บท
ตั้งค่า

กุญแจดอกที่ 9 : ความน่ากลัวของเซนาเรียส (บทจบ)

“ทำไม...ทำไมถึงฆ่าเร” นักล่าอันดับหกเค้นเสียงออกมาเพราะไม่เข้าใจ

คนตรงหน้าทำได้ยังไง...เหตุใดจึงสามารถลงดาบฆ่าเรได้โดยไม่ลังเลหรือชะงักและไม่มีแม้แต่อารมณ์ให้ภาพตรงหน้า ทำไมถึงทำได้ละ...หรือเพราะคนตรงหน้าคือปีศาจจริงๆกันแน่

เซนาเรียสเหยียดรอยยิ้มเย็นชาขณะที่ดวงตาสีทองคู่สวยก็มองมาที่เขาราวกับจะเยาะเย้ยและสมเพชเต็มทน

“เรฟานอฟรึ ที่ข้าเห็นมันก็แค่ตัวไร้ประโยชน์อีกตัวเท่านั้น” สิ้นเสียงเย็นเยียบจากหญิงสาว ร่างที่นอนตายอยู่บนพื้นก็ค่อยๆเปลี่ยนไปจากร่างของเด็กหนุ่มผมดำผู้เป็นนักล่าอันดับหนึ่งกลับกลายเป็นร่างสีดำน่าขยะแขยง ดวงตาสีแดงดังเช่นปีศาจทุกตนมีเบิกค้างอยู่แบบนั้นและแผลจากไหล่ลงมาถึงท้องที่ดาบแห่งรุ่งอรุณฝากเอาไว้ก็ยังมีเลือดไหลไม่หยุด นี่ไม่ใช่เรอย่างที่เขาคิดแต่เป็นปีศาจอีกตนหนึ่งต่างหาก

“เจ้านั่นไม่อ่อนหัดขนาดยอมให้ข้าฆ่ามันหรอก” เสียงเย็นไร้ซึ่งความรู้สึกยังคงดังมาในขณะที่ดวงตาสีทองจับจ้องเขานิ่ง

“บอกมาเจ้านั่นอยู่ไหน” คำถามมาพร้อมมือของคนตรงหน้าที่พุ่งเข้ามาบีบคอ คาไมเคิลพยายามจะเอามือนั้นออกแต่ดูร่างเล็กบอบบางขนาดนั้นไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีเรี่ยวแรงมหาศาลขนาดนี้ เล็บที่เคยสั้นยืดยาวออกราวกับเป็นกรงเล็บของสัตว์ป่าก่อนจะจิกลงบนลำคอของเขาราวกับข่มขู่

“คุณจะถามหาคุณเรไปทำไม...ทั้งที่ไม่อยากจะเข้าใกล้หรือครับ” คาไมเคิลฝืนถามกลับไปขณะสัมผัสได้ถึงความเจ็บแปล๊บที่คอและเลือดอุ่นๆที่ไหลลงมาตามลำคอของตนเอง

“ก็เพราะไม่อยากเจอนะสิถึงต้องรู้ ถ้ารู้ข้าจะได้ไม่เฉียดไปแถวนั้น” เสียงหวานยังคงเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเย็นๆ ดวงตาคู่นั้นกำลังทอดมองเขาราวกับเป็นของไร้ค่า เมื่อใดที่เขาเอ่ยตอบออกมาเขาก็จะเป็นของที่หมดประโยชน์ในสายตาของเธอทันที

คาไมเคิลยังคงเงียบเพราะเขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ถ้าบอกตามความจริงเขาก็คงโดนฆ่า แต่ถ้าไม่บอกก็โดนฆ่าอยู่ดี ทว่าในขณะที่เขากำลังครุ่นคิด...

ฉึก...!!

มารู้ตัวอีกทีก็ยามที่ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่างกายเมื่อดาบสีขาวในมือของเด็กสาวผมทองตรงหน้าแทงเข้ามาบนขาของเขาอย่างไร้ความลังเล

“ข้าจะถามครั้งสุดท้าย...เจ้านั่นอยู่ที่ไหน” เสียงเย็นเยียบของคนลงมือกำลังทำให้นักล่าอันดับหกอย่างเขาหวาดกลัว คมดาบเมื่อครู่รวดเร็ว รุนแรง ไร้ความปรานีและไร้ความลังเลโดยสิ้นเชิง ถ้าเขายังไม่ตอบคำถามดาบต่อไปก็จะไม่ใช่การข่มขู่อย่างการแทงเข้ามาที่ขาอีกแล้ว เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาโหดเหี้ยมเกินไป เพราะต่อให้ลงมือฆ่าเขาหรือใครๆเธอก็จะไม่มีความรู้สึกใดยามที่ลงมือสังหาร

“ผมไม่รู้ครับ” ในที่สุดคาไมเคิลก็เอ่ยออกมาเพราะเขาไม่รู้จริงๆ เรมาถึงก่อนเขาแต่เขาก็ไม่รู้ว่านักล่าอันดับหนึ่งหายไปไหนแล้ว

“งั้นเจ้ามันก็ไร้ประโยชน์” เสียงหวานเอ่ยออกมาก่อนจะผลักเขาออกห่างด้วยความแรง รอยยิ้มเยือกเย็นปรากฏขึ้นที่มุมปากของเด็กสาวทำเอาเขานึกหวาดหวั่น เธอคิดจะทำอะไรกันแน่

“เมื่อไร้ค่าก็ต้องกำจัดทิ้ง” มันเป็นคำพูดที่แสนเย็นชาในความคิดของคาไมเคิลเหลือเกิน

นี่หรือคือปีศาจที่นอนหลับอยู่ภายในร่างของเซน เยือกเย็นและสูงสง่าดุจนางพญาแต่ทว่าก็เลือดเย็นยิ่งนัก คำว่ากำจัดทิ้งที่ออกจากปากเมื่อกี้มันช่างเต็มไปด้วยความนึกสนุก ไม่ลังเลหรืออาลัยอาวรณ์เลยสักนิด นอกจากความสนุกกับการฆ่าแล้วคนตรงหน้าก็ไม่มีอารมณ์ใดอีกเลย

ถึงตอนนี้คำพูดของฟรอสก็ดังเข้ามาในหัว ‘สำหรับฉันแล้วเซนาเรียสเหมาะกับตำแหน่งนักล่าอันดับสองยิ่งกว่าใครที่ฉันรู้จัก เอาเป็นว่าถึงเวลานายก็จะรู้เอง’ จริงครับคุณฟรอส ในตอนนี้ผมได้เห็นและได้รู้ว่าไม่มีใครเหมาะกับตำแหน่งนักล่าอันดับสองแห่งสมาพันธ์นักล่าเท่ากับคุณเซนาเรียสอีกแล้ว ความน่ากลัวของเธอมันเหมาะแล้วจริงๆที่เธอจะได้อยู่ในตำแหน่งที่สูงขนาดนั้น แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ผมได้รู้และได้ประจักษ์ในวันนี้คงต้องแลกมาด้วยชีวิตของผมเสียแล้วครับ

คาไมเคิลได้แต่ยืนนิ่งรอคอยคมดาบที่ฟาดเข้ามาหมายปลิดชีพเขาเพราะเขาทำใจไว้แล้วว่าถึงยังไงตอนนี้เขาก็ไม่มีวันหนีพ้น

หมับ!!

เสียงที่ดังมาทำเอาคาไมเคิลผงะไปด้วยความตกใจ ในขณะที่ดวงตาของเซนแข็งกร้าวขึ้นมาชั่ววูบก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว

“มาจนได้” รอยยิ้มเย็นชาปรากฏขึ้นที่มุมปากก่อนร่างบางจะหันไปมองผู้มาใหม่ที่ยังยึดข้อมือเธอไว้แน่น

“เรฟานอฟ” เซนเอ่ยเรียกเด็กหนุ่มผมดำผู้มาใหม่ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรังเกียจและแค้นเคือง เรยึดข้อมือบางไว้แน่นก่อนจะกระชากดาบทิวาแห่งรุ่งอรุณออกจากมือเด็กสาวผมชมพูแล้วทิ้งมันออกไปไกลๆ

“นายมันโง่คาไมเคิล” เสียงเย็นของเรเอ่ยออกมาเป็นคำแรกหลังจากช่วยเขาไว้ เขาไม่เข้าใจเขาทำอะไรผิดงั้นหรือ

“นายควรเชื่อสัญชาตญาณของตนเองไม่ใช่เดินเข้ามาเป็นเหยื่อแบบนี้ หรือว่านักล่าอันดับหกมีสัญชาตญาณแย่ยิ่งกว่าสัตว์” คำพูดนั้นทำเอาคาไมเคิลหน้าชา เขาผิดเองที่ไม่เชื่อสัญชาตญาณของตนเอง ทั้งที่มันเตือนเขาถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่เขาก็เลยที่จะเมินเฉยเพราะความอยากรู้ของตัวเอง

เรหันไปทางเด็กสาวผมชมพูบ้างคราวนี้ดวงตาคู่สีนิลของนักล่าอันดับหนึ่งดูน่าสะพรึงกลัว

“เอาเซนคืนมา” เสียงเย็นข่มขู่ แม้ว่าในความจริงแล้วเรไม่อยากทำให้ร่างกายนี้บาดเจ็บเลยสักนิด เพราะร่างนี้ยังเป็นร่างที่เซนของเขาต้องใช้เหมือนกัน

“แล้วถ้าข้าไม่คืน” เสียงหวานเย็นเอ่ยหยั่งเชิงดวงตาสีทองฉายแววท้าทายเต็มเปี่ยม

“เธอรู้ว่าฉันสามารถทำให้เธอเจ็บได้โดยไม่กระทบถึงเซน แล้วอย่าได้ลืมว่าเธอไม่ใช่เซนาเรียส” ตราบใดที่ไม่ใช่เซนาเรียสเรก็จะไม่ออมมือให้เช่นกัน

ดวงตาสีทองวาววับเต็มไปด้วยความแค้นเคืองมองสบกับดวงตาสีนิลเย็นเยียบที่ฉายแววเอาจริง มันรู้ว่าสิ่งใดที่คนตรงหน้าเอ่ยออกมานั่นแปลว่าคนตรงหน้าทำได้และทำจริงแน่นนอน เจ้าเด็กผู้ถูกเลือกที่ยืนอยู้ตรงหน้ามัน ไม่ว่ายังไงก็ยังทำให้มันเกลียดมากที่สุดและเคียดแค้นมากที่สุด คนตรงหน้ามันคือคนเพียงคนเดียวในโลกที่มันอยากจะฆ่าให้ตายกับมือ อยากฆ่าแต่ไม่สามารถฆ่าได้

“ข้าเกลียดเจ้า” มันบอกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนร่างบางจะทรุดลงไปต่อหน้าต่อตาเด็กหนุ่มทั้งสองคน เรรีบคว้าร่างบางเอาไว้ก่อนจะถึงพื้นแล้วจัดการอุ้มเซนเอาไว้

“คุณเร...ขอบคุณที่ช่วยครับ” คาไมเคิลเอ่ยออกมาพลางก้มหัวขอบคุณนักล่าอันดับหนึ่ง

“ฉันช่วยเซนไม่ใช่นาย” เสียงเย็นตอบกลับอย่างไม่ไยดีซึ่งคาไมเคิลก็คิดแบบนั้นอยู่แล้วและความหมายของเรก็คือแบบนั้นจริงๆ ต่อให้นักล่าอันดับหกตายไปต่อหน้าต่อตาเรก็คงไม่รู้สึกอะไรแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ควรจะขอบคุณไม่ใช่หรือ

“อืม...” เสียงหวานครางออกมาก่อนที่ดวงตาสีทองจะลืมขึ้นอย่างยากเย็น เรยิ่งกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นเมื่อเห็นดวงตาสีทองที่หม่นหมองนั่น

“คาไมเคิลล่ะ” สิ่งที่เด็กสาวถามหาทันทีที่ได้สติคือนักล่าอันดับหกที่ตนเองเกือบจะลงมือสังหารไป ร่างบางพยายามจะยันกายขึ้นมามองหาคนที่ตนเองเอ่ยถึงในขณะที่ดวงตาสีทองมีน้ำตาที่พร้อมจะไหลรินลงมาตลอด ท่าทางแบบนั้นของนักล่าอันดับสองทำให้คาไมเคิลเดินเข้าไปใกล้

“ผมอยู่นี่ครับคุณเซน” เสียงของนักล่าอันดับหกที่ดังมาทำเอาดวงตาสีทองหันไปมองก่อนจะยิ้มออกมาพร้อมน้ำตาที่ไหลริน

“ดีจริงๆที่ไม่พลั้งมือฆ่านาย...ดีจริงๆเลย...” ร่างบางทิ้งตัวลงในอ้อมกอดของเรปล่อยให้น้ำตาไหลออกมานองหน้าด้วยความโล่งอก หากเมื่อกี้พลั้งมือฆ่านักล่าอันดับหกไปละก็...เธอคงไม่สามารถให้อภัยตนเอง ไม่สามารถให้อภัยในความอ่อนหัดของตนเอง

และนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่เรฟานอฟเลือกที่จะช่วยคาไมเคิลแทนที่จะปล่อยให้นักล่าอันดับหกตาย มันเป็นไปตามที่เจ้าตัวพูดทุกอย่าง เขาช่วยไม่ใช่เพื่อคาไมเคิลแต่เพื่อเซนนาเรียส เพราะถ้าคาไมเคิลตาย คนที่จะเจ็บปวดก็คือเซนของเขา คนที่จะโทษตัวเองก็คือเซน เธอจะไม่มีวันยกโทษให้ตัวเองแน่นอน

“ขอโทษนะคาไมเคิล...ฉันขอโทษนะ” ได้แต่เอ่ยขอโทษเด็กหนุ่มตรงหน้าเท่านั้นเมื่อเห็นรอยเล็บและเลือดที่แห้งกรังบนลำคอกับขาของเขา ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นความผิดของเธอ ผิด...ที่มีพลังมากเกินไป ผิด...ที่ไม่อาจควบคุมปีศาจตนนี้เอาไว้ได้

“ขอโทษนะ...ฉัน...ผิดเอง...” คาไมเคิลไม่รู้จะทำยังไงขณะที่มองร่างบางที่พร่ำขอโทษเขาไม่หยุด

เรที่ทนไม่ได้เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้ก่อนจะกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีก จะให้เขาทำยังไงก็ได้ขอให้คนในอ้อมกอดนี่...อย่าได้ร้องไห้อีกเลย

“เพราะแบบนี้...พวกเราถึงได้...เกลียดตนเองมากกว่าสิ่งใดในโลก” เสียงหวานพูดออกมาด้วยความสมเพชตนเองเป็นที่สุด

ร่างกายเป็นของเรา...เป็นของเราแท้ๆหากก็ไม่สามารถควบคุมได้ ที่ทำได้คือมองทุกอย่างผ่านดวงตาคู่นี้ มันเหมือนกับความฝันที่ฉายไปเรื่อยๆแม้ร่ำร้องเท่าไหร่ก็ไม่มีทางหลุดออกจากความฝัน ใช่...มันคือฝันร้ายที่กลายเป็นความจริงเพราะแม้จะหลับตาลงสักกี่ครั้งภาพที่ตื่นจากความฝันก็ยังเป็นความจริงที่โหดร้ายอยู่ดี

“เมื่อไหร่กัน...เมื่อไหร่ฝันร้ายนี่มันจะจบลงเสียที” เธอต้องมาโดนประณามกับความผิดที่เธอไม่ได้เป็นคนก่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอไม่ได้ทำอะไรเลย...ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแต่ทำไมทุกครั้งที่เกิดเรื่องก็ต้องเป็นเธอคนเดียวที่ต้องมาแบกรับความผิดเอาไว้ นี่คือบทลงโทษของผู้ที่แข็งแกร่งมากเกินไปใช่ไหมหรือคือบทลงโทษของผู้มีพลังมหาศาลมากเกินไปกันแน่

เพราะแบบนั้นพวกเราจึงใฝ่หาอิสรภาพยิ่งกว่าสิ่งใด อิสรภาพที่พยายามเท่าไหร่ก็ไม่มีวันคว้าถึง อิสรภาพที่ไม่มีวันเป็นจริง ทั้งที่เอื้อมมือไปจนสุด ทั้งที่คิดว่าจะคว้ามันเอาไว้ได้แต่สิ่งที่คว้าได้มีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น ต่อให้เอื้อมมือจนสุดแขนก็ไม่มีวันคว้ามันเอาไว้ได้ อิสรภาพที่พวกเราใฝ่หานั้นคือความว่างเปล่าหรือความจริงแล้วคำว่าอิสรภาพสำหรับพวกเรามันไม่มีจริงมาตั้งแต่ต้นแล้วกันแน่

“พอแล้วเซน...พอแล้ว...” เรได้แต่กระซิบข้างหูเพื่อปลอบประโลม มีเรื่องนี้ที่เขาไม่อาจทำให้เซนได้ ไม่อาจให้ได้เลย...ไม่อาจจะให้ในสิ่งที่เซนปรารถนาได้ซึ่งนั่นก็คืออิสรภาพที่สมบูรณ์...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel