บท
ตั้งค่า

6 ไปดูหนังกันเถอะ

เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ผมก็ไปบอกพ่อไว้ว่าพวกเราจะออกไปดูหนังกัน ดังนั้นมื้อกลางวันก็ให้สั่งข้าวร้านป้าบุญมากินก่อนสักมื้อ บอกเรียบร้อยแล้ว ก็ลงมานั่งรอคนที่โซฟายาวหน้าทีวีที่อีกฝ่ายเคยอยู่นั่งก่อนหน้า สักพักเจ้านนท์ก็เดินลงบันไดมา

ไม่รู้ว่าเพราะคนมันหล่ออยู่แล้ว หรือว่านานๆ ทีจะได้เห็นน้องชายแต่งตัวพิถีพิถันสักครั้ง ผมจึงรู้สึกว่าวันนี้อีกฝ่ายหล่อมากเป็นพิเศษ

ขอบอกก่อนนะครับ ว่าปกติ เมื่อเจ้านนท์ไปทำงานมักจะแต่งตัวเซอร์ๆ เสื้อยืด กางเกงยีนส์เก่าๆ ผมเผ้าก็หวีไปงั้นๆ เหตุเพราะอีกฝ่ายต้องไปทำงานคลุกฝุ่นคลุกขี้เลื่อยน่ะครับ เลยไม่ค่อยจะพิถีพิถันสักเท่าไร แต่เมื่อใดที่ต้องไปพบผู้ว่าจ้างกับพ่อหรือไปในสถานที่ที่คนเยอะๆ เจ้านนท์ก็จะเอาเสื้อผ้าที่ดูดีดูเรียบร้อยสะอาดสะอ้านไปเปลี่ยนน่ะครับ อาชีพรับเหมาตกแต่งภายในก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ

วันนี้เจ้านนท์แต่งตัวสไตล์หนุ่มเกาหลีที่กำลังมาแรง ผมสั้นรองทรงต่ำจัดเซ็ตให้ยุ่งนิดๆ ทำให้ดูเซ็กซี่หน่อยๆ ทั้งคนยังยืนเต๊ะท่าเหมือนกำลังอ่อยใครอยู่อย่างไรอย่างนั้นด้วย จนผมเผลอกลืนน้ำลายเหนียวลงคอไปอย่างไม่รู้ตัว

ส่วนเสื้อก็ใส่เสื้อยืดสีขาวคลุมทับด้วยเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตสีดำตัวใหญ่ คู่กับกางเกงยีนต์รัดรูปขาดเข่าโชว์เรียวขาที่กำลังฮิต

ด้วยรูปร่างสูงโปร่งอย่างเจ้านนท์ใส่แบบไหนก็ดูดีไปหมด ยิ่งรวมเข้ากับหน้าตาที่คมเข้ม หล่อเหลาของคนแล้ว ยิ่งทำให้ผมเผลอไผลจับจ้องไม่วางตาด้วยความลืมตัว

“พี่ พี่ลัน ผมหล่อไหม? ” เจ้านนท์ทำเท่เอามือเสยผมตัวเอง ทั้งแหงนหน้าส่งสายตาเย้ายวนมาถาม มือข้างที่ว่างก็ค้ำอยู่กับราวบันได ผมจึงรู้สึกตัวหลุดออกจากภวังค์

“หล่อมาก” ผมยิ้มตอบคนถามตามตรง ทั้งคิดว่าถ้าเจ้านนท์ไม่หล่อ ผมก็คงไม่มีที่ให้ยืนแล้วล่ะครับ

ด้วยรูปร่างผมนั้นอวบอิ่ม มีเนื้อนิดๆ และมีใบหน้าที่กลมอีกต่างหาก ช่างแตกต่างกันมากจริงๆ... ผมคิดอย่างท้อแท้ในตอนท้าย

“พี่ก็หล่อเหมือนกันนะ” น้องชายที่แสนดีชมผมกลับ ทั้งจ้องสำรวจด้วย

แน่ล่ะ ไปกับแกทั้งที ฉันก็ต้องแต่งตัวให้หล่ออยู่แล้ว ... ผมคิดแย้งอยู่ในใจ

แม้จะไม่หล่อมากเท่าอีกฝ่าย แต่ก็ไม่อยากให้ทิ้งห่างกันเยอะ จนเกิดการเปรียบเทียบอย่างเห็นได้ชัดหรอกนะครับ

