บทที่ 7
เกาะซิซิลี คฤหาสน์เบลลูชชี่
รถยนตร์คันหรูจอดที่หน้าคฤหาสน์หลังงามของตระกูลเบลลูชชี่ เจ้าของธุรกิจโรงแรมระดับห้าดาวและหาดส่วนตัวมากมายบนเกาะซิซิลี ตระกูลเบลลูชชี่กำลังจะมีงานมงคลยิ่งใหญ่ในวันพรุ่งนี้ นั่นก็คือพิธีวิวาห์ระหว่างคุณหนูโซเฟียคนสวยกับทายาทของมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลแห่งนาโปลี อัลเฟรโด้ รอสเซลลินี เรียกว่าเป็นงานวิวาห์ระดับช้างชนช้างเลยก็ว่าได้
ร่างเล็กสมส่วนก้าวเท้าลงจากรถด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เธอคุ้นเคยกับที่นี่เป็นอย่างดีเสมือนเป็นบ้านหลังที่สองในชีวิตเลยก็ว่าได้ แม้ไม่ใช่สายเลือดเบลลูชชี่โดยกำเนิดแต่สายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างเธอกับคุณหนูโซเฟีย ก็ทำให้ครองขวัญ ก้องภพสาวไทยวัยยี่สิบห้าปีต้องข้ามน้ำข้ามทะเลจากแผ่นดินบ้านเกิด เพื่อมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวในงานวิวาห์วันพรุ่งนี้
"ขวัญ" คุณหนูโซเฟียรีบวิ่งเข้ามาโผกอดครองขวัญด้วยความดีใจ
"ดีใจที่ขวัญมาได้"
"ไม่มาได้ไง คุณหนูโซเฟียแต่งงานทั้งทีถ้าไม่ได้มาต้องเสียดายแย่" ครองขวัญเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
"ขอบใจมากนะ ขวัญ" โซเฟียโผเข้ากอดเพื่อนรักด้วยความซาบซึ้งใจอีกครั้ง การได้เห็นครองขวัญปรากฎตัวขึ้นในวันนี้ เสมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ของคุณหนูคนสวยเลยทีเดียว
"เข้าบ้านดีกว่า คุณแม่รออยู่ บ่นถึงขวัญตั้งแต่เมื่อวานแล้ว กลัวว่าจะเปลี่ยนใจไม่มา" โซเฟียจูงมือพาครองขวัญเดินเข้าไปในคฤหาสน์เพื่อพบกับมารดาที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
บ้านหลังที่สองของครองขวัญยังคงอบอุ่นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ทุกคนในครอบครัวเบลลูชชี่ต่างดีใจต่อการมาของหญิงสาว โดยเฉพาะอันนามารดาชาวไทยของคุณหนูโซเฟียที่ลงมือจัดห้องพักให้กับครองขวัญด้วยตนเอง และเตรียมเสื้อผ้าชุดเพื่อนเจ้าสาวแสนสวยราคาแพงพร้อมเครื่องประดับมากมายไว้ให้อีกด้วย
"ไม่ต้องทำอะไรให้ขวัญหรอกค่ะ คุณแม่ พรุ่งนี้ให้เจ้าสาวสวยคนเดียวดีกว่า" ครองขวัญเอ่ยด้วยความเกรงใจ
ชุดเพื่อนเจ้าสาวปักด้วยลูกไม้ทั้งตัวราคาแพงแขวนตระหง่านอยู่ตรงหน้า พร้อมกับเครื่องเพชรน้ำงามที่ในชีวิตธรรมดาของครองขวัญคงไม่มีปัญหาหามาประดับติดกายไว้ได้ แน่ล่ะ ก็เธอเป็นแค่พนักงานประจำบริษัทธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น เงินเดือนที่ได้ในแต่ละเดือนหมดไปกับค่ายาค่ารักษาบิดาไปกว่าครึ่ง
ความต่างเรื่องฐานะไม่ใช่เหตุผลสำคัญในการคบหา โซฟียและครองขวัญรู้จักกันครั้งแรกในรั้วมหาวิทยาลัยที่อิตาลี สาวน้อยชาวไทยได้ทุนมาเรียนต่อและได้ช่วยเหลือคุณหนูคนสวยจากการถูกคนคิดทำร้าย ทำให้ทั้งคู่สนิทกันตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยิ่งแน่นแฟ้นขึ้น เมื่อครั้งหนึ่งที่โซเฟียเดินทางมาประเทศไทยเพื่อเยี่ยมครองขวัญ บิดาของเพื่อนรักป่วยหนักต้องเข้ารักษาตัวด้วยการผ่าตัดโรคหัวใจ ในตอนนั้นครองขวัญเพิ่งเริ่มทำงานใหม่ๆ เงินเก็บที่มีก็ไม่มากพอที่จะจ่ายค่ารักษามากมายนี้ได้
โซเฟียยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเป็นธุระจัดการค่ารักษาทั้งหมดทุกบาททุกสตางค์ และไม่รับเงินคืนจากครองขวัญแม้แต่บาทเดียว ดังนั้นคุณหนูคนสวยจึงไม่ได้เป็นแค่เพื่อนสนิท แต่ยังเป็นผู้มีพระคุณสำหรับครองขวัญอีกด้วย
"ชุดสวยมากเลยค่ะ" ครองขวัญชื่นชมชุดที่โซเฟียเตรียมไว้ให้ด้วยความดีใจ
"เลือกเครื่องประดับทางนี้จ้ะสาวๆ ไหนหนูขวัญมาดูซิลูก ว่าชอบชุดไหน" อันนากวักมือเรียกให้สองสาวมานั่งใกล้ๆ แล้วหยิบเครื่องประดับในกล่องกำมะหยี่สีแดงที่คิดว่าเหมาะกับครองขวัญชึ้นมาถือไว้ในมือ
"แม่ว่าชุดนี้เหมาะกับหนูขวัญนะ โซเฟียว่าไงจ้ะ" สร้อยเพชรรูปหัวใจเข้ากันกับตุ้มหู คือชุดเครื่องประดับที่อันนาเลือกให้ครองขวัญ
"สวยค่ะ" โซเฟียพยักหน้าเห็นด้วย นางอันนาจึงนำเครื่องประดับชุดนั้นทาบลงบนตัวของครองขวัญ
"เพอร์เฟกที่สุด" หญิงวัยกลางคนยิ้มพึงพอใจ
"ขวัญว่าไม่ต้องก็ได้มั้งคะ" ครองขวัญปฏิเสธด้วยความเกรงใจ
"ไม่ได้ได้อย่างไรจ้ะ เพื่อนเจ้าสาวก็หมายถึงคนที่จะเป็นเจ้าสาวคนต่อไป งานนี้หนุ่มๆ มากันมากมาย เผื่อหนูขวัญของแม่จะได้พบใครสักคนจากงานนี้"
"ไม่มีหรอกค่ะ" ครองขวัญก้มหน้าด้วยความเขิน ใครจะมามองผู้หญิงธรรมดาที่ไม่มีอะไรน่าสนใจอย่างเธอได้
"งั้นก็เรียบร้อย แม่ขอไปพักก่อน พรุ่งนี้เราจะออกจากบ้านกันแต่เช้าเพื่อไปแต่งตัวที่โบสถ์ ช่างแต่งหน้าจะไปรอเราที่นั่น คืนนี้สาวๆ เข้านอนเร็วๆ นะลูก" นางอันนาลุกขึ้นเตรียมจะไปพักผ่อนต่อ โซเฟียหอมแก้มมารดาเป็นการอำลาก่อนเข้านอนเหมือนเช่นที่เคยทำเป็นประจำ ครองขวัญลุกขึ้นสวมกอดหญิงวัยกลางคนด้วยเช่นกัน จากนั้นจึงปล่อยให้สองสาวอยู่กันตามลำพัง
"ขวัญ ของที่ขอให้ช่วยทำให้ได้เรื่องไหม เอามาด้วยหรือเปล่า" โซเฟียหันมาถามถึงสิ่งที่ต้องการด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
"เอามาจ้ะ นี่ไง"
แกรนด์รอสเซลโฮเต็ล ( สาขา ) เกาะซิซิลี
อัลเฟรโด้ยืนมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง วันนี้แล้วซินะ ที่เขาจะทำหน้าที่ลูกที่แสนดีให้มารดาสุดที่รักมีความสุขที่สุดในชีวิต ชุดทักซิโดสีดำหรูทำให้ชายหนุ่มดูภูมิฐานและหล่อเหลาเป็นพิเศษสมกับการเป็นเจ้าบ่าวในวันนี้
ท่านประธานหนุ่มถอนหายใจเบาๆ เมื่อมองดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือ อีกไม่กี่ชั่วโมงจากนี้จะมีผู้หญิงคนหนึ่งมาเคียงข้างด้วย เขาจะกลายเป็นคนมีพันธะที่ต้องดูแลคนๆ หนึ่งไปตลอดชีวิต
อัลเฟรโด้จินตนาการไม่ออกเลยจริงๆ ว่าชีวิตแต่งงานของตนจะเป็นเช่นไรต่อไป เขาและโซเฟียจะเข้ากันได้ดีไหม เรื่องขัดแย้งที่จะมีต่อกันจะมีกี่เรื่อง หรือแม้แต่ความชอบเรื่องอย่างว่าจะเป็นอย่างไร
ไม่ว่าจะเข้ากันได้ดีหรือไม่ จะมีปัญหาความไม่เข้าใจที่ต้องถกเถียงกันไปอีกนานแค่ไหนก็ช่าง รสนิยมความชอบในเรื่องเพศจะเห็นตรงกันหรือขัดแย้งใดๆ ก็แล้วแต่ ไม่มีการถอยหลังได้อีกแล้ว ทุกอย่างต้องเดินหน้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
"คุณอัลครับ" เสียงประตูห้องนอนเปิดออกพร้อมกับคริสเตียนที่เดินเข้ามาเพื่อบอกให้รู้ว่า
"มาดามกับนายท่านมารอแล้วครับ"
"ฉันกำลังจะออกไปพอดี" อัลเฟรโด้พยักหน้ารับแล้วเดินออกไปทันที
หลังจากที่อัลเฟรโด้ตอบตกลงที่จะเป็นลูกชายคนแรกที่ยอมแต่งงาน เพื่อให้นางอนงค์รัตน์สบายใจและหายป่วย อาการต่างๆ ของนางก็หายเป็นปลิดทิ้งและลุกขึ้นมาวิ่งเต้นเป็นแม่งานจัดการทุกอย่างให้เสร็จทันฤกษ์ที่ได้มา ชายหนุ่มรู้สึกดีไม่น้อยที่เห็นความสุขของนางอนงค์รัตน์กลับมาอีกครั้ง ถึงแม้ว่าบางครั้งจะอยากย้อนเวลากลับไปถอนคำพูดที่ให้ไว้ก็ตามที
"ลูกชายแม่หล่อมาก"
แววตาของผู้เป็นมารดาเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมยินดี นางอนงค์รัตน์ตรงเข้าสวมกอดบุตรชายด้วยความตื้นตันใจ สองแม่ลูกกอดกันแน่นต่างฝ่ายต่างอยู่ในห้วงอารมณ์ที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
"ลูกทำให้แม่มีความสุขที่สุด ลูกจะเป็นผู้ชายที่โชคดีและมีความสุขที่สุดที่ได้แต่งงานกับหนูโซเฟีย"
"ครับ ผมก็ดีใจที่เห็นแม่มีความสุข" ชายหนุ่มก้มลงหอมแก้มมารดาฟอดใหญ่ นางอนงค์รัตน์สวมกอดลูกชายคนเล็กอีกครั้ง
"ไปกันเถอะจ้ะ ป่านนี้หนูโซเฟียรอแล้ว คุณคะ ดูอัลซิ เหมือนคุณตอนหนุ่มๆ ไม่มีผิด" หญิงวัยกลางคนหันมาพูดคุยกับซิลวิโอ สามีสุดที่รักด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสุข
"แน่นอนอยู่แล้ว ไป ไอ้ลูกชาย ไปพบกับความสุขที่สุดในชีวิตของลูกผู้ชายอย่างเรา" บิดาสุดที่รักสวมกอดอัลเฟรโด้ไว้
ซิลวิโอพอมองออกว่าลูกชายคนเล็กรู้สึกเช่นไรกับการแต่งงานครั้งนี้ และรู้ว่าการตัดสินใจยอมรับการแต่งงานก็เพื่ออยากให้ศรีภรรยาสุดรักมีความสุข เพราะนางสิงห์แห่งรอสเซลลินีคือที่สุดแห่งหัวใจของรอสเซลลินีทุกคน
โบสถ์ประจำตระกูลเบลลูชชี่ เกาะซิซิลี
เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก็จะถึงพิธีสำคัญของบ่าวสาว งานแต่งงานในวันนี้โซเฟียต้องการเชิญเฉพาะญาติสนิทในครอบครัวที่จะมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในวันสำคัญของชีวิต ส่วนงานฉลองสมรสที่จะมีขึ้นในอีกหนึ่งเดือนจากนี้นั้น จะถูกจัดขึ้นที่แกรนด์รอสเซลโฮเต็ลในเมืองนาโปลี พร้อมแขกเหรื่อจากทั่วสารทิศที่จะมาร่วมยินดีกับทั้งคู่อีกครั้ง
นางอนงค์รัตน์และซิลวิโอช่วยกันต้อนรับญาติสนิทที่ทยอยกันมาร่วมงาน ในระหว่างนั้นครองขวัญก็เดินหน้าตาตื่นเข้ามากระซิบกระซาบกับนางอันนา ทันทีที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนางก็รีบปลีกตัวไปทันที
"โอ้ พระเจ้า" หญิงวัยกลางคนทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดแรง ครองขวัญต้องรีบเข้ามาประคองไว้และพยายามปลอบใจไม่ให้นางอันนาตกใจไปมากกว่านี้
"โซเฟียอาจจะออกไปเดินเล่นแถวๆ นี้ หรือไม่ก็คงไปหาอะไรรองท้อง เดี๋ยวคงมาค่ะ"
"ไม่นะ ไม่" อันนาไม่ฟังอะไรแล้วเอาแต่ร่ำไห้เพียงอย่างเดียว บุตรสาวสุดที่รักหายตัวไปก่อนงานวิวาห์อย่างไร้ร่องรอย เกิดอะไรขึ้นเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่อาจรู้ได้
"คุณแม่คะ คุณแม่ทำใจดีๆ ไว้" ครองขวัญร้องลั่นเมื่อหญิงวัยกลางคนคอพับคออ่อนหมดสติไปต่อหน้าต่อตา ช่างแต่งหน้าต้องรีบเข้ามาช่วยหญิงสาวประคองนางอันนาขึ้นมานั่งและปฐมพยาบาลให้คืนสติ
"เจอโซเฟียไหมคะ" ครองขวัญหันมาถามสาวใช้ที่อาสาออกไปดูว่าโซเฟียอยู่ที่ไหน เมื่ออีกฝ่ายส่ายหน้าก็ยิ่งทำให้อันนาร่ำไห้หนักขึ้นไปอีก
"คุณแม่ ทำใจดีๆ ค่ะ อาจไม่มีอะไรก็ได้" นาทีครองขวัญเองก็ชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันจะไม่มีอะไรอย่างที่พูดหรือเปล่า
เธอกับโซเฟียอยู่ด้วยกันในห้องแต่งตัวตั้งแต่มาถึง เพื่อนรักไม่มีท่าทีใดๆ ที่บ่งบอกว่าจะหนีหายไปกันง่ายๆ เช่นนี้ โซเฟียขอให้ครองขวัญไปหาเครื่องดื่มร้อนๆ มาให้รองท้องก่อนเข้าพิธี เพียงแค่สิบนาทีเท่านั้นเมื่อกลับเข้ามาช่างแต่งหน้าก็บอกว่าเจ้าสาวคนสวยออกไปข้างนอกเพื่อหาอะไรดื่ม รอจนผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงหญิงสาวจึงเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ และรีบไปตามนางอันนาให้มารับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
"โซเฟีย ทำไมเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้" หญิงวัยกลางคนคร่ำครวญถึงบุตรสาว นางกลัวเหลือเกิน กลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายกับลูกสาวสุดที่รัก
