
คำสั่งรักมาเฟียร้าย
บทย่อ
"คุณอัลเฟรโด้ต้องหาโซเฟียให้เจอ ก่อนที่ ก่อนที่พวกมันจะ..." นางอันนาสะอื้นเล็กน้อย คิดถึงลูกสาวสุดที่รักซึ่งไม่รู้ว่าเวลานี้ไปอยู่ที่ไหน "ผมสัญญาว่าจะพาโซเฟียกลับมาให้เร็วที่สุด ส่วนเรื่องแต่งงาน..." "หนูขวัญ" หญิงวัยกลางคนหันมาหาครองขวัญ "คะ คุณแม่" ครองขวัญตกใจเมื่อได้ยินเสียงเรียก และยิ่งตกใจมากขึ้นเมื่อนางอันนาจับมือเธอให้เดินมาหาเขาแล้วพูดว่า "เป็นเจ้าสาวแทนโซเฟียได้ไหม" "คุณแม่" ครองขวัญอุทานด้วยความตกใจ ดวงตาคู่สวยเงยหน้าขึ้นสบตากคนที่กุมมือเธอไว้ คล้ายกับจะบอกให้เขาพูดคำว่าไม่ออกมา "เราควรรีบหาโซเฟียไม่ใช่มาคิดเรื่องการแต่งงาน" สาวน้อยยืนยันคำเดิมอย่างที่พูดแต่แรก แต่เมื่อเห็นดวงตาคู่คมนั้นเปล่งประกายแสดงความไม่พอใจออกมาก็ทำให้ต้องรีบหยุดพูดและก้มหน้าหนีทันที "การแต่งงานต้องเกิดขึ้น ต้องไม่มีใครรู้ว่าโซเฟียหายไป ถ้าไม่อยากนั้นทุกอย่างอาจจะเลวร้ายมากกว่านี้" น้ำเสียงหญิงวัยกลางคนสั่นสะอื้นเล็กน้อย "ช่วยเราสักครั้งได้ไหม" นางอันนาขอร้อง ช่วยเราในที่นี้ หมายถึงช่วยใครกันแน่ ชื่อเสียงของตระกูลเบลลูชชี่หรือว่า ความต้องการของหมอนั่น ครองขวัญไม่มีเวลาได้ตัดสินใจใดๆ ทั้งสิ้น เพราะอัลเฟรโด้สั่งให้ช่างแต่งหน้าและช่างทำผม จัดการเนรมิตรตัวเธอให้เป็นเจ้าสาวภายในเวลาสิบนาทีสุดท้ายที่เหลืออยู่ โดยมีคำพูดประโยคสุดท้ายที่ท่านประธานหนุ่มกระซิบที่ข้างหูให้ได้ยินกันเพียงสองคนก็คือ "ถ้ายังอยากเห็นหน้าเพื่อนเธออีกครั้งจงสวมชุดแต่งงานเข้าพิธีกับฉันเสีย ไม่อยากนั้นรับรองได้เลยว่าเธอจะไม่เห็นแม้แต่เศษเสื้อผ้าที่โซเฟียสวมใส่ เพราะฉันจะไม่ตามหาผู้หญิงที่ทิ้งงานแต่งงานหนีไปแน่ๆ"
บทที่ 1
แกรนด์รอสเซลโฮเต็ล นาโปลี อิตาลี
ร่างสูงในชุดสูทราคาแพงสีน้ำตาลทอดสายตามองผ่านกระจกบานใหญ่จากชั้นบนสุดของโรงแรม ใบหน้าคมเข้มหลับตาลงเบาๆ คล้ายกับจะผ่อนคลายความตึงเครียดในหัวสมอง เขาเพิ่งจัดการกับเอกสารกองโตเสร็จสิ้นไปไม่กี่นาทีนี้ ลุกจากโต๊ะทำงานมานั่งชมวิวเพื่อผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าและคิดอะไรเรื่อยเปื่อย แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออกว่าควรจะจัดการกับมันอย่างไรดี โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงคำพูดที่ดังก้องอยู่ในหัวสมองเวลานี้
'คืนก่อนที่แม่จะไปพบหลวงตา แม่ฝันร้าย มันน่ากลัวมากเลยจ้ะ'
'หลวงตาบอกว่าลูกของแม่กำลังมีเคราะห์ ควรจะหาทางผ่อนหนักเป็นเบา'
'หลวงตาบอกว่าคนที่จะมาช่วยแบ่งเบาเคราะห์ให้ลูกก็คือ คนที่จะมาเป็นคู่ชีวิตจ้ะ แม่ก็เลยอยากให้ลูกแต่งงาน'
'แต่งงาน!'
เขาถอนหายใจออกมาดังๆ โดยไม่ลืมตา ตั้งแต่ที่ได้ยินคำว่าแต่งงานจากปากของมารดาสุดที่รัก อัลเฟรโด้ รอสเซลลินีก็แทบไม่ได้ย่างกรายกลับไปเยี่ยมบุพพการีอย่างที่เคยทำเป็นเวลากว่าสัปดาห์แล้ว เหตุผลน่ะเหรอ ร้อยแปดข้ออ้างที่จะคิดขึ้นมาอ้างได้ ยามที่มารดาหรือใครโทรศัพท์มาตามตัวให้กลับไปที่คฤหาสน์รอสเซลลินี
ไม่ใช่ว่าไม่คิดถึงครอบครัวแต่อัลเฟรโด้ก็มั่นใจว่าในสถานการณ์เช่นนี้ เป็นใครก็คงต้องใช้วิธีนี้เช่นเดียวกันแน่ หาความวุ่นวายในภาระความรับผิดชอบมาเป็นข้ออ้างเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะพูดเรื่องการแต่งงาน ยิ่งนานเท่าไรยิ่งดี ยิ่งถ่วงเวลานานมากเท่าไรที่พอจะทำได้ก็ควรทำ เพื่อให้มารดาสุดที่รักยอมตัดประเด็นเรื่องนี้ทิ้งไปซะ หรือถ้าให้ดีไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีกต่อไปเลยจะดีมาก
การอ้างเอางานมาบังหน้า ด้วยหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลกิจการใหญ่ของครอบครัว ต้องบริหารจัดการธุรกิจโรงแรมแกรนด์รอสเซลโฮเต็ลที่มีสาขามามายทั่วโลก คงไม่แปลกที่อัลเฟรโด้จะเดินทางไปในที่ต่างๆ บ่อยขึ้น เพื่อดูแลธุรกิจสำคัญที่มีมาตั้งแต่รุ่นของซัลวิโอ รอสเซลลินีบิดาบังเกิดเกล้า
มันน่าจะได้ผล และเขาคิดจะใช้วิธีนี้เป็นข้ออ้างที่จะทำให้เรื่องการแต่งงานเกิดขึ้นช้าที่สุดหรือไม่เกิดขึ้นเลยได้ยิ่งดี ตอนนี้ยังไม่มีข่าวว่าพี่น้องคนไหนจะลงเอยกับใครเมื่อไร หรือจะมีใครถูกจับคู่แต่งงานคลุมถุงชนอย่างที่คิดไว้แต่แรก ดังนั้นนี่จึงเป็นโอกาสทองสำหรัลอัลเฟรโด้ ที่จะใช้เรื่องงานที่รัดตัวอยู่ให้เป็นประโยชน์
เขาจะไม่มีวันเข้าสู่วงจรบ้าๆ ของมารดาเด็ดขาด การแต่งงานเพื่อแก้ไขดวงชะตาเป็นเรื่องล้อเล่น มันก็แค่ฝันร้ายและคงเป็นฝันที่น่ากลัวไปหน่อย นางอนงค์รัตน์ถึงได้ต้องปรึกษากับผู้ที่นับถือ จนกลายเป็นหัวข้อสำคัญที่นางสิงห์แห่งรอสเซลลินีหมายมั่นที่จะจัดการกับลูกๆ ของตน
ไม่ได้การแล้ว เขาต้องรีบทำให้ตารางชีวิตตัวเองยุ่งเหยิง ต้องรีบคิดโปรเจคใหม่ๆ เพื่อเป็นการพัฒนารายได้ของโรงแรม ต้องตรวจดูว่าสาขาที่ไหนมีรายได้ที่ไม่กระเตื้องขึ้นจนน่าตกใจ ซึ่งถึงแม้ว่าเรื่องจริงจะไม่เป็นเช่นนั้น แต่อัลเฟรโด้ก็มีวิธีที่จะทำให้มันดูคล้ายว่าจะมีปัญหา เพื่อหาข้ออ้างในการเดินทางได้ และมันต้องเริ่มตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป
เมื่อสรุปลงตัวได้ว่า จะใช้การทำงานที่รัดตัวมาเป็นข้ออ้างให้กลับบ้านน้อยลง เพื่อหลีกเลี่ยงพูดเรื่องการแต่งงานที่ไร้สาระ คนที่จะทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นพร้อมทั้งปิดปากให้สนิทว่านี่คือข้ออ้างก็คือผู้ช่วยคนสนิทของท่านประธานหนุ่ม คริสเตียน อบาเต้
ประตูห้องทำงานเปิดขึ้นเบาๆ พร้อมกับร่างสูงในชุดสูทสีดำเข้มก้าวเข้ามาในห้องด้วยท่าทีเร่งรีบ อัลเฟรโด้ลืมตามองด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ปกติแล้วคริสเตียนไม่เคยมีท่าทีลุกลี้ลุกรนเช่นนี้มาก่อน แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไรและเมื่อเห็นหน้าผู้ช่วยคนสนิทที่เข้ามาในจังหวะที่ถูกต้องแล้ว จึงรีบเอ่ยปากสั่งให้ไปเตรียมการในเรื่องเร่งด่วนที่สุดในเวลานี้
"นายมาก็ดีแล้วคริสเตียน ฉันมีเรื่องจะให้นายไปจัดการอยู่พอดี"
"เมื่อครู่มาดามโทรศัพท์มาหาครับ ถามว่าเรื่องที่จะนัดไปเยี่ยมคุณโซเฟีย คุณอัลเฟรโด้จะว่าอย่างไร" คริสเตียนรีบรายงานเรื่องสำคัญให้เจ้านายรู้ก่อนเป็นอันดับแรก
ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมานี้อัลเฟรโด้สั่งให้เขาเป็นผู้รับสายโทรศัพท์ของมารดา และสั่งให้พูดเพียงประโยคเดียวสั้นๆ นั่นก็คือ
'คุณอัลเฟรโด้ติดประชุมยุ่งอยู่ครับ ผมจะเรียนให้ทราบและให้โทรกลับไปหามาดามอีกทีนะครับ'
สองสามวันแรกนางอนงค์รัตน์ดูเหมือนว่าจะไม่ว่าอะไรกับคำตอบที่คริสเตียนแจ้งทุกครั้งที่โทรศัพท์มา แต่พอมาวันนี้นางกลับไม่ฟังสิ่งที่เขาบอกเหมือนทุกครั้ง ซ้ำยังออกคำสั่งให้ถือกลับมาบอกเจ้านายสุดที่รักว่า
'บอกอัลด้วยนะจ้ะคริสเตียนว่าแม่คนนี้รออยู่ และอยากจะชวนลูกชายสุดที่รักไปเยี่ยมหนูโซเฟียด้วยกัน หวังว่าอัลคงไม่ทำให้แม่คนนี้ต้องรอเก้อนะ เธอก็ช่วยจัดตารางเวลาให้เจ้านายว่างสักสองสามชั่วโมงก็ได้นะจ้ะ คริสเตียน'
แน่นอนว่าคริสเตียนต้องรีบนำคำสั่งแกมบังคับของนายหญิงมาแจ้งให้เจ้านายรู้ และก็คงเป็นเขาอีกที่จะต้องนำคำตอบจากปากอัลเฟรโด้ ไปบอกให้นางอนงค์รัตน์ทราบว่าอัลเฟรโด้จะว่าอย่างไร
แต่ที่คริสเตียนสังหรณ์ใจก็คือ ถ้าเจ้านายสุดหล่อไม่ตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง รับรองได้ว่านางสิงห์แห่งรอสเซลลินีต้องเยื้องกรายมาที่นี่แน่ และเมื่อถึงตอนนั้นเขาคงไม่อาจเป็นหนังหน้าไฟช่วยได้แน่
"บอกแม่ไปว่าฉันยังไม่ว่าง อ้อ วันนี้เรียกประชุมหัวหน้าแผนกของโรงแรมทุกฝ่ายให้ด้วย แล้วตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปจัดตารางนัดประชุมกับหัวหน้าแผนกทุกสาขาของเราทั้งหมด เอาวันละสองหรือสามสาขาก็ได้ บอกหัวข้อไปว่าฉันต้องการรู้เป้าหมายกำไรในไตรมาสหน้า แล้วก็ทิศทางที่แต่ละสาขาจะเพิ่มรายได้เพื่อให้ได้ตามเป้า"
"เรื่องนี้เพิ่งจะส่งนโยบายไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่ครับ แล้วคุณอัลเฟรโด้ก็ยังบอกเองว่าพร้อมเมื่อไรให้นำกลับมารายงานให้ทราบ" คริสเตียนงงกับคำสั่งใหม่
เขาจำได้ว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนท่านประธานหนุ่มเพิ่งมีนโยบายที่จะปรับปรุงโรงแรมในแต่ละสาขา และแจกนโยบายการทำงานไปหลายอย่าง หนึ่งในนั้นก็คือเป้าหมายการเพิ่มผลกำไรในไตรมาสหน้า และให้แต่ละสาขาแจ้งมาว่าในท้องที่ของตนเองมีอะไรที่ต้องการปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มเติม เพื่อให้ทันสมัยหรือสามารถรองรับความต้องการของแขกที่มาพักให้ได้รับความพอใจสูงสุด สมกับสโลแกนที่ว่า แกรนด์รอสเซลคือที่หนึ่งในใจคุณ
แต่มาวันนี้เขากลับได้รับคำสั่งใหม่ ที่ดูเหมือนว่าจะทำให้ชีวิตของท่านประธานหนุ่มแทบไม่มีเวลาเป็นส่วนตัวมากขึ้นไปอีก สิบแปดชั่วโมงต่อวันที่อัลเฟรโด้ทุ่มเทเวลาให้กับงาน และงาน และงานมากกว่าอะไรทั้งหมด เวลาพักผ่อนของเจ้านายกำลังจะถูกลิดรอนด้วยโปรเจคใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า
"นายก็ถามไปว่ามีที่ไหนพร้อมจะกลับมารายงานแล้วบ้าง ถ้ายังไม่มีก็ตั้งขึ้นมาเลยว่าใครต้องรายงานวันไหน"
อัลเฟรโด้มั่นใจว่าเรื่องนี้คริสเตียนจัดการได้แน่อยู่แล้ว แค่นี้ก็จะทำให้ตารางเวลาชีวิตของเขาเต็มแน่นเอี๊ยดด้วยเรื่องงาน จนไม่มีเวลาจะกลับบ้านแน่ อย่างน้อยก็ภายในสามเดือนนี้
"ครับ ผมจะรีบจัดการให้เดี๋ยวนี้" คริสเตียนรับคำสั่งอย่างแข็งขันและเตรียมจะออกไปแจ้งข่าวนี้แก่คนอื่นต่อไป
"เดี๋ยว แล้วเรื่องที่ให้ไปสืบตกลงไปถึงไหนแล้ว" อัลเฟรโด้นึกได้ว่ามีอีกอย่างหนึ่งที่สั่งให้คริสเตียนไปจัดการ
"ได้เรื่องแล้วครับ แต่ว่า เอ่อ คือ" ผู้ช่วยคนสนิทอ้ำอึ้งก้มหน้าไม่กล้าพูดต่อ
"แต่ว่าอะไร หรือว่าทางโน้นหาสปอร์นเซอร์ที่จ่ายหนักได้มากกว่าเรา"
