บท
ตั้งค่า

4 ขอเป็นลูกเขย

เมื่อกลับมาถึงบ้าน ก็เห็นว่าเจ้านนท์นั่งหน้าบูดบึ้ง อยู่ที่โต๊ะหินอ่อน ใต้ต้นมะยมหน้าบ้าน

“หิวข้าวเหรอ” ผมถามคนหน้าบูด ก่อนจะหันไปรับของจากจีน แล้วส่งให้น้องชายถือเพื่อเอาเข้าบ้าน

“ขอบคุณพี่ลันนะคะ ที่พาจีนไปเที่ยว” สาวน้อยเอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวาน ผมจึงยกยิ้มทั้งพยักหน้าให้อย่างไม่ใส่ใจ ก่อนที่จีนจะเชิดใส่คนหน้าบูด แล้วเดินไปบ้านของตัวเอง

เห็นอย่างนี้ ผมก็ได้แต่ถอนหายใจให้กับสองคนนี้

ไม่ใช่ว่าเกลียดกันตอนนี้ ตอนหน้าจีบกันหรอกนะ ... ผมคิดเล่นๆ อย่างขำขัน อินกับบทละคร ที่ชอบให้พระเอกนางเอกเกลียดขี้หน้ากันก่อน แล้วค่อยมารักกันในภายหลัง

เมื่อจีนจากไปแล้ว ผมจึงเดินเข้าบ้านด้วยเหมือนกัน โดยมีเจ้านนท์เดินถือของตามเข้ามาด้วย

“ไหนบอกว่าไม่ค่อยได้คุยกับใคร ไม่ค่อยได้ออกไปไหนไง” เด็กน้อยถามเสียงห้วน

“เอ้า ก็ไม่ค่อยได้ออกไปไหนจริงๆ นี่นา นอกจากตลาด เนี่ย” ผมยกของที่ไปซื้อมาให้อีกฝ่ายดู

“แล้วทำไมต้องไปกับไอ้จีนด้วย พี่ไม่รู้หรือไงว่าบ้านนั้นเขายิ่งอยากได้พี่ไปเป็นเขยอยู่” เจ้านนท์เอ่ยต่ออย่างกับคนไม่พอใจ

ก็แน่ล่ะ เจ้านนท์ไม่ชอบจีน ดังนั้น คนเลยไม่ชอบใจ ที่ผมไปสนิทสนมกับสาวน้อยน่ารัก และพ่อของจีนก็มักจะพูดทำนองว่าอยากได้ผมเป็นลูกเขยด้วย ตอนเมา

“วุ้ย!ไอ้นี่ น้าทวนเขาก็พูดเล่นไปอย่างนั้นเอง แกเมาน่ะแกเมา เข้าใจไหม แล้วกับจีน ฉันก็เห็นมันเป็นแค่น้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น” ผมอธิบายให้เด็กน้อยได้เข้าใจ ทั้งนึกค่อนขอดในใจไปด้วย คนบ้าอะไร ไม่รู้จักกระทั่งว่าพูดเล่นพูดจริง

“พูดเล่น แล้วทำไมต้องพูดบ่อยๆ ด้วย กับไอ้จีนก็เหมือนกัน มันเห็นพี่เป็นพี่ชายไหม พูดจาเสียงอ่อนเสียงหวานเสียขนาดนั้น ” เจ้านนท์เสียงห้วนใส่กันอีกครั้ง

“ไอ้นนท์” ผมตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความโมโหที่คนมาไล่บี้พูดเรื่องนี้ ทั้งจับจ้องคนกวนประสาทไปด้วย

ก็พอเข้าใจว่าอีกฝ่ายหวงและห่วงผมเหมือนกันกับพ่อ แต่ก็ไม่น่าจะขนาดนี้ไหม ...ก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยใจกับเด็กน้อยคนนี้

“แกหิวข้าวใช่ไหม บอกมาว่าจะกินอะไร” ผมถามอย่างไม่พอใจ สีหน้าบึ้งตึง ทั้งวางของที่ถือมาลงบนเคาน์เตอร์ในครัวด้วย

“ต้มบะหมี่ก็ได้” เด็กน้อยเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นว่าผมโมโหแล้วจริงๆผมจึงถลึงตาใส่คนโมโหหิวไปทีด้วยความขุ่นเคือง

“จริงๆ เลย คราวหลังถ้าแกหิวก็ไปสั่งข้าวร้านป้าบุญมากินนะ จะได้ไม่ต้องมารอจนอารมณ์เสียอย่างนี้” ผมบ่นอย่างอ่อนอกอ่อนใจกับอีกฝ่าย หิวขนาดนี้แต่ไม่ยอมไปสั่งข้าวมากิน อะไรของมันนักหนาก็ไม่รู้

“ไม่เอาหรอก ป้าแกทำไม่อร่อย” เจ้านนท์บอก พร้อมกับยืนรอต้มบะหมี่ใจจดจ่อ ท่าทางหิวมาก

“ร้านอื่นก็มี” ผมบอกอย่างเหน็ดเหนื่อยใจจริงๆ แล้ว เมื่อเห็นท่าทางหิวซกของคนข้างๆ

“แหวะ ไม่เห็นมีใครทำอร่อยเลยสักร้าน สู้พี่ทำก็ไม่ได้” เจ้านนท์บอกอย่างจริงจัง ทั้งจ้องมองกันตาไม่กะพริบ

ได้ฟังเด็กน้อยพูดแล้ว ผมก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา พลางประชดประชันไปด้วย “เออ พี่ชายแกนะ สุดยอดเลยเนาะ อะไรๆ ก็เก่งกว่าชาวบ้าน ชาวช่องเขา”

“ก็มันจริงนี่นา” อีกฝ่ายไม่วายยกหางกันอีกครั้ง

“วุ้ย!ไอ้นี้ ปากหวานจริง ว่าแต่ปากหวานขนาดนี้เมื่อไหร่มีแฟนสักทีฮะ?เรียนก็เรียนจบแล้ว” ผมอดที่จะกลั้วหัวเราะไปกับคำพูดของคนข้างๆ แล้วกระเซ้ากลับอย่างอารมณ์ดีไม่ได้ ด้วยเจ้านนท์เรียนจบมาก็เกือบจะสองปีแล้ว แต่ไม่มีวี่แววว่าจะมีแฟนเลย

“ทำไม? พี่รีบเหรอ” เด็กน้อยเอียงคอถามกลับด้วยท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู

“รีบสิ” ผมตอบอย่างจริงจัง พลางคิดว่า มีคนมาแบ่งรับความผีเข้าผีออกของแก ฉันจะไม่รีบอยากให้แกมีได้อย่างไร

ก่อนจะนึกได้ว่าตัวเองถามอีกฝ่ายไปไม่ใช่เหรอ? แล้ว ทำไมคนถึงมาถามกลับอย่างนี้ล่ะ?

ช่างเถอะ เจ้านนท์คงจะคิดว่าเราอยากให้เจ้าตัวรีบมีล่ะมั้ง? ... ผมคิดอย่างคาดเดา และเมื่อต้มบะหมี่เสร็จ ผมก็ยกลงเทใส่ถ้วยให้อีกฝ่าย

“เอ้า เสร็จแล้ว” พลางยื่นถ้วยบะหมี่ที่ต้มเสร็จแล้วไปให้คนที่กำลังยืนจ้องหน้ากันอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ข้าง ทั้งแอบบ่นให้คนในใจไปด้วย จะจ้องอะไรนักหนาก็ไม่รู้

“ขอบคุณคร้าบบบ คุณพี่สุดที่รัก” เจ้านนท์ยื่นมือมารับถ้วยบะหมี่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มดีใจ พูดจบก็ก้มลงมาหอมแก้มกันอย่างรวดเร็ว โดยที่ผมไม่ทันตั้งตัวเลยสักนิด หอมเสร็จคนก็เดินหัวเราะฮ่าๆ จากไปทันที

“อะ ไอ้นนท์!” ผมร้องเรียกชื่ออีกฝ่ายออกมาด้วยความตกใจไม่คาดคิด ด้วยเราไม่ใช่เด็กๆ กันแล้ว ที่จะมาแสดงออกอย่างนี้ แล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังกว่าเดิมและมีคำว่าจีบๆ อะไรสักอย่างลอยกลับมาให้ได้ยินด้วย

“ไอ้บ้านี่ เมื่อกี้ยังเกือบจะกินหัวกันอยู่เลย มาตอนนี้อารมณ์ดีซะแล้ว” ผมยิ้มขำทั้งส่ายหัวให้กับอารมณ์ที่เปลี่ยนไปไวของอีกฝ่าย ก่อนจะเลิกสนใจ แล้วหันมาทำกับแกล้มและกับข้าวเตรียมไว้สำหรับเย็นนี้

ส่วนคนโมโหหิวหลังกินบะหมี่เสร็จแล้ว ผมก็ใช้ให้ไปซื้อเครื่องดื่มมาแช่ไว้รอพ่อและคนงาน

หกโมงกว่าๆ พ่อก็กลับมาถึงบ้าน พร้อมกับคนงานสี่ห้าคน ผมกับเจ้านนท์จึงช่วยกันยกเครื่องดื่มและกับแกล้มออกไปให้ ทุกคนจึงเริ่มตั้งวงกินดื่มกันอยู่ที่หน้าบ้าน

กินไปได้ไม่เท่าไหร่น้าทวนที่อยู่ข้างบ้านก็เลิกงานกลับมาถึง พ่อจึงเรียกให้มากินร่วมกันเหมือนอย่างเคย

เนื่องจากวันนี้มีกินเลี้ยงกัน ผมจึงชวนน้าใจกับลูกสาวมากินข้าวด้วยกัน ดังนั้นเมื่อน้าทวนมาถึงทั้งสองจึงตามมาด้วย โดยมีผมทำหน้าที่ย่างหมูอยู่ประจำที่เตาและมีจีนคอยเสิร์ฟให้ทำหน้าที่ช่วยกันอย่างแข็งขัน

กินไปได้พักใหญ่ เสียงพูดคุยกัน ก็เริ่มดังขึ้นกว่าเดิม

“พี่กร พูดจริงๆ นะ ผมล่ะชอบไอ้ลันจริงๆ ผมขอมาเป็นลูกเขยได้ไหม” น้าทวนที่เริ่มเมาก็พูดประโยคประจำตัวออกมาให้ทุกคนได้ยิน ก่อนจะหันมาทางผม "ว่าไงล่ะลัน น้องเรียนจบแล้วน่ะ"

เอาล่ะสิ จะตอบว่าไงดี ... ผมคิดอย่างทำอะไรไม่ถูก เนื่องจากตอนนั้นผมบอกว่ารอให้จีนเรียนจบก่อน จะได้ไม่ไอเป็นคุก แล้วมาตอนนี้จะหาข้ออ้างอะไรมาตอบดี เพื่อไม่ให้ทั้งสองคนไม่เสียหน้า

ไม่ใช่ว่าผมเล่นตัวหรอกนะครับ แต่เป็นเพราะผมเห็นจีนเป็นน้องสาวจริงๆ ก็เท่านั้นเอง

ขณะที่กำลังนึกหาคำพูดมาตอบน้าทวนกลับอยู่นั้น น้าใจก็ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน

“เอาอีกแล้ว เมาแล้วอย่างนี้ทุกที” น้าใจว่าให้สามีที่นั่งอยู่ข้างกัน

“ทำไม ก็กูอยากได้นี่ ไอ้ลันมันทำกับข้าวอร่อย” น้าทวนพูดกับภรรยาพลางยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มด้วย

“ตกลงที่อยากได้เนี่ย จะเอาไปทำกับข้าวให้กินว่างั้น” น้าใจถามสามีกลับด้วยรอยยิ้มขำ

“เออสิ” น้าทวนตอบ ตอบจบก็คอตกไปอย่างคนเมามากแล้ว เห็นอย่างนี้ ทุกคนจึงหัวเราะกันด้วยความตลกขบขัน เพราะรู้ว่าน้าทวนแค่พูดเล่นไปอย่างนั้นเอง

ในความเป็นจริง ผมคิดว่าที่น้าทวนอยากให้ผมจีบจีน ก็เป็นเพราะว่าแกหวงและห่วงลูกสาวคนเดียวของแกเสียมากกว่า ไม่อยากให้ลูกสาวไปเรียนต่อที่ไกลๆ ด้วยตัวลูกสาวนั้นอยากจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยทางภาคเหนือของประเทศ ซึ่งไกลจากบ้านมาก เลยเอาผมมาเป็นตัวล่อ เผื่อว่าลูกสาวจะเปลี่ยนใจมาเรียนใกล้บ้าน เนื่องจากเห็นว่าผมกับจีนสนิทกันมากก็เท่านั้นเอง

“จริงๆ เลย” ผู้เป็นภรรยาส่ายหัวให้กับสามีตัวเอง ก่อนจะหันมาทางผม “อย่าถือสาน้าเขาเลยนะ”

“ครับ” ผมตอบรับอย่างไม่ถือสา จะให้ถือสาได้อย่างไรผมไม่ได้เสียหายอะไรสักหน่อย มีแค่ลูกสาวของพวกเขานั่นแหละที่เสียหาย และตอนนี้คนก็นั่งทำหน้าเซ็งๆ ให้พ่อตัวเองอยู่ตรงข้ามกันที่หน้าเตาไฟนี่ ผมจึงขยับเข้าไปใกล้และเอ่ยปลอบใจ ด้วยไม่อยากให้คิดมาก เพราะถ้าไม่เมา น้าทวนก็ไม่พูดอย่างนี้ “ช่างพ่อเขาเถอะ แกแค่เมาเท่านั้นเอง”

“หนูชินแล้วล่ะพี่” สาวน้อยถอนหายใจ พลางก้มหน้าคอตกท่าทางเหมือนคนปลงตก ผมจึงหัวเราะด้วยความเอ็นดูในท่าทางของอีกฝ่าย

สักพัก คนก็เงยหน้าขึ้นมองกันด้วยสีหน้าท่าทางเหมือนคนจะร้องไห้ แล้วเอ่ยอีกครั้ง "ฮือ...อย่างนี้หนูก็ขายไม่ออกแล้วสิ พี่ลันต้องรับผิดชอบหนูเลยนะ"

"ไอ้นี่! " ผมว่าให้คนที่กำลังล้อเล่นอยู่อย่างไม่จริงจัง ทั้งผลักหัวอีกฝ่ายเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้

"พี่ลันอ่า..หนูแค่ล้อเล่นเอง จริงจังไปได้" สาวน้อยหรี่ตา มองด้วยท่าทางขัดเคือง ดูแสนงอนเป็นอย่างมาก

"แต่พี่ไม่ตลก" ผมบอกด้วยท่าทีจริงจัง เพื่อย้ำคำพูด

ไม่ใช่อะไรหรอก ผมกลัวว่าอีกฝ่ายจะเสียหายน่ะครับ กลัวว่าจะมีใครมาได้ยินแล้วเอาไปพูดต่อ ด้วยบ้านทาวน์เฮาส์ที่มีโครงสร้างติดกัน ย่อมเป็นไปไม่ได้ ที่จะไม่มีใครได้ยิน

"อ้อ" คนส่งเสียงออกมาคำหนึ่งด้วยสีหน้างอง้ำ เมื่อเห็นว่าผมไม่เล่นด้วย

ผมจึงส่ายหัวให้ ทั้งรู้สึกว่าการมีน้องสาวน้องชายที่พูดคุยและล้อเล่นกันแบบนี้ก็มีความสุขดีเหมือนกัน

หลังจากกินกันจนอิ่มและเมาแล้ว ผมกับจีนก็ช่วยกันเก็บกวาด เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็มาช่วยน้าใจประคองน้าทวนกลับไปส่งที่บ้านให้เช่นทุกครั้ง โดยมีลูกสาวของทั้งสองเดินตามหลังมาติดๆ

"เป็นอย่างนี้ทุกที เลี้ยงเหล้าแล้วยังต้องให้มาส่งอีก" น้าใจพูดคล้ายกับเกรงใจอย่างไรอย่างนั้น

"ไม่เป็นไรหรอกครับ ยังไงก็เพื่อนบ้านกัน" ผมตอบอย่างที่น้าใจเคยบอก ด้วยแต่ก่อน ตอนที่ผมต้องดูแลบ้านใหม่ๆ ก็ได้น้าใจนี่แหละช่วยสอนทำงานบ้านให้อย่างไม่รังเกียจ ไม่เหมือนกับบ้านหลังอื่นๆ ในละแวกนี้ ที่เห็นว่าผมไม่ไปทำงานทำการก็พากันรังเกียจและเอาแต่นินทา

เมื่อส่งน้าทวนกลับบ้านแล้ว ผมก็กลับมาอาบน้ำและไปนอนห้องเจ้านนท์เหมือนเดิม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel