บทที่ 6
"ถามหาลูก พอรู้ว่าแม่ไม่สบายก็ทำท่าจะมาเยี่ยม แต่แม่บอกว่าไม่เป็นไรมากไม่ต้องมาให้ลำบาก" สีหน้าของหญิงวัยกลางคนเศร้าสร้อยลงไปอีกเมื่อเอ่ยถึงโซเฟีย
"ที่จริง แม่ก็อยากให้หนูโซเฟียมา แต่ว่าแม่กลัวลูกจะอึดอัดใจ" นางอนงค์รัตน์ก้มหน้าเล็กน้อย
"แม่ครับ ถ้าแม่อยากให้โซเฟียมาหาผมจะส่งคนไปรับเธอมาพบแม่ ดีไหมครับ" เขาทำได้ทุกอย่างเพื่อให้อาการป่วยของมารดาดีขึ้นในเร็ววัน
"จริงเหรอลูก" สีหน้าและท่าทางของนางตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย และสักพักก็กลับไปเป็นแบบเดิมอีก
"ไม่ต้องก็ได้ แม่ไม่อยากให้อัลรู้สึกอึดอัด"
"โธ่ แม่ครับ ผมไม่รู้สึกอะไรแบบนั้นเสียหน่อย แค่แม่บอกมาคำเดียวผมทำให้ได้ทุกอย่าง" ชายหนุ่มพยายามเอาใจและส่งรอยยิ้มที่แสดงว่าเต็มใจทำให้จริงๆ
"อย่าดีกว่าจ้ะ แม่ไม่รบกวนอัลดีกว่า อีกอย่างแม่มีอะไรจะบอก" นางอนงค์รัตน์สบตามองลูกชายสุดที่รักแล้วพูดต่อว่า
"แม่อยากจะบอกอัลว่า แม่ขอโทษที่เมื่อวันก่อนเร่งรัดลูกเรื่องแต่งงานกับหนูโซเฟีย แม่รู้ว่าลูกอึดอัดและไม่สบายใจเพราะแม่ ตอนนี้แม่คิดได้แล้วว่าเรื่องนี้ควรให้อัลของแม่ได้มีโอกาสตัดสินใจเอง เพียงแต่...แม่กลัวจ้ะ กลัวว่าจะไม่ได้อยู่เห็นลูกๆ ของแม่มีใครสักคนเคียงข้าง กลัวว่าจะเกิดเรื่องร้ายกับใครคนไหนอีก กลัวว่าจะเสียใครไป..." นางอนงค์รัตน์ร่ำไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น
"แม่ครับ อย่าร้องไห้นะครับ" บุตรชายคนเล็กสวมกอดมารดาเพื่อปลอบประโลมอีกครั้ง เขาหนักใจเหลือเกินไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี
อาการป่วยของนางอนงค์รัตน์มีสาเหตุมาจากเรื่องเดียว คือกังวลกับชีวิตของลูกๆ ทุกคนจนล้มป่วย โดยเฉพาะตอนนี้เมื่ออัลเฟรโด้เคยพูดชัดเจนแล้วว่า ยังไม่ต้องการแต่งงานและไม่ปรารถนาจะยินดีรับคุณหนูโซเฟียมาเป็นคู่ชีวิต
เรื่องนี้ก็คงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่สร้างความผิดหวังให้แก่นางอนงค์รัตน์จนล้มป่วยลงเช่นนี้ อัลเฟรโด้รู้ว่ามารดารักและเอ็นดูคุณหนูเบลลูชชี่มากแค่ไหน ดังนั้นเมื่อเขาปฎิเสธจึงทำให้นางเสียใจและล้มป่วยลงจนกระทั่งเป็นเช่นนี้
"อัลจ้ะ เรื่องหนูโซเฟีย แม่จะโทรศัพท์ไปขอโทษหนูโซเฟียเอง ลูกจะได้ไม่ต้อง..."
"แม่ครับ" ชายหนุ่มขัดขึ้นแล้วพูดต่อว่า
"ผมจะแต่งงานกับโซเฟียตามที่แม่ต้องการ" อัลเฟรโด้ตัดสินใจแล้ว
เมื่อรู้ว่าหมอใดหรือยาขนานไหนก็รักษาอาการเจ็บป่วยของมารดาไปไม่ได้ นอกจากการทำให้ความทุกข์ในหัวใจหมดไปด้วยการยอมรับในสิ่งที่นางต้องการ อัลเฟรโด้จึงเลือกที่จะขจัดความทุกข์ใหญ่ในหัวใจนางอนงค์รัตน์ให้หมดไปด้วยการตัดสินใจแต่งงาน
เขาไม่ได้รู้สึกรังเกียจใดๆ โซเฟียแม้แต่น้อย เมื่อไม่ได้มีความรู้สึกลบอย่างน้อยก็พอจะยืนอยู่เคียงข้าง ใช้พื้นที่หายใจร่วมกันได้อย่างไม่น่าอึดอัด เรื่องความสัมพันธ์อื่นอัลเฟรโด้ยังไม่คิดอะไรทั้งสิ้น คิดแค่ว่าจะทำอย่างไรที่จะสลายความทุกข์ในหัวใจของนางอนงค์รัตน์ให้หมดไปเท่านั้นพอ
"อัล" ใบหน้าที่ซีดเซียวคล้ายกับจะหมดแรงได้ทุกขณะ เปลี่ยนเป็นแช่มชื่นด้วยรอยยิ้มในทันที เมื่อได้ยินประโยคสำคัญที่รอยคอยมาหลายวัน
"ลูกพูดจริงๆ นะ ไม่ได้ล้อแม่เล่นใช่ไหม" น้ำเสียงหญิงวัยกลางคนมีความตื่นเต้นดีใจอย่างเห็นได้ชัด
"ครับ ผมพูดจริงๆ ไม่ได้พูดเล่นๆ ผมจะทำให้ฝันร้ายของแม่จบลงเสียที ผมอยากเห็นแม่มีความสุขมีรอยยิ้มเหมือนเดิมเท่านั้นพอ"
อะไรก็ได้ที่แม่มีความสุข ลูกชายอย่างเขาทำได้ทุกอย่าง แม้แต่เสียสละความสุขที่สุดในชีวิตเพื่อแม่ นาทีนี้ไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่า การทำให้อาการป่วยนี้ดีขึ้นและหวังว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะทำให้เป็นเช่นนั้นได้
"โอ้ อัลจ๋า อัลเฟรโด้ลูกรักของแม่ ขอบใจนะ ขอบใจมาก ขอบใจที่ทำให้ความฝันของแม่เป็นจริง แม่รักลูกจ้ะ ขอให้ลูกรู้ไว้ว่าที่แม่ทำไปทั้งหมดเพราะรักและหวังดีกับลูกจริงๆ หนูโซเฟียจะทำให้ชีวิตของลูกแม่มีความสุขแน่ๆ"
สองแม่ลูกกอดกันแนบแน่น ใบหน้าของนางอนงค์รัตน์มีความสุขเฉิดฉายอย่างเห็นได้ชัด ในที่สุดสิ่งที่นางปรารถนาก็เป็นจริงแล้ว คำทำนาย เคราะห์ร้าย จะหมดไปจากลูกชายคนเล็กของนาง โชคดี สิ่งดีๆ และความสุขจะอยู่กับอัลเฟรโด้ตลอดไป
"แม่รักลูกจ้ะ"
"ผมก็รักแม่ครับ" อัลโฟรโด้กอดรัดมารดามากขึ้นไปอีก เขามีความสุขที่ได้เห็นรอยยิ้มของแม่ และยินดีจะทำให้ฝันที่แม่ต้องการเป็นจริงให้จงได้
สองแม่ลูกพูดคุยกันถึงแผนการแต่งงานที่จะเกิดขึ้นอีกพักหนึ่ง สีหน้าของนางอนงค์รัตน์ดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และกินอาหารที่บุตรชายสุดที่รักป้อนได้จนหมด มันยิ่งตอกย้ำให้อัลเฟรโด้รู้สึกดีมากขึ้นไปอีก และคิดว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นเรื่องดีที่สุด