วันนี้ผมใส่เสื้อยืดโปโลสีกรมท่าแบบพอดีตัว ค่อนไปทางหลวมเล็กน้อย เพื่อซ่อนความอวบอิ่มของตัวเอง กับกางเกงยีนส์เข้ารูปสีเข้มและจะใส่รองเท้าผ้าใบสีดำเพื่อเสริมช่วงขาให้ดูเรียวยาว ผมด้านหน้าที่ยาวกว่าด้านอื่นก็จัดเซ็ทเสยไปด้านข้างให้ดูมีวอลลุ่มๆ หน่อย แม้จะดูเรียบๆ แต่ดูดีอยู่นะครับ

“ขอบใจ รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวรถติด” ผมตอบกลับส่งๆ เพราะคิดว่าคนคงจะปากหวานเอาใจกันเช่นเคย ทั้งลุกจากโซฟาเพื่อออกไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่หน้าบ้านด้วย

แต่ขณะที่เรากำลังใส่รองเท้าอยู่หน้าประตูเข้าบ้าน ก็เห็นจีนเดินถือหม้อใบเล็ก พร้อมถุงพะรุงพะรังมาชะเง้อมองอยู่หน้าบ้าน

“พี่ลัน แม่ให้หนูเอาขนมจีนน้ำยามาให้” จีนร้องบอก ผมจึงเดินไปรับเอาของจากอีกฝ่าย

“ขอบใจนะ” ผมรับเอาของจากจีนมายื่นให้เจ้านนท์อีกที เพราะคนยื่นขวางอยู่หน้าประตูบ้าน ผมจึงถือโอกาสใช้ซะเลย

“ว่าแต่ แต่งตัวหล่อกันทุกคนเลยอ่ะ จะกันไปไหนกันเหรอ” สาวน้อยถาม ทั้งมองสำรวจผมกับเจ้านนท์ตาเป็นประกาย

“ไปดูหนังกันนะ ไปไหม” ผมเอ่ยชวน

“อุ้ย...จะไปเป็นก้างไหมอะ” คนถูกชวนทำหน้าเจ้าเล่ห์ ยิ้มกริ่มมาให้

อาการสาววายกำเริบอีกล่ะ ... ผมว่าให้คนตรงหน้าในใจพลางส่ายหน้าไปด้วย ทั้งคิดอย่างโล่งใจ ดีที่เจ้านนท์เดินเข้าบ้านเอาของไปเก็บ ไม่อย่างนั้น ได้นึกเกลียดขี้หน้ากันยิ่งกว่าเดิมเป็นแน่

“คิดมาก จะไปไม่ไป” ผมว่าให้และถามอีกครั้ง

“ไป รอหนูด้วย ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บหนึ่ง” พูดจบ คนก็รีบวิ่งกลับบ้านไปทันทีอย่างร่าเริง

“ไปเถอะ” เสียงเจ้านนท์ดังขึ้นอยู่ที่ด้านหลัง ขณะที่คนกำลังถอยรถมอเตอร์ไซค์ออกมา

“จีนจะไปด้วยน่ะ เปลี่ยนเอาปิกอัพไปดีกว่า” ผมบอกอีกฝ่าย

“จะไปทำไม เพิ่งไปมาเมื่อวานไม่ใช่เหรอ” คนที่คร่อมมอไซด์อยู่เอ่ยเสียงห้วนไม่พอใจ เมื่อรู้ว่าจะมีคนไปด้วยอีกคน

“เอ้า! ไอ้นี่ ก็ไปดูหนังไง ไปกันหลายๆ คนสนุกดีออก อีกอย่างฉันก็เพิ่งไปมาเมื่อวานเหมือนกัน” ผมบอกคนหน้าบึ้งอย่างอ่อนใจ ยิ่งผมพยายามอยากให้ทั้งสองคนนี้สนิทสนมกันมากเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนจะยิ่งทำให้เจ้านนท์ไม่พอใจมากเท่านั้น จึงเกลี้ยกล่อมคนตรงหน้า “แกก็อย่างอคติกับจีนนักเลย ยังไงก็เป็นเพื่อนบ้านกันสนิทสนมกันไว้ดีกว่า น่า นะ”

“ก็ได้” อีกฝ่ายทำท่าฮึดฮัด ก่อนจะเอามอเตอร์ไซค์เข้าไปเก็บเหมือนเดิม แล้วเดินเข้าบ้านไปหยิบกุญแจรถปิกอัพออกมา

เมื่อเจ้านนท์หยิบกุญแจรถออกมา จีนที่ไปเปลี่ยนชุดก็เดินออกจากบ้านมาพอดี

“น่ารักดีนี่” ผมชมสาวน้อยที่แต่งตัวสวยด้วยชุดเดรสแขนสั้น กระโปรงระบายยาวคลุมเข่าลายดอกไม้เล็กๆ สีฟ้าดูน่ารักสดใสเหมาะสมกับวัยมาก

“ขอบคุณค่ะ” จีนตอบพร้อมรอยยิ้มอ่อนหวาน พลางจับชายกระโปรงยกขึ้นเล็กน้อยแล้วย่อตัวลง เพื่อแอ๊บเป็นกุลสตรีสุดฤทธิ์ จนผมอดหัวเราะเสียงดังด้วยความเอ็นดูไม่ได้

ชมกันเสร็จ ก็พากันขึ้นรถปิกอัพกลางเก่ากลางใหม่ เพื่อเดินทางไปดูหนังที่ห้างใกล้บ้านที่ไปมาเมื่อวาน โดยผมนั่งคู่กับเจ้านนท์ที่เป็นคนขับ ส่วนสาวน้อยสุดสวยก็นั่งอยู่ในแคปด้านหลัง

“ว่าแต่จะไปดูเรื่องอะไรกันน่ะ” จีนถามพลางโผเข้ามาเกาะอยู่กับพนักพิงด้านหลังของผม

“นั่นสิ แกจะไปดูเรื่องอะไร” ผมจึงหันไปถามเจ้านนท์ด้วยอีกคน ด้วยอีกฝ่ายเป็นคนชวนมา

“ไปดูก่อนสิว่ามีเรื่องอะไรน่าดู” คนชวนส่งเสียงตอบกลับมาทั้งมองทางไปด้วย

“อ้าว นึกว่ามีเรื่องที่อยากจะดู” ผมเอ่ยไปตามความคิด ทั้งมองคนขับอย่างเคืองๆ ก่อนจะหันมายักไหล่กับจีนอย่างช่วยไม่ได้

แม่ง!ชวนส่งๆ นี่นา เลยไม่ได้เขียนนิยายเลย เฮ้อ ... ผมคิดและถอนหายใจออกมาทีหนึ่งด้วยความเสียดาย

เนื่องจากว่าวันนี้มีคนอยู่บ้านด้วยนะครับ ผมเลยอยากจะเขียนนิยาย เพราะคิดว่าพวกที่มาสาปแช่งคงจะไม่กล้ามา

“เฮ้ย!” จู่ๆ เจ้านนท์ก็ร้องขึ้นพร้อมๆ กับเหยียบเบรกรถกะทันหัน ทำให้ผมกับสาวสวยด้านหลังที่กำลังจ้องหน้ากันอยู่หน้าคะม่ำไปข้างหน้าทันที โชคดีที่ผมคาดเข็มขัดนิรภัยไว้ จึงทำให้หัวไม่ฟาดเข้ากับคอนโซลหน้ารถ แต่จีนที่นั่งเกาะพนักพิงด้านหลังของผมอยู่นี่สิครับ ทั้งล้มฟาดเข้ากับช่องเก็บของตรงกลางระหว่างผมกับคนขับ ทั้งไถลตกจากเบาะลงไปนั่งแอ้งแม้งอยู่ที่วางเท้านั่นอีกต่างหาก

“เป็นไรมากไหม” ผมหันกลับไปถามจีนด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เป็นไร” อีกฝ่ายตอบกลับ แล้วหันไปหาเจ้านนท์

“ขับรถอะไรของพี่เนี่ย” จีนเอ่ยเสียงแผ่วทั้งลุกขึ้นนั่งบนเบาะดีๆ ด้วยท่าทีขุ่นเคืองให้คนขับ

“ก็ไปนั่งดีๆ สิ” คนถูกต่อว่าบอกเสียงเรียบหน้าตายคล้ายไม่สนใจ แต่ผมกลับเห็นว่าเจ้านนท์แอบยกยิ้มมุมปากด้วยท่าทางชอบใจ

“....” ไอ้นี่แอบแกล้งคนหรือเปล่าวะ .... ผมคิดอย่างไม่แน่ใจ เพราะรถก็ขับตามกันมาดีๆ ไม่มีมอไซค์มาซอกแซกอีกต่างหาก

หลังจากนั้นจีนก็ไม่ชะโงกหน้ามาชวนคุยอีก ส่วนคนขับก็ขับไปตามปกติ ส่วนผมก็นั่งทำไม่รู้ไม่ชี้ไป เพราะไม่มีหลักฐานมาว่าให้เจ้านนท์ ว่าจงใจแกล้งสาวน้อยของผมหรือเปล่า

นั่งรถมาพักใหญ่ ก็มาถึงห้างที่มาเมื่อวาน

เนื่องจากวันนี้เป็นวันอาทิตย์ จึงมีคนมาใช้บริการกันเยอะมากกว่าปกติ ทำให้ที่จอดรถชั้นล่างๆ เต็มหมดแล้ว ดังนั้นเจ้านนท์จึงขับรถวนขึ้นมาจอดที่ชั้นห้าชั้นเดียวกับโรงหนังเลย เพื่อจะได้ไม่ต้องเดินไกล

ห้างแห่งนี้มีหกชั้นนะครับ ส่วนดาดฟ้ามีสวนน้ำให้เล่นด้วย

“โอ้ย! เวียนหัวจะอ้วก” สาวน้อยโผเข้ามาเกาะแขนผมทันที หลังลงจากรถ

“เป็นหนักขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมขมวดคิ้วมองด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย

“อือ” สาวน้อยตอบเสียงแผ่ว ทั้งพยักหน้าไปกับท่อนแขนของผมด้วยท่าทางน่าสงสาร

“งั้นก็กลับบ้านไป ไป๊!” เจ้านนท์เอ่ยไล่ หลังลงจากรถแล้ว ก่อนจะเดินเข้ามาหาเราทั้งคู่ด้วยใบหน้าบึ้งตึง

คาดว่าคนคงจะไม่พอใจที่เห็นสาวน้อยมาออเซาะผมอย่างนี้ เพราะอย่างที่บอกว่าเจ้านนท์และพ่อนั้น ทั้งหวงและห่วงผมมาก

“ไม่เอา หนูจะดูหนังกับพี่ลัน” คนเมารถตอบ ทั้งกระชับกอดแขนผมแน่น พลางพากันเดินเข้าไปในตัวห้างด้วย

“เดี๋ยวไปหาซื้อยาดมก่อนล่ะกัน” ผมบอกทั้งสองคน เมื่อเดินเข้ามาในห้างแล้ว

“ดีๆ” จีนตอบอย่างร่าเริง โดยไม่มีท่าทีเซื่องซึมของคนเมารถเหมือนก่อนหน้านั้นแล้ว เห็นอย่างนี้ผมจึงรู้ว่าอีกฝ่ายแกล้งทำ

“หายแล้วก็เดินดีๆ” ผมบอกคนเสแสร้งอย่างรักษาน้ำใจไม่เปิดโปง ทั้งแกะมือที่กอดแขนตัวเองอยู่ออกอย่างไม่คุ้นชิน

เพราะปกติที่เรามาด้วยกัน ก็เดินใครเดินมันตลอด ไม่เคยถูกเนื้อต้องตัวกันสักครั้ง ดังนั้นตอนนี้ผมจึงรู้สึกทำตัวไม่ถูก เมื่อโดนจีนกอดแขนแน่นอย่างนี้ มันเขินๆ ยังไงไม่รู้นะครับ

“ไม่เอาคนเยอะ เดี๋ยวหลง” จีนตอบกลับ ทั้งกอดกระชับแขนกันแน่นอีกครั้ง โดยไม่สนใจคนรอบข้างเลยแม้แต่น้อย

ซึ่งความเป็นจริงก็ไม่มีใครมาสนใจพวกเราอยู่แล้วล่ะครับ เพราะทุกคนต่างก็กำลังสนุกกับกิจกรรมของตัวเอง

ชั้นห้า คือชั้นที่ให้บริการเกี่ยวกับความบันเทิงโดยเฉพาะ มีโรงหนัง ตู้เกมส์แบบต่างๆ โซนร้องคาราโอเกะ ลานเล่นอินไลน์สเกตและอีกเยอะแยะ ซึ่งคนที่มาใช้บริการในชั้นนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่นหนุ่มสาวเสียมากกว่า มีทั้งที่มาแบบเป็นกลุ่มและแบบเป็นคู่ ดังนั้นจึงไม่ค่อยจะมีใครให้ความสนใจกันสักเท่าไหร่

“อย่าเล่นน่า” ผมบอกจีนอีกครั้ง

“ก็ได้” สาวน้อยตอบเหมือนคนไม่เต็มใจ ทั้งปล่อยมือจากแขนของผมและขยับออกห่าง ก่อนที่เจ้านนท์จะเดินเข้ามาคั่นกลางระหว่างผมกับจีนแทบจะทันที

“....” คนหนึ่งขยับออก คนหนึ่งขยับเข้า อะไรของพวกเขาวะ ผมว่าให้ทั้งสองคนในใจอย่างไม่เข้าใจ ทั้งนึกว่าให้เจ้านนท์ด้วยความขำขัน คงไม่ใช่ว่ากลัวหลงอีกคนหรอกนะ

“พี่อยากดูเรื่องไหน” คนที่กอดไหล่อยู่เอ่ยถาม เพราะขณะที่เดินเข้ามายังตัวห้างก็มีโปสเตอร์โปรโมทหนังติดเรียงรายไว้ให้เลือกดูแล้ว

“แกเป็นคนชวนฉัน” ผมเงยหน้าขึ้นพูดเตือนความจำอีกฝ่ายอย่างเคืองๆ ที่เจ้านนท์ชวนมาส่งๆ

“อ้อ” คนถามส่งเสียงออกมาคล้ายเพิ่งจะนึกขึ้นได้

“ดูหนังรักเป็นไง” จีนอ้อมฝั่งมาเกาะแขนผมอีกครั้ง

“ไม่เบื่อหรือไง อ่านนิยายก็มีแต่รักๆ ใคร่ๆ” ผมถามสาวน้อยข้างตัวด้วยความเอ็นดู

“ไม่เบื่อ คนกำลังมีความรักจะไปเบื่อได้ยังไง” จีนตอบทั้งเงยหน้ากะพริบตาปริบๆ ให้กัน ท่าทางคล้ายกำลังส่งสายตาปิ้งๆ ให้อย่างไรอย่างนั้น

“ดูพูดและทำเข้า” ผมว่าให้ ทั้งยกมือที่อยู่อีกฝั่งไปจิ้มหน้าผากคนพูดด้วยความหมั่นไส้ ถึงตอนนี้ผมถึงรู้สึกตัวว่าโดนทั้งเจ้านนท์กอดไหล่และสาวน้อยเกาะแขนอยู่คนละข้าง จึงเอ่ยบอกทั้งสองคน “ฉันว่าพวกแกเดินกันดีๆ หน่อยได้ไหม ฉันอึดอัด”

“ไม่เอา หนูเป็นแฟนพี่ลันนะ” สาวน้อยออเซาะ ทั้งเอาหัวซบลงที่แขนผมไปด้วย ดูออดอ้อนเป็นที่สุด

ผมจึงหยิบแก้มอีกฝ่ายเบาด้วยความมันเขี้ยวทั้งว่าให้ “เลยเถิด”

“อ่ะๆ เจ็บ พี่ลันใจร้าย” คนเสแสร้งว่าให้ผมน้ำตาคลอ พลางปล่อยมือที่เกาะแขนกันอยู่ออกด้วย ผมจึงปล่อยมือที่จับแก้มอยู่ออกเช่นกัน ก่อนจะได้ยินอีกฝ่ายพูดต่อด้วยท่าทางเหมือนคนน้อยใจ “อย่าลืมสิ พ่อหนูจองพี่ไว้แล้วนะ”

“จ่ายเองเลยนะค่าตั๋วหนังน่ะ” ผมบอกจีนด้วยความขัดเคืองที่เล่นไม่เลิก ทั้งเดินหนีด้วย

“ไม่ได้พกเงินมา” สาวน้อยเอ่ย ทั้งวิ่งไล่ตามผม

“งั้นก็นั่งรอหน้าโรงหนัง”

"ม่ายนะ...."

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel