง
“จริงสิ พี่ยังฝันอยู่อีกไหม”
“ไม่แล้วล่ะ” ผมตอบ พลางคิดกับตัวเองว่าคนพวกนั้นคงจะกลัว ที่มีคนอื่นอยู่ด้วยจริงๆ นั่นแหละ ถึงไม่มาอีก เพราะผมไม่ฝันมาสองคืนแล้วตั้งแต่ไปนอนกับเจ้านนท์
“ยินดีด้วย”
“ขอบใจ”
หลังจากกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อย ผมกับจีนก็นั่งวินมอเตอร์ไซค์กลับบ้านกันคนละคัน ใช้เวลาไม่นานก็กลับมาถึงบ้าน
ถึงบ้านผมจะอยู่ชานเมืองหลวง แต่ก็อยู่รอยต่อของเขตปริมณฑลอยู่นะครับ ดังนั้นความเจริญจึงอยู่ไม่ไกลมาก มีห้างใหญ่ตั้งอยู่ใกล้บ้าน แว้นมอเตอร์ไซค์ไปไม่ถึงยี่สิบนาทีก็ถึงห้างแล้วครับ แต่ถ้ารถใหญ่ก็จะนานหน่อย เพราะรถมันติดน่ะครับ
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ก็เห็นว่าพ่อนั่งดูมวยอยู่ตรงโซฟารับแขก
"ไอ้นนท์ไปไหน ไม่กลับมาด้วยกัน" คนนั่งเชียร์มวยถาม เมื่อไม่เห็นอีกคนกลับมาด้วย
"ไปหาเพื่อนน่ะครับ" ผมตอบ และเมื่อเห็นพ่อพยักหน้ารับรู้ ทั้งไม่ถามอะไรต่อแล้ว ผมจึงขึ้นห้องเพื่อมาเปลี่ยนชุดและเขียนนิยายต่อ
ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสองเกือบสามแล้ว มีเวลาสามชั่วโมงกว่าในการเขียนนิยาย และเพื่อไม่ให้เขียนเพลินจนลืมทำกับข้าว ผมจึงตั้งนาฬิกาเตือนเอาไว้ตอนหกโมงเย็น
หลังเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว ก็หยิบโต๊ะพับญี่ปุ่นตัวเล็กของตัวเองออกมากาง แล้วเอาโน้ตบุ๊กมาวางลงบนโต๊ะพับอีกที แต่ก่อนที่จะนั่งเขียนนิยาย ผมก็เดินไปเปิดประตูห้องนอนออกกว้าง เปิดค้างไว้อย่างนั้น เพื่อจะได้รู้สึกอุ่นใจว่ามีพ่อนั่งดูทีวีอยู่ด้านล่าง ให้เหมือนว่ามีคนอยู่ด้วย เผื่อว่าบางทีพวกที่มาสาปแช่งจะได้ไม่กล้ามา
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ผมก็มานั่งหน้าลงหน้าโน้ตบุ๊กเพื่อเขียนนิยายต่อ โดยนั่งหันหน้าเข้าหาประตู เผื่อว่าพ่อหรือเจ้านนท์กลับมา จะได้มองเห็นและปิดหน้าจอได้ทัน
เพราะผมเขียนนิยายชายรักชายน่ะครับ และไม่รู้ว่าพ่อกับเจ้านนท์มีความคิดเห็นเช่นไรเกี่ยวกับรักร่วมเพศ ดังนั้นจึงไม่ให้ทั้งสองคนรู้ดีกว่า แต่จะให้ปิดประตูเขียน ผมก็กลัวน่ะครับ
หลังจากนั่งอ่านทบทวนตอนที่แล้วแล้ว ก็มาเขียนเรื่องราวในตอนต่อมา วันนี้ผมจะเขียนตอนที่นายเอกถูกบอกเลิกอย่างกะทันหันเป็นครั้งที่ห้าติดต่อกัน จนเกิดความรู้สึกท้อแท้และกลัดกลุ้มใจ ด้วยแม่ของเขาอยากให้ลูกชายมีครอบครัวมาก เมื่อคิดไม่ตก นายเอกจึงแหกกฎไม่ดื่มเหล้าของตัวเองหนึ่งวัน เพื่อระบายความกลุ้มใจของตนกับเพื่อนสนิท แต่หลังจากดื่มจนเมาแล้ว นายเอกกลับถูกเพื่อนสนิทจับกิน ด้วยเพื่อนสนิทนั้นรักนายเอกมานานมากแล้ว ซึ่งเมื่อเขียนมาถึงตรงนี้ผมกลับคิดไม่ออกเสียอย่างนั้น
ไม่ใช่ว่าคิดฉากหรือบทสนทนาอะไรไม่ออกหรอกนะครับ แต่เป็นคิดท่าเมคเลิฟไม่ออกต่างหากล่ะ คือผมกำลังจะเขียน ฉากพระนายเขาซั่มกันน่ะครับ แต่กลับคิดไม่ออก ไม่รู้ว่าจะใช้ท่าไหนดี ที่เคยๆ เขียนไปแล้ว ถ้าจะเอากลับมาใช้อีก ก็รู้สึกว่าไม่หลากหลายแปลกใหม่น่ะครับ
“จะเอาท่าไหนดีว่ะ” ผมงึมงำออกมาทั้งครุ่นคิด ก่อนจะนึกถึงตัวช่วย ที่ตนเองเพิ่งจะสมัครเป็นสมาชิกรายปี ไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้า ตอนเขียนท่ากายกรรมหวานชื่น ของคู่รองในเรื่องเมื่อผมรนหาที่ตายได้
ผมจึงรีบคลิกเข้าเว็บลับที่เป็นสมาชิกอยู่ทันที เพื่อหาท่วงท่าเด็ดๆ มาใส่ในนิยายของตัวเองอีกครั้ง
เห็นไหม ผมลงทุนขนาดไหน ผมเป็นผู้ชายแท้ๆ นะครับ แต่กลับต้องมานั่งดูผู้ชายเขาซั่มกันเพื่อหาท่าเด็ดๆ แซ่บๆ ไปให้นักอ่านได้ฟินกัน ดังนั้นอย่าลืมมาอุดหนุนนิยายของผมกันเยอะๆ นะครับ
ขณะกำลังไล่หาดูคลิปที่น่าสนใจอยู่นั้น เสียงนาฬิกาปลุกก็ดังบอก ว่าถึงเวลาทำกับข้าวแล้ว ดังนั้นผมจึงเก็บข้าวของให้เข้าที่ แล้วลงไปทำกับข้าวมื้อเย็น
