บท
ตั้งค่า

กุญแจดอกที่ 9 : ความน่ากลัวของเซนาเรียส (บทต้น)

เหล่าคนในราชวงศ์แห่งโซเวียล้วนแต่เกลียดตนเองยิ่งกว่าสิ่งใด...

เพราะไม่อาจควบคุมร่างของตนเองได้เมื่อเห็นเลือดในยามค่ำคืน

พวกเราจึงใฝ่หาอิสรภาพ...

แต่ต่อให้พยายามเอื้อมมือไปจนสุดแขน ทั้งที่คิดว่าจะคว้ามันเอาไว้ได้...

ทว่าสิ่งที่คว้าได้กลับเป็นความว่างเปล่า

อิสรภาพที่พวกเราไขว่คว้าคือความว่างเปล่า

หรือความจริงแล้วอิสรภาพที่สมบูรณ์ มันไม่มีมาตั้งแต่ต้นกันแน่...

•.★*... ...*★.•

เมื่อตกกลางคืนเด็กหนุ่มผู้เป็นนักล่าทั้งสามคนก็เดินไปส่งเซนาเรียสและคามิเลียที่หอหญิงก่อนจะตรงกลับเข้าห้องแทบจะในทันที

“ให้ตายสิเหนื่อยจริงๆเลย” ฟรอสบ่นออกมาก่อนจะล้มตัวลงบนเตียงของตนอง ดีนะที่เรกางเขตอาคมเอาไว้ไม่ให้ใครหรือสิ่งใดเข้ามาได้ไม่งั้นป่านนี้พวกเขาคงยังไม่หลุดออกจากพวกวิญญาณที่ตามติดยิ่งกว่าตุ๊กแกเกาะฝาผนังหรอก

“ยังพักไม่ได้” เสียงเย็นเยียบของเรเอ่ยออกมาก่อนจะเดินไปยังโต๊ะหนังสือส่วนตัวแล้วหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา

คาไมเคิลมองเตียงนอนที่ตนเองกำลังจะล้มตัวลงไปด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ ยังไม่ทันได้แตะเลยผมก็ต้องโบกมือลาเตียงของผมเสียแล้ว

ฟรอสอยากจะดิ้นไปดิ้นมาอยู่บนเตียงแล้วครวญครางออกมาเหมือนเด็กที่ไม่ได้ดั่งใจ แต่ถ้าทำแบบนั้นนอกจากเรจะไม่สนใจการประท้วงแบบนี้แล้วคงจะชักดาบออกมาฆ่าเขาทิ้งตรงนี้เลยแน่ๆ เพราะฉะนั้นยอมลุกจากเตียงแต่โดดดีดีกว่า

“ทางสมาพันธ์บอกว่าถ้ามาถึงก็ให้ไปร้านนี้” เรพูดพลางเดินเข้ามาหาพวกเขาพร้อมกระดาษที่อยู่ในมือ เมื่อมาถึงก็ยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้ฟรอส นั่นหมายความว่านักล่าอันดับสามจะต้องเป็นคนไป

“มันจะทำให้งานของเราง่ายขึ้น” ฟรอสอยากจะถอนหายใจออกมาเมื่อได้ฟังคำพูดของเร นักล่าอันดับสามเปิดกระดาษในมือออกดู

เฮ้ย...ไอ้ร้านบ้านี่มันไม่ได้อยู่ในรัฐโซนเดียนี่หว่า นี่เขาต้องเดินทางข้ามรัฐภายในคืนเดียวเลยเหรอเนี่ย แกจะใช้คนโหดไปไหนเนี่ยไอ้นักล่าอันดับหนึ่ง ฟรอสได้แต่โวยวายอยู่ในใจเพราะไม่กล้าจะประท้วงออกมาตรงๆ

“แล้วพวกนายละ” ประท้วงไม่ได้ของถามสักหน่อยก็ยังดี ถ้าไม่ได้ทำอะไรเลยเขาจะลากคาไมเคิลไปด้วย เรื่องอะไรจะยอมเหนื่อยคนเดียว

“ฉันกับคาไมเคิลจะออกล่าปีศาจ” ทว่าเสียงเย็นของนักล่าอันดับหนึ่งที่ตอบกลับมาทำเอาเขาคอตก สรุปยังไงเขาก็ต้องทำคนเดียวใช่ไหมเนี่ย

•.★*... ...*★.•

คาไมเคิลอยากจะถอนหายใจออกมาขณะไล่ล่าปีศาจตนสุดท้ายที่อยู่ตรงหน้า ภายในมือนักล่าอันดับหกมีดาบอยู่เล่มหนึ่ง ด้ามจับมีสีน้ำตาลเข้มและคมดาบมีสีเงินคมกริบที่พร้อมจะฟาดฟันทุกอย่าง ที่ด้ามจับมีสายโซ่สีน้ำตาลยึดเอาไว้กับแผ่นโลหะกลมๆรูปพญาอินทรีที่กำลังโผทะยานขึ้นฟ้าอย่างสวยงาม แผ่นโลหะอันนั้นคือสัญลักษณ์ประจำตัวเขา ดาบเล่มนี้คืออินทรีถลาลม

เลือดสีแดงฉานหยดไปตามพื้นเป็นทาง มันไม่ใช่เลือดของคาไมเคิลแต่เป็นเลือดของพวกปีศาจที่เขาเพิ่งฆ่าไป อยู่ที่นี่มาคืนหนึ่งก็ไม่นึกเหมือนกันว่าปีศาจแถวนี้จะมีเยอะจนเขาต้องแยกกับเรเพื่อไล่ล่ามัน เรไปทางตะวันตกของโรงเรียนส่วนเขาลงมาทางใต้ ซึ่งตอนนี้นักล่าอันดับหกนึกเสียใจนิดๆเสียแล้วที่ปล่อยให้ปีศาจตรงหน้าหนีมาได้แบบนี้ ในเมื่อมันเปลืองพลังงานในการไล่ล่าอย่างมาก

คาไมเคิลกระโดดขึ้นไปบนหลังคาบ้านตามร่างสีดำที่วิ่งนำอยู่ข้างหน้าแต่เขาก็ต้องเลิกคิ้วเมื่อได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้มโชยมา มันเป็นกลิ่นเหมือนกองเลือดขนาดยักษ์ไม่ใช่กลิ่นเลือดที่ติดอยู่ที่ดาบของเขา

คาไมเคิลหันไปมองรอบๆแล้วก็ตระหนักได้ว่าเขาตามปีศาจตรงหน้ามาถึงเขตตะวันตกซึ่งเป็นเขตที่เรรับผิดชอบ ถ้าอย่างนั้นเขาจะขอให้นักล่าอันดับหนึ่งดักทางปีศาจที่กำลังปลบหนีเอาไว้ให้ได้ไหมนะ คิดพลางหยิบคอลออกมาจากกระเป๋ากางเกงแต่ยังไม่ทันกรอกเสียงบอกหมายเลขคอลของเร ปีศาจตรงหน้าก็กระโดดลงจากหลังคาบ้านหวังจะเข้าไปหลบในมุมมืดเพื่อใช้ความมืดในการอำพรางตัว

คาไมเคิลรีบเพิ่มความเร็ววิ่งตามไปเมื่อเห็นว่าร่างนั้นกระโดดลงจากหลังคาลับสายตาของเขาไปแล้วแต่...

ซ่า... เสียงที่ดังมาพร้อมเลือดสีแดงฉานที่พุ่งขึ้นมาจนถึงหลังคาบ้าน เลือดอุ่นๆที่กระเด็นโดนหน้าของนักล่าอันดับหกทำเอาเจ้าตัวแข็งทื่ออย่างตื่นตะลึง สีแดงของมันแต่งแต้มรอบตัวเขาให้แดงฉาน กลิ่นคาวของมันเข้มจนเขามึนหัว มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!!

เด็กหนุ่มรีบวิ่งไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็ได้แต่ตกตะลึงเมื่อมองไปด้านล่าง ภาพตรงหน้าคือการสังหารหมู่ขนาดใหญ่ ซากของพวกปีศาจมากมายนอนระเกะระกะ เลือดสีแดงของพวกมันสาดย้อมกันเองอย่างน่ากลัว กลิ่นคาวของมันเหม็นจนคาไมเคิลต้องปิดจมูกและดวงตาสีน้ำเงินของเขาก็มองเลยไปเห็นปีศาจตัวที่เขาไล่ล่าอยู่นอนข้างๆมุมมืด

ร่างสีดำสนิทถูกผ่าครึ่งตัวตั้งแต่หัว ดวงตาสีแดงเบิกกว้างเพราะความหวาดกลัว เลือดสีแดงกระจายอยู่รอบตัวมันและรัศมีของเลือดที่กระจายออกไปก็สูงขึ้นมาถึงหลังคาบ้านที่นักล่าอันดับหกยืนอยู่

“ช้าจริง” เสียงเย็นเยียบของใครคนหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางยามราตรีอันเงียบสงบเรียกดวงตาสีน้ำเงินให้หันไปมอง ใบหน้าหล่อเหลาและเส้นผมสีดำถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสด ดวงตาสีนิลยังคงเย็นเยียบราวกับน้ำแข็งที่ไม่มีวันหลอมละลาย ไอสังหารมากมายกดดันจนคาไมเคิลอดที่จะหวาดกลัวไม่ได้ แม้ไม่อยากจะยอมรับแต่ตอนนี้เขากลัวคนตรงหน้าจริงๆ

มือข้างหนึ่งของเด็กหนุ่มผมดำกำดาบสีนิลไว้มั่นโดยตัวดาบมีโซ่สีเงินคล้องกับใบมีสีเงินรูปจันทร์เสี้ยวที่มีดวงดาวแต่งแต้มอยู่ทำให้รู้สึกถึงราตรีกาลอันยาวนาน และนั่นคือสัญลักษณ์ของนักล่าอันดับหนึ่งคนปัจจุบัน ดาบเล่มนี้มีชื่อว่าดาราจันทราแห่งราตรี

“ขอโทษด้วยครับที่ปล่อยให้มันรอดมาได้” เสียงคาไมเคิลเอ่ยออกมาแต่ในใจอดคิดไม่ได้ว่านักล่าอันดับหนึ่งก็น่ากลัวสมคำเล่าลือจริงๆ เขาเคยคิดว่านักล่าอันดับหนึ่งและนักล่าอันดับสองล้วนแล้วแต่สบาย พวกเขาไม่จำเป็นต้องต่อสู้ดิ้นรนก็ได้ตำแหน่งมาแถมยังเป็นตำแหน่งที่สูงเสียจนไม่มีใครอาจเอื้อมและไม่สามารถสั่นคลอนได้ แต่ตอนนี้เขาไม่คิดแบบนั้นอีกแล้ว

“เราจะไปตะวันตก ที่นั่นยังมีปีศาจ” เสียงเย็นเยียบเอ่ยตัดบททุกอย่างและเป็นเหมือนคำสั่งที่ต้องปฏิบัติตามโดนไม่มีข้อแม้

คาไมเคิลอยากจะทรุดลงไปกับพื้น นี่กะจะทำงานโต้รุ่งกันจริงๆหรือ แบบนี้ผมก็ต้องเอ่ยลาเตียงนุ่มๆอีกแล้วน่ะสิ แต่ใครจะกล้าขัดคำสั่งของคนๆนี้กันเล่าเขาไม่ใช่เซนนะที่หมอนี่จะยอมละเว้นให้

“แต่ทางนั้นมีกลิ่นปีศาจเบาบางมากเลยนะครับ” ถึงจะขัดไม่ได้แต่แย้งสักหน่อยก็ยังดีละนะ

“คงมีคนจัดการให้” คำพูดของเรทำเอาคนฟังขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ใครกันที่จัดการให้

“คุณเรพอจะรู้ไหมครับว่าใคร” นักล่าอันดับหกยิงคำถามทันทีแต่เรฟานอฟไม่ตอบ ดวงตาสีนิลคู่นั้นไม่มองมาที่เขาเลยสักนิด เจ้าตัวปล่อยดาบสีนิลในมือให้มันหายวับไปกับตา เรหันหลังให้คาไมเคิลที่ยังยืนอยู่บนหลังคาก่อนจะอดพึมพำกับตนเองเบาๆไม่ได้

“หวังว่าคงจะไม่ใช่เธอหรอกนะ...เซน” เรไม่อยากให้มันเป็นอย่างที่คิดเพราะหากเป็นอย่างที่คิดจริงคืนนี้อาจจะเป็นคืนมรณะที่ยาวนานอีกคืนเลยก็ได้

เพียงพริบตาเดียวร่างที่ยืนอยู่ด้านล่างของเรก็หายวับไปกับตาทำเอาคาไมเคิลแทบอ้าปากค้าง ถึงนักล่าอันดับหนึ่งไม่ได้พูดอะไรแต่ก็บ่งบอกได้ดีว่าเขาต้องตามไป แต่ต้องให้เขาตามความเร็วของนักล่าอันดับหนึ่งเนี่ยนะ อย่างน้อยก็รอกันบ้างสิ...

•.★*... ...*★.•

หายไปแล้ว คาไมเคิลร้องบอกตนเองทั้งๆที่เมื่อกี้เขาว่าเขาตามเรฟานอฟมาติดๆแล้วนะ ดวงตาสีน้ำเงินของคาไมเคิลกวาดมองไปรอบๆ

ที่นี่เงียบมาก...เงียบจนผิดปกติ ให้ตายสิเขารู้ดีว่าตนเองไม่มีทางตามความเร็วของนักฆ่าอันดับหนึ่งได้ทันอยู่แล้วแต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะห่างกันมากมายขนาดนี้

พลันเขาก็ได้กลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้นจนน่าขนลุกไม่ต่างจากที่เขาพบกับเรเมื่อกี้ ประสบการณ์สอนให้เขาหลบหลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งเพื่อใช้สัมผัสของนักล่าตรวจดูสิ่งที่เกิดขึ้นเสียก่อน แต่สิ่งที่ฉายชัดเข้ามาในหัวทำเอาคาไมเคิลแทบทรุดลงไปกองกับพื้น ภาพที่เห็นในหัวไม่แตกต่างจากภาพที่เขาเจอเรเมื่อกี้เลยแม้แต่น้อย

ซากศพมากมายของปีศาจนองจมกองเลือดของตนเองอย่างน่ากลัว เลือดสีแดงฉานสาดกระจายไปทั่ว หากคนที่ยืนอยู่ท่ามกลางซากศพแทนที่จะเป็นเรฟานอฟอย่างที่เขาคิดแต่กลับกลายเป็นร่างของเซนาเรียสแทน นักล่าสาวที่เขาไม่เคยคิดว่าจะสมกับตำแหน่งนักล่าอันดับสองมาก่อนกลับทำในสิ่งที่เขาไม่คาดคิด

ร่างบางที่ยืนอยู่ท่ามกลางซากศพราวกับมัจจุราชที่ไม่เห็นค่าสิ่งใด ใบหน้า เส้นผม เสื้อผ้าและดาบในมือของเธอชุ่มไปด้วยเลือดสดๆ คาไมเคิลไม่เคยคิดว่าเขาจะเห็นเด็กสาวคนนี้จับดาบสังหารปีศาจมากมายขนาดนี้

กึก... เสียงบางอย่างที่ดังขึ้นเหนือหัวเขาทำเอาคาไมเคิลเงยหน้าขึ้นไปมองและสิ่งที่เขาเห็นคือร่างสูงของเด็กหนุ่มผมสีนิลซึ่งยืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ที่เขาใช้หลบซ่อน ดวงตาสีนิลยังคงมองไปทางหญิงสาวที่ยืนอยู่ท่ามกลางซากศพมากมายแต่คาไมเคิลบอกกับตนเองว่าเขาเห็นรอยหวาดหวั่นแวบหนึ่งในดวงตาคู่นั้น แต่อย่างนักล่าอันดับหนึ่งน่ะหรือจะมีความหวั่นเกรง ราวกับคนด้านบนจะรู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้เมื่อเรพูดออกมา

“เข้าไปเถอะ” เจ้าตัวชวนแล้วกระโดดลงจากต้นไม้ที่ตนเองใช้หลบซ่อน

ดวงตาสีน้ำเงินของคาไมเคิลมองตามหลังเข้าไป สัญชาติญาณนักล่าในตัวเขากำลังเตือนอย่างรุนแรงว่าอย่าได้เข้าไปเด็ดขาดไม่อย่างนั้นเขาอาจจะต้องมานึกเสียใจทีหลัง ทว่าความอยากรู้มันมีมากกว่าและก็เห็นเรเดินนำเข้าไปแล้วคาไมเคิลจึงเดินตามเข้าไปอย่างไม่คิดอะไร ทว่าการตัดสินใจในครั้งนี้มันผิดสุดๆเลยก็ว่าได้

ร่างสองร่างของเด็กหนุ่มเดินเข้าไปหาร่างบางที่ยืนอยู่ท่ามกลางซากศพมากมายกายกอง กลิ่นคาวเลือดที่ลอยตลบอบอวลไปทั่วกดดันคาไมเคิลจนรู้สึกอึดอัด

ร่างบางยังคงยืนอย่างสง่างามท่ามกลางแสงจันทร์และร่างเนื้อของพวกปีศาจ ผมสีชมพูที่ปลิวไปกับแรงลมยามดึกเต็มไปด้วยเลือด ดวงตาสีทองคู่นั้นดูเย่อหยิ่งและสูงศักดิ์ ทว่าเด็ดขาดและเยือกเย็นดุจนางพญาที่อยู่สูงกว่าผู้ใด นี่หรือคือนักล่าอันดับสองที่ฟรอสพูดถึง

เด็กสาวสาวย่างเท้าก้าวข้ามซากศพอย่างไม่สนใจพวกมันแม้แต่น้อยเพื่อเข้ามาหาพวกเขา ดาบสีขาวทั้งเล่มในมือลากไปตามพื้นโดยที่เจ้าของไม่สนใจว่ามันจะลากผ่านซากศพสักกี่ศพ สายโซ่สีขาวยึดไว้กับด้ามจับร้อยต่อกับรูปดวงอาทิตย์อันคมกริบ ดาบเล่มนี้คือทิวาแห่งรุ่งอรุณและรูปดวงอาทิตย์นั่นคือสัญลักษณ์ของนักล่าอันดับสอง

“เจ้านั่นอยู่ไหน” เสียงหวานแต่เย็นเยียบเอ่ยถามออกมาขณะก้าวเข้ามาเรื่อยๆ คาไมเคิลแทบทรุดลงไปกองกับพื้นเมื่อสัมผัสถึงจิตสังหารที่พุ่งเข้ามากดดันเขา ทว่านักล่าอันดับหกก็กัดฟันเอาไว้พยายามพยุงตัวไม่ให้ตนเองล้มลงไป

“เจ้านั่นอยู่ไหน” เสียงเย็นเยียบที่แทรกเข้ามาในความคิดของเขาอีกครั้งทำให้เขาพยายามสงบสติอารมณ์

“ถ้าคุณหมายถึงคุณฟรอส คุณฟรอสไปทำงานให้คุณเรครับ” คาไมเคิลเค้นเสียงตอบขณะเรที่ยืนอยู่ข้างๆเขายังคงเงียบ เจ้าตัวไม่เปิดปากพูดอะไรออกมาเลยสักนิดปล่อยให้เขาเป็นคนตอบคำถามของนักล่าอันดับสองคนเดียว

“ข้าไม่ได้ถามถึงเจ้าคนไร้ประโยชน์นั่น” เสียงเย็นเอ่ยออกมาอย่างไม่เหลียวแลแม้คนที่ตนพูดถึงอยู่นั้นจะเป็นถึงนักล่าอันดับสามแห่งสมาพันธ์นักล่าที่เหล่าปีศาจเกรงกลัว ร่างบางย่างเท้าเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าเขา จิตสังหารที่ปล่อยออกมากดดันจนคาไมเคิลเริ่มหายใจไม่ออก

“เจ้านั่นอยู่ไหน” เสียงเย็นยังคงดังมา ดวงตาสีทองลุกวาวด้วยความต้องการฆ่า

“เจ้านั่น...ไหนครับ” เพราะความกดดันที่มากเกินไปทำให้คาไมเคิลเริ่มพูดไม่ชัด ในสถานการณ์แบบนี้คุณเรจะเป็นเหมือนเขาหรือเปล่า จะหวั่นเกรงในพลังอำนาจที่นักล่าอันดับสองถือครอง จะยอมจำนนในความกดดันนี้หรือไม่ แต่ทั้งๆที่ยืนอยู่ข้างเขาทำไมถึงไม่เอ่ยปากช่วยเขาละเหตุใดจึงได้ขยับถอยห่างออกไป

“ข้าถามว่าเจ้านั่นอยู่ไหน” เสียงเย็นเอ่ยออกมาอีกในขณะที่ดาบสีขาวในมือตวัดฉับอย่างเงียบเชียบทว่ารวดเร็วเสียจนแม้แต่เขาที่เป็นนักล่าอันดับหกยังมองตามไม่ทัน

ฉัวะ!!

เสียงที่ดังขึ้นข้างๆทำเอาหัวใจของคาไมเคิลเต้นรัว ดวงตาสีน้ำเงินเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ เลือดอุ่นๆสีแดงสดสาดกระจายโดนใบหน้าของเขา มองไม่เห็นวิถีดาบเลยแม้แต่น้อย

เร็ว...เร็วชะมัด...เร็วจนเขาไม่อยากเชื่อ

ตุบ... แต่ที่เขาไม่อยากเชื่อยิ่งกว่าคือร่างของคนข้างๆเขาที่ทรุดลงไปกองกับพื้น

เซนฆ่าเรงั้นหรือ!!

เขาไม่เชื่อ...เขาไม่เชื่อเด็ดขาดว่าเด็กสาวตรงหน้าจะจับดาบฆ่าคู่หมั้นของตนเองได้ ดวงตาสีน้ำเงินของคาไมเคิลหันไปมองตามร่างของนักล่าอันดับหนึ่งที่นอนจมกองเลือดไร้ลมหายใจอยู่บนพื้นแล้วส่ายหน้าไปมาอย่างไม่อยากเชื่อ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเซนเป็นคนลงมือและตอนนี้คนลงมือก็ยังคงทอดมองมาทางพวกเขาราวกับว่าทั้งเขาและคนที่เธอเพิ่งจะสังหารไปเป็นเพียงสิ่งไร้ค่าที่ไม่สมควรจะมีชีวิต

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel