8 คนเมาขี้น้อยใจ
เมื่อลงมายังชั้นล่าง ก็ได้รู้ว่าเจ้านนท์ยังไม่กลับเหมือนเดิม ส่วนพ่อก็ไปนั่งดื่มกับน้าทวนที่หน้าบ้านตามเคย ผมจึงเดินเข้าครัวเพื่อมาดูว่าจะทำกับข้าวอะไรกินดีเย็นนี้
“ทำกับข้าวง้อคนหน่อยสิ” ผมพึมพำกับตัวเอง หลังจากรื้อหาของสดในตู้เย็นแล้ว ก็เห็นเนื้อน่องลายที่ซื้อมาเมื่อสองวันก่อน นอนแอ้งแม้งอยู่ในช่องแช่แข็ง จึงคิดจะทำเนื้อตุ๋นรสแซ่บของโปรดของเจ้านนท์เพื่อเอาใจคนขี้น้อยใจสักหน่อย ส่วนผัดก็ทำคะน้าหมูกรอบ อีกจานก็ทำไข่เจียวก็แล้วกัน
เมื่อได้เมนูสำหรับเย็นนี้แล้ว ผมก็มาหุงข้าวไว้ก่อน แล้วค่อยมาลงมือทำเนื้อตุ๋น เมนูนี้ใช้เวลาทำค่อนข้างนานพอสมควร เนื่องจากต้องตุ๋นด้วยไฟอ่อนๆ ต้มไปเรื่อยๆ จนกว่าเนื้อจะเปื่อย
ตอนตุ๋นก็ระวังอย่าให้เนื้อเปื่อยมากนะครับ เดี๋ยวจะไม่อร่อย ต้องให้เหนียวด้วยนุ่มด้วยจึงจะพอดี ส่วนรสชาติก็ตามชอบเลยครับ ของเจ้านนท์ชอบเปรี้ยวๆ เผ็ดๆ ดังนั้นผมจึงชูสองรสนี้ไว้ก่อน
ระหว่างที่รอให้เนื้อเปื่อย ก็มาทำกับข้าวอย่างอื่นควบคู่ไปด้วย ยุ่งวุ่นวายอยู่พักใหญ่กับข้าวก็แล้วเสร็จ ผมจึงยกกับข้าวออกมาวางที่โต๊ะด้านนอก แล้วค่อยเดินออกไปเรียกพ่อให้มากินข้าวด้วยกัน และเมื่อออกมาหน้าบ้านอีกครั้ง ก็ยังไม่เห็นเจ้านนท์กลับมาตามเดิม
“ป่านนี้แล้วยังไม่กลับบ้านอีก” ผมบ่นให้น้องชายด้วยความเป็นห่วง เพราะตอนนี้เป็นเวลาทุ่มกว่าแล้ว พลางล้วงมือถือออกจากกระเป๋ากางเกงเพื่อจะโทรไปตาม ทว่ากลับโดนพ่อห้ามไว้
“น้องเป็นผู้ชายไม่เป็นไรหรอก ปล่อยมันไปเถอะ” พ่อเอ่ย เมื่อเห็นว่าผมกำลังจะกดโทรศัพท์ไปตามคนกลับบ้าน
ได้ยินอย่างนี้ ผมจึงเก็บมือถือไว้ตามเดิม แล้วเอ่ยชวนพ่อกับน้าทวนไปกินข้าวกัน “ไปกินข้าวกันเถอะครับ กับข้าวเสร็จแล้ว”
“อืม ไปๆ ทวน ไปกินข้าวกัน กับข้าวเสร็จแล้ว” พ่อชวนน้าทวนที่นั่งอยู่ด้วยกันให้มากินข้าวด้วย แต่อีกฝ่ายกลับปฏิเสธ ดังนั้นผมจึงประคองแกไปส่งบ้านให้
“ขอบใจไอ้ลูกเขย” น้าทวนเอ่ยเช่นทุกครั้ง พลางเดินโซซัดโซเซเข้าบ้านไปพร้อมกับร้องเรียกน้าใจเสียงดังลั่น
เห็นแกเมาๆ อย่างนี้ ตื่นไปทำงานตั้งแต่ตีสามตีสี่เลยนะครับ ผมล่ะนับถือแกจริงๆ อ้อ ลืมบอกแกทำงานเป็นคนขับรถให้กับบ้านคนรวยน่ะครับ
หลังจากส่งคนเมาบ้านอื่นแล้ว ผมก็กลับมาพยุงคนเมาบ้านตัวเองเข้าบ้านด้วยอีกคน
“ไหนบอกว่าจะเพลาๆ ลงไงครับ” ผมท้วงทวนคำพูดเมื่อเช้าของคนข้างตัว
“นิดหน่อยน่ะ” พ่อเอ่ยด้วยรอยยิ้มหวาน แววตาฉ่ำปรืออย่างคนเมา
“ครับ” ผมตอบรับด้วยความอ่อนใจ นิดหน่อยจนเดินเซเนี่ยนะ
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว ก็พาพ่อขึ้นไปส่งบนห้อง แล้วลงมาจัดเก็บครัวให้เรียบร้อย จนกระทั่งเสร็จเรียบร้อยจึงขึ้นบ้านเพื่ออาบน้ำนอน
“เมื่อไหร่จะกลับมาวะ” ผมบ่นให้คนที่ไม่ยอมกลับมาบ้านสักที หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เพราะไม่อยากนอนคนเดียว ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมา เพื่อกดโทรหาอีกฝ่าย แต่รออยู่นานก็ไม่มีใครรับสายเลย
“ไอ้บ้านี่! ไม่รับโทรศัพท์อีก” พลางกดโทรออกอีกครั้ง
ดูซิ คราวนี้จะรับไหม อุตส่าห์ง้อแล้วนะ
ผมคิดด้วยความขุ่นเคือง แต่อีกฝ่ายกลับปิดเครื่องหนีไปเสียอย่างนั้น
“แม่ง! นอนคนเดียวก็ได้ว่ะ” ผมด่าให้คนที่ปิดมือถือหนีหาย ก่อนจะปีนขึ้นเตียงไปนอนอย่างไม่สบอารมณ์ “หวังว่าพวกนั้นจะไม่รู้ว่าเรานอนคนเดียวนะ”
ผมปลอบใจตัวเอง ทั้งข่มตาหลับไปด้วยความจำใจ โชคดีที่วันนี้ใช้พลังงานกับการเล่นอินไลน์สเกตไปเยอะ ดังนั้นจึงผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็วด้วยความเหนื่อยล้า
“ขอให้โดนกับตัวเอง... ขอให้โดนกับตัวเอง..”
เสียงหวิวแว่วแผ่วเบาลอยเข้ามาในหัวของผม ตามมาด้วยภาพใบหน้าโกรธเกรี้ยว ดวงตาแดงก่ำของชายวัยรุ่นสามคน ที่สลับกันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ พร้อมกับเอ่ยคำสาปแช่งของตัวเอง วนอยู่อย่างนี้เหมือนไม่มีที่สิ้นสุด
และในห้วงภวังค์ คลับคล้ายคลับคลาว่าผมได้ถามทั้งสามคนออกไป “ฉันไปทำอะไรให้พวกแก”
จบคำถามของผม ทั้งสามคนก็มีสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันที เพราะต่างก็เข้ามาห้อมล้อมทั้งยังส่งเสียงสาปแช่งที่เกรี้ยวกราดและอาฆาตยิ่งกว่าเดิม
“ขอให้โดนกับตัวเอง..ขอให้โดนกับตัวเอง”
“ไม่ๆ ๆ” ผมตะโกนออกมาสุดเสียง ก่อนจะสะดุ้งเฮือก ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจสุดขีด ในขณะที่ทั้งสามคนทำท่าเหมือนจะเข้ามาทำร้ายกัน
“ฝันอีกแล้ว” ผมยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก พลางนึกถึงฝันร้ายที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิม หลังจากที่เอ่ยถามออกไป
“อะไรวะ ถามแค่นี้ก็โกรธด้วย? ” ผมพึมพำอย่างไม่เข้าใจ เพราะแทนที่จะบอกดีๆ ว่าโกรธกันด้วยเรื่องอะไร จะได้แก้ไขให้ถูก แต่นี่กลับมาโมโหกันยิ่งกว่าเดิม แล้วผมจะไปแก้ไขอะไรให้ได้ยังไง
ผมคิดด้วยความกลัดกลุ้มใจ พลางงึมงำด้วยความสงสัย "หรือเป็นเพราะว่าเราพูดไม่เพราะว่ะ"
เนื่องจากตอนที่ถามผมใช้คำว่าแกนั่นเอง
หลังงึมงำออกมาแล้ว ผมก็อดนึกถึงคนที่ยังไม่กลับบ้านไม่ได้
“ไอ้นนท์กลับมายังว้า” พลางลุกออกจากเตียงมาเปิดผ้าม่านออกดู ว่าตรงหน้าบ้านมีรถเข้ามาจอดไหม อย่างอดใจไม่ไหว อยากให้น้องชายกลับมาเร็วๆ แล้วก็เห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่กลับมาเลย
“ไอ้บ้านี่! เมื่อไหร่มันจะกลับมาว่ะ” พลางเดินกลับมาหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาดูเวลา
“ตีหนึ่งกว่าแล้ว เอาไงดีล่ะทีนี้" ผมเอ่ยกับตัวเองอย่างทำอะไรไม่ถูก เพราะจะนอนต่อ ก็กลัวจนนอนไม่หลับ จะไปขอนอนกับพ่อ ก็ไม่อยากให้ท่านรู้ กลัวว่าท่านจะเป็นห่วง ก่อนจะนึกขึ้นได้ “จริงสิ! ดูคลิปค้างไว้อยู่นี่นา”
นึกได้อย่างนี้ ผมก็จัดการเอาโต๊ะมากางเอาโน้ตบุ๊กมาเปิดดูคลิปทันที
“ดูสิ ดูคนเอากัน มันยังจะตามมาสาปแช่งอีกไหม” ผมประชดประชันออกมาด้วยความโมโห ทั้งหงุดหงิด พลางจับจ้องหน้าจอไปด้วยอย่างตั้งใจ
ทว่าหลังจากดูไปได้สักพัก ส่วนที่หลับใหลของผมมันก็ตั้งโด่ขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“ห่าเอ้ย! โดนหลอกแล้วยังต้องมาเสียน้ำอีก” ผมบ่นอย่างไม่สบอารมณ์ พลางยื่นมือลงไปกอบกุมส่วนที่ตั้งชันของตัวเองแล้วขยับมือขึ้นลงไปตามอารมณ์ที่เกิดขึ้น "...อือ...อา..."
ขณะที่กำลังเพลิดเพลินอยู่นั้น เสียงมือถือก็ดังขึ้น ผมจึงกดรับสายอย่างอารมณ์เสียที่โดนขัดจังหวะ
“ฮัลโหล” ผมกรอกเสียงที่แหบพร่าลงไปอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะเจ้านนท์โทรมา
(พี่ลันใช่ไหมครับ ผมเพื่อนนนท์นะครับ ตอนนี้นนท์เขาเมาหนักมาก พี่ช่วยลงมารับนนท์หน่อยครับ พวกเราใกล้จะถึงแล้ว)
“ได้ๆ” หลังจากตอบรับและวางสายไปแล้ว ผมก็รีบหยิบกางเกงในมาสวมทับกางเกงนอน เพื่อซ่อนอาวุธที่แข็งแกร่งของตัวเองไว้ เพราะขี้เกียจถอดเข้าถอดออกหลายรอบ แล้วหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันส่วนล่างอีกที พร้อมบ่นด้วยความหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม “บ้าเอ้ย! จะให้เสร็จก่อนก็ไม่ได้”
เมื่อซ่อนอาวุธดีแล้ว ก็ลงมายืนรอพวกเจ้านนท์อยู่ที่หน้าบ้าน ยืนรอไม่นานก็มีรถขับตามกันมาเข้าจอดใกล้ๆ สองคัน
“พี่ลันนะครับ” คนที่ขับรถแทนน้องชายเอ่ยถาม เพราะเราไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน
“ครับ” เมื่อตอบรับแล้ว คนขับรถก็ยกมือไหว้ด้วยเห็นว่าเป็นพี่เจ้านนท์ล่ะมั้ง ผมจึงยกมือรับไหว้กลับอย่างมีมรรยาทด้วยเช่นกัน
“ช่วยขับเข้าไปไว้ในบ้านเลยได้ไหม” ผมบอกคนขับเพราะผมขับรถไม่เป็น พลางชี้เข้ามาในบ้านที่เปิดประตูรอไว้แล้วด้วย เห็นอย่างนี้เพื่อนเจ้านนท์จึงขับรถเข้ามาจอดให้
“ขอบใจนะ ที่พานนท์มาส่ง” ผมเอ่ยบอกอีกครั้ง หลังจากที่คนขับลงจากรถแล้ว พลางยื่นมือออกไปรับกุญแจรถที่ยื่นมาให้ด้วย
“ไม่เป็นไรครับ ดึกมากแล้วผมกลับก่อนนะครับ” คนขับยกมือไหว้ทั้งเอ่ยลาอีกครั้ง ดังนั้นผมจึงยกมือขึ้นรับไหว้อีกหน
เมื่ออีกฝ่ายจากไปแล้ว ผมก็มาจัดการกับคนเมาที่นั่งหลับอยู่ในรถ
“จริงๆ เลย” ผมส่ายหัวอ่อนใจให้กับคนเมาขี้น้อยใจ ก่อนจะประคองร่างสูงของเจ้านนท์ขึ้นไปบนห้องด้วยความทุลักทุเล
“เฮ้อ... ไปเล่นสเกตมาก็เหนื่อยแล้ว ยังต้องมาประคองคนเมาอีก” ผมบ่นด้วยความเหนื่อยหอบ เพราะสามคนแล้วที่ผมต้องดูแล ทั้งพาไปส่งบ้านและพาขึ้นบ้าน
เดินประคองคนเมาขึ้นมาถึงห้องได้ ผมก็ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงพร้อมกับอีกฝ่ายไปอย่างหมดแรงทันที สักพักถึงได้ลุกขึ้นมา ฉับพลันที่ลุกขึ้นยืน ผ้าเช็ดตัวที่ห่อพันท่อนล่างไว้ก็หลุดลุ่ยออกมา
“ผ้าเช็ดตัวนี่ก็เหมือนกัน คอยแต่จะหลุดอยู่นั่นแหละ” พลางกระชากผ้าเช็ดตัวและถอดกางเกงในที่สวมทับกางเกงนอนไว้ออก เพราะคิดว่าอย่างไรเจ้านนท์ก็คงจะไม่ตื่นขึ้นมาเห็นหรอก เมาหนักเสียขนาดนี้ อีกอย่างช้างน้อยของผมก็หลับใหลไปแล้วด้วย จึงไม่ต้องกังวลว่าจะมาชี้หน้าคนเมา
จัดการของตัวเองเสร็จ ผมก็มาถอดเสื้อผ้าของอีกคนออก เพื่อจะได้เช็ดตัวให้ง่ายๆ เพราะถ้าให้อีกฝ่ายนอนอยู่ในสภาพนี้ ผมได้เหม็นตายกันพอดี
หลังจับคนเมาถอดเสื้อผ้าออก จนเหลือแต่กางเกงในตัวเดียวแล้ว ผมก็ไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้ด้วยความจำใจ ทว่าเช็ดไปได้ไม่เท่าไหร่ หุ่นลีนๆ ของเจ้านนท์ก็ทำให้ผมอดนึกถึงคลิปที่ดูก่อนหน้าขึ้นมาไม่ได้ เพราะนักแสดงทั้งสองคนก็หุ่นอย่างนี้เช่นเดียวกัน
“ให้ตายเถอะ! หุ่นดีชะมัด” ผมสบถออกมาด้วยความอิจฉาในรูปร่างของอีกฝ่าย ขณะไล้เช็ดแผ่นอกขาวเนียนของคนที่กำลังหลับใหลไปเพราะความเมา ก่อนจะลากผ้าลงมายังซิกแพคเรียบตึงอย่างอ้อยอิ่ง และเผลอไผล
แม้ตัวคนเมาจะผอมบาง แต่ก็มีกล้ามเนื้อให้เห็นอยู่รำไร จึงทำให้ดูเซ็กซี่ไม่น้อยเลยล่ะครับ
ขณะที่กำลังเชื่องช้าอ้อยอิ่งอยู่นั้น จู่ๆ คนเมาก็ดึงผมเข้าหา แล้วประกบจูบอย่างรวดเร็ว โดยที่ผมไม่ได้ตั้งตัวเลยสักนิด จนผมได้แต่อึ้งตะลึงไปด้วยความตกใจไม่คาดคิด
ซึ่งในช่วงที่กำลังตะลึงอยู่นั้น อีกฝ่ายก็พลิกตัวขึ้นมาทาบทับผมไว้ พร้อมกับจับมือของผมกดลงกับที่นอนเพื่อไม่ให้ขัดขืนด้วย ส่วนด้านล่างกึ่งกลางลำตัวก็ใช้งวงช้างที่อยู่ในกางเกงในมาบดเบียดเข้ากับเจ้าช้างน้อยของผมที่เพิ่งจะหลับไหลไปได้ไม่นานอีกด้วย
“อะ ไอ้นนท์ ไม่..…อือ” ผมพยายามเรียกอีกฝ่ายด้วยความตกใจ ทั้งส่ายหน้าไม่หยุดเพื่อไม่ให้คนบนตัวจูบได้ถนัด
ทว่าดูเหมือนการกระทำและคำเรียกของผมจะไม่ได้ผล เพราะเจ้านนท์ยังตามจูบลึกล้ำมากขึ้น ทั้งหนักหน่วงยิ่งกว่าเดิม จนผมอ่อนระทวยไปกับอีกฝ่ายในท้ายที่สุด ถึงขนาดยกสะโพกให้ถอดกางเกงออกไปง่ายๆ ด้วยอย่างลืมตัว
กว่าจะรู้สึกตัวเจ้านนท์ก็ยกสองขาของผมขึ้นสูง เพื่อจะสอดงวงช้างอันใหญ่ของตัวเองเข้ามาในตัวผม ผมจึงร้องบอกคนเมาด้วยเสียงที่แหบพร่าทั้งเบาหวิวด้วยความตื่นตระหนก “อะ ไอ้นนท์ อย่า อย่าทำอย่างนี้”
แต่ดูเหมือนว่าเสียงที่แหบพร่าของผม จะไปกระตุ้นอีกฝ่ายให้ฮึกเหิมมากขึ้นกว่าเดิม เพราะคนยังจดจ่อกับช่องทางไม่เลิกรา
เมื่อคนบนตัวเห็นว่าผมเริ่มดิ้นรน เจ้านนท์ก็จับตัวผมให้พลิกคว่ำหน้าลงกับเตียงพร้อมกดล็อกร่างของผมไว้อย่างแน่นหนาอีกครั้ง
“อย่า...ไอ้นนท์ อย่า” ผมร้องบอกอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรง หลังจากดิ้นขัดขืนมานาน แต่ก็ไม่สามารถสลัดคนออกไปได้
“เด็กดี ผมจะทำเบาๆ นะครับ” เจ้านนท์กระซิบเสียงแผ่วพร่าที่ข้างหู ก่อนจะจูบลงและโลมเลียด้วย จนผมขนลุกชันไปทั่วทั้งร่างด้วยความวาบหวิว ก่อนที่คนจะยืดตัวขึ้น เพื่อจับมือทั้งสองข้างของผมไปไพล่ไว้ยังด้านหลัง
” เด็กดีพ่อมึงสิ กูเป็นพี่มึงนะ” ผมด่าด้วยเสียงแหบแห้ง แต่ดูท่าว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ได้ยินคำด่าของกัน เพราะเจ้านนท์ยังคงยื่นงวงช้างแข็งแรงของตัวเองมาจดจ่อกับปากถ้ำของผม แล้วผลักไสเข้ามาในตัวผมด้วย แต่เข้าไปได้แค่นิดเดียวเท่านั้น ก็เข้าไปไม่ได้อีกเพราะความฝืดฝืน ไม่มีตัวช่วย
เมื่อเป็นอย่างนี้คนเมาจึงรั้งสะโพกผมขึ้นสูง แล้วเอื้อมมือมาหยอกเย้ากับช้างน้อยของผม จนมันชูงวงขึ้นมาอย่างน่าอดสู แล้วคนก็ขยับรูดรั้งให้
“ยะ อย่า สิ...โว้ย…อื้อ ฮื้อ...” ผมส่งเสียงห้ามอย่างกระท่อนกระแท่น ทั้งพยายามประคองสติตัวเองไม่ให้เผลอไผลไปกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น แต่สุดท้ายผมก็พ่ายแพ้ไปกับธรรมชาติของร่างกาย ส่งเสียงครวญครางออกมาอย่างน่าละอาย ถูกเจ้านนท์รูดเข้ารูดออกไม่นาน ก็พ่นน้ำออกมาเปรอะเปื้อนมือของอีกฝ่าย
ไม่กี่วินาทีต่อมาผมก็รู้สึกเย็นวาบที่ปากถ้ำ ก่อนจะรู้สึกถึงสิ่งใหญ่โตที่ยื่นมาจดจ่อยังปากทางอีกครั้ง
"อย่า..." ผมร้องบอกอีกครั้งอย่างสิ้นหวังแล้วจริงๆ เพราะไม่ว่าจะทำอย่างไร เจ้านนท์ก็ไม่มีสติคืนกลับมาเลย
และในห้วงความสิ้นหวังนี้เอง ในหัวของผม ก็มีภาพชายอีกคนกำลังสิ้นหวัง จากเหตุการณ์คล้ายกันนี้อยู่ด้วยอีกคน แต่เพียงไม่นาน ภาพก็สลายหายไป เพราะความเจ็บจุกจากการโดนรุกล้ำเข้ามาในตัว
"อะ อึก..." ผมอยากจะแหกปากร้องออกมา แต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่นอนคว่ำหน้าน้ำตาคลอ แน่นิ่งอยู่อย่างนั้น อย่างสงสารตัวเองและคนที่ปรากฏขึ้นมาในหัว ได้แต่ภาวนาขอให้อีกฝ่ายรอดปลอดภัย อย่าให้เหมือนกับตัวเอง
“ผ่อนคลายหน่อยครับ ยิ่งเกร็งยิ่งเจ็บ” คนด้านหลังกระซิบบอก ทั้งยื่นมือมาลูบงวงช้างผมอีกครั้ง จนผมถูกความเสียวซ่านมาล่อลวงไปอีกครา
หลังผมผ่อนคลายตัวเองลง คนเมาก็ขยับตัวเข้าๆ ออกๆ ถ้ำของผมอยู่หลายครั้ง ทั้งยังปรับเปลี่ยนท่วงท่าไปอีกหลายหน เหมือนไม่มีที่สิ้นสุด จนกระทั่งผมหลับใหลไปก่อนด้วยความอ่อนเพลีย