"แม่จะรีบจัดการงานแต่งของลูกแม่ให้ยิ่งใหญ่และสวยงามที่สุด อัลอยากได้อะไรพิเศษไหม" นางอนงค์รัตน์ถามด้วยหน้าตาและน้ำเสียงที่สดใส
"แล้วแต่แม่เลยครับ ผมยังไงก็ได้" อัลเฟรโด้เอ่ยเสียงเรียบ
เขาไม่มีภาพใดๆ ในหัวสมอง คิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าการแต่งงานในชีวิตของตัวเองจะออกมาเป็นเช่นไร เคยแต่ชื่นชมหรือมีไอเดียในการจัดงานให้คนอื่นมามากมาย แต่พอเป็นของตัวเองกลับไม่รู้สึกอะไรทั้งสิ้น
"แขกล่ะ ลูกคิดว่าจะเชิญใครบ้าง หรือว่าอยากเชิญใครเป็นพิเศษไหม"
"แม่เห็นสมควรอย่างไรก็ตามนั้นครับ ผมไม่มีปัญหา" ท่านประธานหนุ่มคิดไม่ออกจริงๆ ว่า ใครที่จะต้องบอกให้รู้ว่าเขากำลังจะเข้าพิธีวิวาห์ในเร็วๆ นี้
"ของชำร่วยล่ะจ้ะ อยากได้แบบไหน แม่ว่าให้หนูโซเฟียคุยกับลูกก่อนแล้วค่อยมาบอกแม่ดีไหมว่าอยากได้แบบไหน"
"แม่กับโซเฟียตัดสินใจไปเลยครับ ผมยังไงได้หมด แม่ครับ เดี๋ยวผมมีนัดสำคัญกับลูกค้าต้องกลับไปที่โรงแรมก่อน ไว้ผมจะมาเยี่ยมแม่อีกนะครับ"
"แม่ไม่เป็นอะไรแล้วจ้ะ ลูกรีบกลับไปจัดการงานเถอะ อ้อ นี่ แล้วอย่าลืมเรื่องฮันนีมูนล่ะ คิดหรือยังว่าอยากไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับหนูโซเฟียที่ไหน"
"เรื่องนั้นไว้ว่ากันทีหลังนะครับ ผมต้องไปแล้ว"
ร่างสูงกล่าวลามารดาเพื่อกลับไปทำภารกิจของตนเองต่อ แม้สีหน้าของท่านประธานหนุ่มจะดูเคร่งเครียดกว่าทุกวัน แต่หัวใจของอัลเฟรโด้ก็บอกให้อดทนและทำเมื่อมารดาที่รัก ถือว่านี่คือการตอบแทนความรักความเสียสละของแม่ที่มีต่อลูกชายคนนี้
ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต คำทำนายของหลวงตาที่น่านับถือจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ท่านประธานหนุ่มก้าวขึ้นไปนั่งในรถแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ ที่แน่ๆ และไม่ต้องรอดูว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร ก็คือชะตาชีวิตของเขา ที่ไม่มีสิทธิ์เลือกหรือกำหนดเองได้ว่าผู้หญิงสักคนที่จะมาร่วมชีวิตกันนั้น จะเป็นใครที่คนบนฟ้าส่งมาให้เจอ หรือเพราะการจับคู่ของมารดาสุดที่รัก
แต่เมื่อเลือกแล้วและตัดสินใจที่จะใช้การเลือกครั้งนี้แสดงความกตัญญู ก็จะทำให้ดีที่สุดและหวังว่าบนความตั้งใจนี้ คนบนฟ้าจะเห็นใจและเมตตาให้การตัดสินใจครั้งนี้พบคำว่าความสุขบ้างสักนิดก็ยังดี
