กุญแจดอกที่ 10 : วิชาอาวุธกับข่าวของฟรอส (บทต้น)
ทุกคนกล่าวอ้างว่าดาบที่ดีนั้นคือดาบที่แหลมและคมกริบ
ทว่าสักกี่คนจะรู้ว่าความจริงนั้นดาบที่ดีที่สุด...
คือดาบที่อยู่ในมือของผู้ที่ใช้มันเป็น
เพราะต่อให้เป็นดาบไม้ที่ไร้ซึ่งความคม
หากอยู่ในมือของผู้ที่ใช้มันเป็นแล้ว...
มันก็สามารถกลับกลายเป็นดาบจริงที่คมกริบได้เช่นกัน
•.★*... ...*★.•
วันนี้คาไมเคิลตื่นขึ้นมาอย่างอ่อนล้าพลางลูบลำคอของตนเองที่ไม่มีบาดแผลใดๆหลงเหลือเอาไว้อีกแล้ว ฝีมือการรักษาของนักล่าอันดับหนึ่งยอดเยี่ยมจริงๆไม่ใช่แค่ไม่ทิ้งรอยเอาไว้แต่ไม่หลงเหลือแม้ความเจ็บปวด
ภาพแรกที่ผ่านเข้ามาในดวงตาสีน้ำเงินของเขาคือภาพของนักล่าอันดับสามที่ยังซุกหน้าอยู่กับหมอบนเตียงอย่างมีความสุข ดูท่าเมื่อวานคุณฟรอสจะเสียพลังไปมากแต่ก็อย่างว่าเดินทางข้ามรัฐนี่นะ ถ้าจะกลับดึกก็คงไม่แปลกอะไร
“อรุณสวัสดิ์คาไมเคิล” และก็เหมือนเมื่อวานที่ตื่นนอนเรยังคงนั่งถักผมให้เซนอยู่บนเก้าอี้และเซนก็ยังคงทักเขาอย่างสดใสร่าเริงเช่นเดิม
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณเซน” คาไมเคิลทักกลับก่อนจะหยิบข้าวของเครื่องใช้เดินเข้าห้องน้ำไปปล่อยให้ฟรอสยังคงนอนอย่างแสนสุขบนเตียงเหมือนเดิม และราวกับภาพที่ฉายซ้ำเพราะเมื่อเขาจัดการตัวเองเสร็จเรก็เกือบจะถักผมให้เซนเสร็จแล้วเหมือนกันแต่ไอ้คนที่ควนจะอาบน้ำแต่งตัวต่อจากเขากำลังนอนสบายอุราอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวเช่นเดิม
“คุณฟรอสครับ” คาไมเคิลเดินเข้าไปเรียกนักล่าอันดับสามที่ชักจะนอนขี้เซาขึ้นทุกวัน ไปๆมาๆคาไมเคิลชักจะคิดว่าคนที่ทำตัวไม่สมตำแหน่งมากที่สุดคงจะเป็นคุณฟรอสเนี่ยแหละ
“คุณฟรอสครับ” ย้ำอีกนิดเผื่อเจ้าของชื่อจะตื่นแม้จะรู้ดีว่ามันเป็นความหวังที่ริบหรี่อย่างมากก็ตาม แต่จะให้เขาใช้ความรุนแรงเหมือนอย่างที่คุณเรทำก็คงไม่ดีมั้งทำแบบนั้นคุณฟรอสคงช้ำแย่ในเมื่อเมื่อวานคุณฟรอสโดนคุณเรใช้ไปยังร้านหนึ่งในรัฐเซรีนนี่นา เป็นเขา...เขาก็คงไม่อยากลุกจากเตียงขึ้นมาเผชิญความจริงในตอนนี้หรอก
แต่ดูเหมือนนักล่าอันดับหนึ่งจะไม่คิดแบบนั้นเพราะทันทีที่เรใส่แว่นตาสีขาวให้เซนอย่างเบามือเจ้าตัวก็ก้าวฉับๆไปยืนข้างเตียงของนักล่าอันดับสาม
คาไมเคิลถอยหลบอย่างรู้หน้าที่ขณะที่เซนหันหน้ามาดูความสนุกประจำยามเช้า
โครม!!
เด็กหนุ่มผมดำยกเท้าถีบเพื่อนตกเตียงอย่างไม่ปรานีขนาดฟังจากเสียงคาไมเคิลยังอดเบ้หน้าเพราะความเจ็บแทนไม่ได้ นักล่าอันดับหกไม่อยากคิดเลยว่าคนโดนถีบจะเป็นยังไง
“เจ็บโว้ย...” เสียงโวยวายจากคนถูกปลุกดังขึ้นมาแทบจะในทันที ร่างของนักล่าอันดับสามที่กลิ้งไปกับพื้นรีบลุกขึ้นมาโวยวาย
ช้ำในยังไม่พอจะต้องเจ็บไปทั้งตัวด้วยใช่ไหม ฟรอสบ่นในใจอย่างหงุดหงิดเป็นที่สุดแต่เมื่อช้อนดวงตาสีเขียวของตนเองขึ้นไปสบกับดวงตาสีดำอำมหิตของคนที่ถีบเขาเจ้าตัวก็ต้องรีบกลืนคำต่อว่าทั้งหมดลงไปทันทีพลางรีบยิ้มแห้งๆส่งไปให้ขัดตาทัพเอาไว้ก่อน
“โธ่เร...นายปลุกดีๆก็ได้ เอาแบบปลุกเซนน่ะทำเป็นไหม” แม้จะยังหวั่นๆกับดวงตาสีนิลอำมหิตที่มองมาแต่ก็ขอให้ได้พูดประท้วงออกไปสักหน่อยก็ยังดี
“นายไม่ใช่เซน” เสียงเย็นเยียบส่งให้ทำเอาคนได้รับขนลุกซู่
“ฟรอส...คาไมเคิลก็ปลุกนายอยู่ตั้งนานแต่นายไม่ตื่นเองต่างหาก” เซนนาเรียสพูดแก้ให้คู่หมั้นตนเองเสียงใสพลางยิ้มให้คนที่ถูกปลุกอย่างรุนแรงตั้งแต่เช้าของวัน
“ก็ไม่ได้ยินนี่หว่า” ฟรอสอดจะบ่นออกมาไม่ได้
พวกนักล่าทุกคนก็มักจะเป็นแบบนี้ ถ้าได้นอนห้องเดียวกับนักล่าอันดับหนึ่งเวลาไปทำงานด้านนอกพวกเขาจึงสามารถปล่อยวางไม่ต้องระวังตัวอยู่ตลอดเวลา จนบางครั้งพวกเขาก็มักจะหลับลึกไปสักหน่อย
“ไปอาบน้ำ ถ้าช้าไม่รอ” เสียงห้วนเด็ดขาดของเจ้าชายแห่งดาร์กเซสทำเอาฟรอสต้องรีบวิ่งไปหยิบข้าวของเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ลืมส่งเสียงไล่หลังกลับมาเพราะกลัวว่านักล่าอันดับหนึ่งจะทำแบบที่พูดจริงๆ
“รอก่อนนะโว้ย ไม่รอของแช่งให้โดนเซนทิ้ง” ช่างเป็นคำแช่งที่น่ากลัวเหลือเกิน...
•.★*... ...*★.•
ร่างทั้งสี่รีบวิ่งเข้าห้องเรียนพร้อมกับกริ่งเริ่มเรียนคาบแรกที่ดังขึ้นพอดีทำเอาเพื่อนในห้องหันมามองแล้วอยากตบมือให้อย่างชื่นชม รอดตายไปได้อย่างสวยงามเลยนะเพื่อน
คาไมเคิลและฟรอสหอบหายใจถี่เพราะความเหนื่อยก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะ เซนเพียงแค่หายใจลึกขึ้นเท่านั้นแต่เรกลับไม่มีแม้แต่เหงื่อสักหยดเดียว
ฟรอสได้แต่บ่นในใจกับการเกือบเข้าห้องสายในวันที่สอง เหตุผลน่ะเหมือนวันแรกเลยเพราะเด็กสาวผมชมพูดันอยากจะเดินดูรอบโรงเรียนอีกนิดทั้งสี่ก็เลยต้องไปทัวร์โรงเรียนยามเช้าพร้อมทักทายพวกวิญญาณที่ลอยตามมาเป็นขบวน กว่าจะรู้ตัวกริ่งเข้าเรียนก็เกือบจะดังแล้ว
คิดมาถึงตรงนี้ก็อดบ่นนักล่าอันดับหนึ่งกับนักล่าอันดับสองไม่ได้ คิดว่าพวกเขาวิ่งเร็วเท่าตัวเองหรือไงถึงวิ่งโดยใช้เต็มฝีเท้าขนาดนั้น แต่นึกว่าเข้าห้องแล้วจะได้นั่งพักสบายๆเสียหน่อยพวกวิญญาณในห้องที่รออยู่แล้วก็พากันพุ่งเข้ามาหาทันที
“นี่พวกนายไปไหนกันมาเหรอถึงได้เกือบสายกันอย่างนี้” เพื่อนชายที่ชื่อราอินถามออกมาพลางมองเพื่อนทั้งสี่คนที่เดินไปนั่งประจำที่ของตนเอง ดวงตาสีทองของเด็กสาวผู้เป็นนักล่าอันดับสองหันไปมองก่อนจะยิ้มให้
เขาเป็นเด็กหนุ่มผู้มีดวงตาสีน้ำตาแดงเหมือนเส้นผมส่วนคนข้างๆนั้นเป็นพี่ชายฝาแฝดที่มีชื่อว่ามาอิ เจ้าตัวมีรูปร่าง หน้าตาและนิสัยเหมือนกันเป๊ะจึงไม่แปลกที่หลายคนในห้องมักจะเรียกสองคนนี้สลับกันอยู่เสมอ แถมทั้งคู่ยังชอบอยู่ด้วยกันเสียอีก หลายครั้งที่ยังหัวเราะชอบใจที่มีคนทักตัวเองสลับกัน
“ราอินใช่ไหม” เซนเอ่ยถามทำเอาเพื่อนในห้องสนใจเพราะบางครั้งพวกเขายังแยกไม่ออกเลยว่าคนไหนราอินคนไหนมาอิ
“โหย...ทายถูกด้วยแหะ เธอนี่เก่งชะมัด” มาอิที่นั่งอยู่ข้างๆพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร
“ก็พวกเธอมีหลายอย่างที่ต่างกันอยู่ฉันก็เลยแยกออก” คำพูดของเด็กสาวผมชมพูทำเอาฝาแฝดทั้งสองแทบจะวิ่งเข้ามากอดด้วยความรัก ติดก็แต่ดวงตาสีนิลเย็นๆของคนที่นั่งข้างเด็กสาวที่ปรายมามอง
“ไง...เกือบสายเลยนะพวกนาย เซนอีกคนบอกแล้วให้เดินมากับฉันก็ไม่เชื่อ” คามิเลียเดินเข้ามาทักทายเพื่อนทั้งสี่คนที่เพิ่งมาถึงห้องทำเอาเซนได้แต่ยิ้ม ขืนเซนทำตามที่คามิเลียพูดจริงเรคงโวยวายออกมาแต่เช้าแน่ข้อหาที่คู่หมั้นสุดรักทิ้งเขาไปก่อน
“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ได้สายสักหน่อย” เด็กสาวตอบกลับเป็นเวลาเดียวกับที่อาจารย์วิชาภาษาศาสตร์ก้าวเข้ามาในห้องทำให้ทุกคนต่างกลับเข้าไปนั่งที่เตรียมตัวเริ่มคาบเรียนคาบแรกของวันนี้
“พวกเธอคงรู้ใช่ไหมว่าภาษาถิ่นในแต่ละรัฐแตกต่างกันออกไปแต่พวกเราก็จะใช้ภาษากลางที่ทุกคนเข้าใจตรงกันสื่อสารกันมากกว่า วันนี้เราเลยจะลองมาเรียนเกี่ยวกับภาษาถิ่นในรัฐต่างๆบ้าง” อาจารย์สาวพูดก่อนจะลงมือเขียนกระดานเป็นภาษาต่างๆแล้วค่อยๆอ่านออกเสียงให้ฟัง
เซนาเรียสฟังที่อาจารย์พูดอย่างตื่นเต้น สำหรับเจ้าหญิงที่ไม่มีวันออกไปนอกรั้ววังการได้รับข้อมูลใหม่ๆจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับเธอไม่น้อยเลย ผิดกับฟรอสที่พยายามอย่างยิ่งที่จะลืมตาขึ้นมาฟัง นักล่าอันดับสามอยากจะตบหัวตนเองหลายๆครั้งเพื่อให้ตื่นตัวเพราะเมื่อวานเขานอนดึกและเสียพลังงานในการวิ่งข้ามรัฐไปมากกว่าใครๆ
“ฟรอสไม่ต้องพยายามขนาดนั้นก็ได้ วิชาต่อไปคือวิชาอาวุธ พวกเราส่วนใหญ่ก็หลับเอาแรงกันทั้งนั้นแหละ” เพื่อนชายที่ชื่อยูเร็ตพูดขึ้นพลางหันไปมองเพื่อนผู้ชายรอบห้องที่พร้อมใจกันหลับเป็นแถวเพื่อให้ดูเป็นตัวอย่างจนฟรอสชักอยากรู้ว่าคนพวกนี้เป็นนักเรียนพิเศษซึ่งมาอยู่ห้องนี้ได้ยังไง แต่เอาเถอะคงไม่มีใครเป็นแบบเขาที่โดนพวกวิญญาณรุมช่วยทำข้อสอบหรอก งั้นเอาเป็นว่า
“ราตรีสวัสดิ์นะคาไมเคิล ยูเร็ต” สิ้นคำพูดคนผมเขียวก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะแล้วหลับไปในทันที เพียงไม่นานเสียงกรนนิดๆก็เล็ดรอดออกมาบ่งบอกว่าเจ้าตัวหลับลึกแค่ไหน
ยูเร็ตอดจะทึ่งกับเพื่อนคนนี้ไม่ได้ หัวถึงโต๊ะก็หลับแล้วหรือ นายจะสบายใจอะไรขนาดนั้น คาไมเคิลอดจะส่ายหน้ากับท่าทางของนักล่าอันดับสามไม่ได้ ทำไมคนๆนี้ถึงได้อันดับดีกว่าเขานะ คิดพลางยิ้มอย่างสุภาพให้ยูเร็ตที่เป็นคนแนะนำ
“อย่าไปสนใจเลยครับ คนบ้าก็แบบนี้แหละ”
•.★*... ...*★.•
วิชาต่อมาคือวิชาอาวุธและวิชานี้เป็นวิชาที่จะต้องเรียนรวมกันทั้งสองห้อง อันที่จริงวิชาการใช้อาวุธไม่น่าจะมีเรียนเลยสักนิดแต่เพราะโรงเรียนคิงเคสเป็นโรงเรียนพิเศษสำหรับคนชั้นสูงหรือลูกคุณหนูที่มีเงินทางโรงเรียนเลยนำมาสอนเพื่อให้สามารถป้องกันตัวเองได้ในเวลาฉุกเฉิน แต่ในวิชาอาวุธจะไม่มีการสอนเกี่ยวกับปืนเพราะปืนจะเป็นวิชาที่แยกเรียนออกไปอีกทีซึ่งทางโรงเรียนก็จัดให้ปืนเป็นวิชาป้องกันตัวที่ต้องมีการเรียนการสอนทุกชั้นปี
แม้คาบที่แล้วอาจารย์สาวที่สอนวิชาภาษาศาสตร์จะปล่อยพวกเขาสายแต่ปีหนึ่งห้อง A ก็เข้ามารอในโรงฝึกก่อนห้อง B เสียอีก
อาจารย์ที่สอนวิชานี้แทนที่จะเป็นอาจารย์ผู้ชายท่าทางแข็งแกร่งอย่างที่คิดเอาไว้ในตอนแรกกลับเป็นอาจารย์สาวผมสั้นที่มีท่าทางคล่องแคล่วมากกว่า
นักล่าทั้งสี่คนพากันชะงักเมื่อเห็นคนที่จะต้องสอนพวกเขา ไม่ใช่เพราะดูถูกว่าผู้หญิงร่างเล็กแต่ท่าทางคล่องแคล่วจะมาสอนพวกเขาได้เพราะขนาดนักล่าอันดับสองที่แข็งแกร่งของพวกเขายังเป็นผู้หญิงสวยที่มองภายนอกดูอ่อนแอเปราะบางจนไม่น่าจะยกดาบขึ้น และที่พวกเขาชะงักก็ไม่ใช่เพราะรู้จักคนตรงหน้าแต่เป็นเพราะสัมผัสได้ถึงจิตสังหารบางๆที่ปล่อยออกมาจากคนตรงหน้าตลอดเวลา
การมีจิตสังหารได้แบบนี้สำหรับผู้ไร้เวทแล้วมันยากมากทีเดียว นั่นแปลว่าอาจารย์สาวคนนี้คงจะต้องผ่านเรื่องเสี่ยงตายและอาจจะเคยแม้กระทั้งเคยต่อสู้โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพันในชีวิตจริง แต่น่าเสียดายที่เธอไม่เคยเรียนรู้ที่จะเก็บจิตสังหารของตนเองให้มิดชิด เผยความสามารถของตนเองแบบนี้ ถ้าหากพวกเขาเป็นศัตรูคงลงมือเก็บเธอคนแรกแน่ๆ
พวกเขาทั้งสี่คนไม่มีใครหวั่นเกรงว่าหญิงสาวที่มาเป็นอาจารย์คนนี้จะจับจิตสังหารของพวกเขาได้เพราะพวกเขาที่เป็นนักล่าเรียนรู้ที่จะเก็บจิตสังหารให้มิดชิดมาตั้งแต่เด็ก
“น่าสงสัยนะครับ” คาไมเคิลพูดออกมาพลางเดินไปนั่งบนที่นั่งพร้อมเพื่อนๆที่เหลือ
“ตราบใดที่ไม่ยุ่งกับเรา ตราบใดที่ไม่ขวางทางเรา เราก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกัน” ฟรอสเอ่ยเสียงเย็นก่อนจะละความสนใจจากอาจารย์เมื่อพวกนักเรียนห้อง B เดินเข้ามาในห้องฝึก และมันทำให้ฟรอสได้รู้ว่าจำนวนของเด็กทั้งสองห้องว่าแตกต่างกันมากขนาดไหน
ขณะที่ห้อง A ซึ่งเป็นเด็กห้องพิเศษมีอยู่ประมาณสิบกว่าคนในแต่ละชั้นปีแต่เด็กห้อง B กลับมีสี่สิบกว่าคน ช่างเป็นจำนวนที่แตกต่างจนน่าพิศวงเลยจริงๆ
“นายเห็นคนที่เดินตามเข้ามาไหม” ราอินเอ่ยถามพวกเขาพลางชี้นิ้วให้นักเรียนใหม่ทั้งสี่ดู คนที่นำเด็กห้อง B เข้ามาคือเด็กหนุ่มผู้มีผมและดวงตาสีแดงเพลิงผู้มาพร้อมกับท่าทางมั่นใจ
“เขาเป็นใครหรือ” เซนถามออกมาอย่างอยากรู้
“เทอมที่แล้วหมอนั่นเป็นคนที่ใช้ดาบเก่งที่สุดในรุ่นเราเลยละ” ราอินพูดออกมาก่อนที่มาอิจะเสริมต่อ
“แถมเทอมที่แล้วผลทดสอบออกมา ที่หนึ่ง ที่สองและที่สามเป็นของห้อง B ทั้งหมดเลย ส่วนห้องเราก็มีคาเอวแหละที่พอจะชิงที่สี่มาได้” คำพูดของมาอิทำเอาเด็กสาวผมชมพูยิ้มตอบเหมือนจะขอบคุณในข้อมูลที่เด็กหนุ่มพูดออกมาให้ฟัง
“แล้วมาอิกับราอินเชื่อไหม ว่าเทอมนี้คนที่ได้อันดับหนึ่งถึงสามอาจจะเป็นห้องเราก็ได้” เสียงหวานของเด็กสาวผมชมพูเปรยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม อา...ถ้าไม่ได้ก็คงเสียทีที่เป็นนักล่าอันดับต้นกันแล้ว ยกเว้นก็แต่เรจะมีแผนการอื่น
“ได้แบบนั้นก็ดี” มาอิรับคำแต่ก็ไม่แน่ใจว่าเซนพูดจริงหรือพูดเล่นกันแน่
“ในที่สุดก็มากันครบแล้วสินะ” เสียงใสของอาจารย์สาวดังขึ้นทำให้ทุกคนในห้องพากันตอบรับ
“ครับ / ค่ะ” อาจารย์สาวยิ้มอย่างพอใจเมื่อได้ยินเสียงตอบของเหล่าลูกศิษย์
“เห็นบอกว่าห้อง A มีนักเรียนเข้ากลางเทอมใช่ไหม ไหนยกมือให้ดูหน่อยสิ” เสียงใสที่ดังมาอีกครั้งทำให้นักล่าทั้งสี่ต่างยกมือขึ้นอย่างเสียไม่ได้ พวกห้อง B ฮือฮาขึ้นมาอย่างสนใจเพราะทุกคนที่นี่ต่างรู้ดีว่าข้อสอบเข้ากลางเทอมของโรงเรียนคิงเคสยากบรม
“พวกเธอเองเหรอ...อืมฉันไม่เคยสอนพวกเธอก็เลยยังไม่รู้ว่าพวกเธอจะตามเพื่อนทันไหม” อาจารย์สาวพูดพลางทำสีหน้าครุ่นคิดแต่เพียงไม่นานเจ้าตัวก็กลับมายิ้มอย่างสดใสเช่นเดิม
“เอาอย่างนี้ ฉันจะให้พวกเธอประลองกับสี่อันดับแรกของชั้นปีดีกว่าจะได้รู้ว่าฝีมือของพวกเธอดีขนาดไหน” อาจารย์สาวพูดก่อนจะเรียกนักเรียนชายสามคนจากห้อง B และอีกคนจากห้อง A
“พวกเธอคงไม่รู้จักชื่อครูใช่ไหม ครูชื่อเลฟีเรีย มาเกอร์สอนวิชาอาวุธเนี่ยแหละ” ครูสาวแนะนำตัวก่อนจะหันไปทางเด็กหนุ่มผมแดงกับตาสีแดงเพลิงที่เขาเห็นว่าเป็นคนเดินนำเพื่อนห้อง B เข้ามาเป็นคนแรก
“เซเรียส เลจูลี่ได้ที่หนึ่งมาจากห้อง B” เด็กหนุ่มตอบพร้อมรอยยิ้มที่ส่งให้เพื่อนใหม่ทั้งสี่ที่ยังคงนั่งมองเขาลงมาจากที่นั่งอย่างนึกสนุก
“ฉันเบเนอร์ เซเทียได้ที่สองห้อง B” เด็กหนุ่มคนที่สองแนะนำตัวพร้อมรอยยิ้มสดใสไม่ต่างจากอาจารย์สาว
“ผมเลชาน มาลีเอส ที่สามจากห้อง B” เด็กหนุ่มคนถัดไปแนะนำตัวพร้อมรอยยิ้มที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวเป็นคนร่าเริงไม่ต่างจากสองคนแรก
“คาเอว มิเดีย ห้อง A อันดับสี่ พวกนายคงรู้จักอยู่แล้ว” คนสุดท้ายเป็นเด็กหนุ่มผมเทาพร้อมดวงตาสีเทาที่ดูจะรักความสงบมากกว่าความสนุกแต่อย่าได้ไปทำให้เพื่อนคนนี้โกรธขึ้นมาเชียว
“เอ้า...สี่คนตรงนั้นน่ะลงมาได้แล้ว” นักล่าทั้งสี่ต่างเดินลงมาจากที่นั่งเมื่อคนเป็นอาจารย์สาวเอ่ยปากเรียก ก่อนจะมายืนประจันหน้ากับคนทั้งสี่ที่ยืนรอพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว
“แนะนำตัวก่อนประลองด้วย มันเป็นมารยาท” อาจารย์สาวเตือนทำให้คาไมเคิลเริ่มแนะนำตัวออกมาก่อนเป็นคนแรก ใครใช้ให้เขามีอันดับสุดท้ายเล่า
“ผมคาไมเคิล ห้อง A ครับ” เด็กหนุ่มผมน้ำเงินพูดอย่างสุภาพพร้อมรอยยิ้ม
“ฟรอส ห้อง A” นักล่าอันดับสามแนะนำตัวเองพร้อมรอยยิ้มกว้างเหมือนอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ
“เซนาเรียส ห้อง A ค่ะ” เด็กสาวคนเดียวแนะนำตัวอย่างร่าเริง ดวงตาสีทองยังคงทอประกายถ้าไม่ติดว่าเจ้าตัวอยู่ในร่างเด็กสาวเฉิ่มๆละก็คงมีผู้ชายหลายคนเคลิ้มไปแล้วแน่ๆ โดยเฉพาะนักล่าอันดับหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆแต่ถึงไม่ได้อยู่ในสภาพน่ารักเจ้าตัวก็ทำให้หลายคนต้องหันไปมองอย่างสนใจเพราะน้ำเสียงใสๆนั่น
“เรฟานอฟ” สั้น ง่าย ได้ใจความแถมไม่ยอมขยายความใดๆต่อ แล้วเสียงยังเย็นเยียบนั่นก็มากพอที่จะเรียกความสนใจของทุกคนให้หันมาที่เขาแทนหญิงสาวที่เขานึกหวงนักหวงหนา
แน่นอนว่ามันก็ได้ผลเพราะไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงก็โดนหมอนี่ดึงความสนใจไปหมด ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงเย็นๆหรือความกดดันที่พวกเขารู้สึกได้ หมอนี่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังเป็นจุดสนใจเหมือนเดิม ฟรอสอดจะคิดอยู่ในใจเงียบๆไม่ได้
“ใครจะลองก่อนดี” อาจารย์สาวถามอย่างนึกสนุกไปด้วย
“ฉันเอง” เสียงหวานของเด็กสาวผมชมพูเสนอตัวเป็นคนแรกก่อนจะก้าวเดินไปข้างหน้าพลางกวาดสายตามองคนทั้งสี่เพื่อเลือกคู่ต่อสู้ แต่ยังไม่ทันเลือกใครเซนก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงที่ดังขึ้นข้างตัวเธอ
“เลือกคาเอวเซน...แล้วสู้อย่าได้ชนะ” เสียงที่ดังขึ้นทำให้ดวงตาสีทองเหลือบไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆแวบหนึ่ง
เซนยิ้มออกมาบางๆราวกับจะบอกร่างสูงว่าได้ตามคำบัญชา เธอไม่รู้หรอกว่าเหตุใดเรถึงอยากจะให้เธอทำแบบนั้น เธอรู้เพียงว่าไม่ว่าอย่างไรเรก็ไม่มีทางทำให้เธอตกอยู่ในอันตรายหรือสภาพเพลี่ยพล้ำโดยเด็ดขาด
เซนาเรียสทำตามที่เรแนะนำโดยเดินไปหยุดอยู่หน้าคาเอวก่อนจะยิ้มออกมา
“เอาละ คู่แรกคือเซนาเรียสกับคาเอว” อาจารย์สาวตะโกนให้ทุกคนได้ยินขณะคนที่เหลือต่างเดินกลับเข้าไปนั่งที่
“อย่าแสดงฝีมือออกมาหมดนะเซน จำไว้ตอนนี้เราอยู่ที่โรงเรียนในฐานะคนธรรมดา” เรเดินเข้าใกล้คู่หมั้นสาวของตนเองอีกครั้งหนึ่งพลางกระซิบย้ำหญิงสาวเสียงเบา
“ได้ตามนั้นเลยเร” เสียงใสตอบเบาๆก่อนจะหันไปหาคาเอวขณะที่เรเดินไปนั่งที่
“ผู้ประลองเลือกอาวุธ” เสียงของอาจารย์ตะโกนบอกพลางชี้ไปทางอาวุธที่อยู่ด้านหนึ่งของลานประลอง ทั้งคาเอวและเซนต่างเดินเข้าไปดูอาวุธต่างๆมากมายพลางครุ่นคิดว่าตนเองจะใช้อะไรในการต่อสู้ครั้งนี้
อืม...บางอันหน้าตาแปลกๆก็ใช้ไม่เป็นเสียด้วย อย่างพัดที่ทำจากไม้แบบนั้น เอาเถอะเลือกดาบที่ใช้ง่ายที่สุดดีกว่า เด็กสาวคิดก่อนจะลงมือเลือกดาบและไม่นานหญิงสาวผมชมพูก็ได้ดาบที่น้ำหนักและด้ามจับพอดีมือ แต่น่าเสียดายที่อาวุธทุกอย่างในนี้ไม่แหลมคมและต่อให้คนธรรมดาออกแรงฟันขนาดไหนก็ไม่มีทางได้แผลแน่ๆ ทว่าในกรณีของนักล่าต่อให้อาวุธที่อยู่ในมือไร้ซึ่งความคมทุกคนก็ยังสามารถใช้อาวุธนั้นแยกเหยื่อของตนออกเป็นชิ้นๆได้อยู่ดี
ร่างบางเดินมายืนที่ลานประลองอีกครั้งหนึ่งและเธอก็เห็นคาเอวเลือกดาบที่ยาวกว่าเธอมากมายืนรอเธออยู่แล้ว ดวงตาสีทองมองดาบในมือของเพื่อนร่วมห้องของตนเองอย่างพิจารณา
เธอกับคาเอวต่างก็ใช้ดาบที่เป็นอาวุธประชิดทั้งคู่ ดาบในมือของคาเอวจะกินบริเวณในการฟันและการป้องกันมากกว่าแต่ก็ใช้ว่าคนที่เสียเปรียบจะเป็นเซน มันขึ้นอยู่กับว่าใครจะดึงจุดอ่อนของอีกฝ่ายมาคุมเกมก่อนกันคนๆนั้นถึงจะได้เปรียบ
ทว่าคิดมาถึงตรงนี้เซนก็ต้องรีบสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นออกไปเพราะเธอไม่มีสิทธิจะได้เปรียบคาเอว ตราบใดที่เรสั่งให้เธอแพ้เธอก็ต้องแพ้
“นายว่าใครจะชนะ” ฟรอสถามขึ้นอย่างอารมณ์ดีแต่ในใจมีคำตอบไว้แล้วว่าต้องเป็นเซนแน่นอน ก็เด็กสาวคนนั้นเป็นนักล่าอันดับสองเลยนะถ้าไม่ใช่เรก็อย่าหวังเลยว่าจะมีใครชนะเด็กสาวคนนั้นได้
“ผมว่าคุณคาเอวครับเพราะผมได้ยินคุณเรสั่งให้คุณเซนแพ้” คำตอบของคาไมเคิลทำเอาฟรอสหันไปมองนักฆ่าอันดับหนึ่งอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไมละเร...นายน่าจะให้เซนแสดงฝีมือให้เต็มที่เพื่อจะไม่ให้ใครมายุ่งกับเธอไม่ดีกว่าเหรอ” นักล่าอันดับสามไม่เข้าใจความคิดของเด็กหนุ่มคนนี้เลยสักนิด
“โง่... ยิ่งแสดงความสามารถออกมาก็จะยิ่งโดนเพ่งเล็ง” เสียงเย็นเอ่ยออกมาเมื่อวางแผนบางอย่างไว้ในใจ
การที่ไม่ให้แสดงฝีมือก็เพื่อจะได้ไม่ถูกเพ่งเล็งและจะได้ไม่มีใครสนใจ เมื่อไม่มีใครสนใจเวลาทำอะไรก็จะสะดวกขึ้น บางทีเซนอาจจะหลุดรอดจากสายตาของอาจารย์ใหญ่ที่หมั่นตรวจพฤติกรรมพวกเขาอย่างลับๆก็เป็นได้
“แต่พวกนายต้องชนะ” คำสั่งเสียงเย็นดังมาอีกครั้งทำเอานักล่าชายที่ได้ฟังพากันงุนงง เมื่อกี้ยังบอกอยู่เลยว่าอย่าทำตัวเด่น
แม้จะเห็นสายตางุนงงของเพื่อนทั้งสองเรก็ยังมองเมินอย่างไม่สนใจไยดีจนฟรอสชักหมั่นไส้ ถ้าเป็นเซนหมอนี่ยังจะเมินแบบนี้หรือเปล่า คิดได้อย่างเดียวเพราะชาตินี้ทั้งชาติพวกเขาก็คงไม่มีวันเป็นเซนไปได้หรอก
“เพราะอะไรครับคุณเร” คราวนี้คาไมเคิลถามออกมาบ้างทำเอาเรหันมามองอย่างเย็นชา ราวกับว่าในสายตาของนักล่าอันดับหนึ่งพวกเขาไม่มีค่าเลย
“ฉันจะใช้พวกนายและตัวเองเป็นตัวล่อ” คำตอบของนักล่าอันดับหนึ่งทำเอาพวกเขาอดขนลุกขึ้นมาไม่ได้ เป็นตัวล่ออย่างนั้นหรือ
ท่ามกลางเสียงดาบที่ปะทะกันอยู่บนลานประลองและเสียงเชียร์ของเพื่อนๆทุกคนนักล่าอันดับสามและอันดับหกกลับได้ยินเพียงคำพูดของนักล่าอันดับหนึ่ง คำพูดนั้นช่างเย็นชาราวกับพวกเขาไม่มีค่าอะไรให้ต้องสนใจ...ไม่มีค่าแม้แต่จะทำให้คนๆนี้เหลียวมามอง
เมื่อวางเซนให้พ้นจากสายตาก็ต้องมีตัวดึงดูดสายตาให้แผนที่วางไว้ดีขึ้นและคนที่จะดึงดูดสายตาพวกนั้นจะต้องเป็นพวกเขาสามคน คนๆนี้จะน่ากลัวไปถึงไหนกันเพียงแค่ให้เด็กสาวคนนั้นปลอดภัยคนรอบข้างจะเป็นยังไงก็ได้อย่างนั้นหรือ
ไม่ใช่สิ...ไม่ใช่เพียงแค่คนรอบข้าง แม้แต่ตัวเองเรก็ยังยอมเป็นตัวล่อ ทั้งหมดนี่ก็เพื่อเด็กสาวคนนั้นเพียงคนเดียว
“มันคือสิ่งที่ให้พวกเราพิจารณาหรือคำสั่ง” ฟรอสกัดฟันถามพลางมองใบหน้าราบเรียบของเรฟานอฟ
นายน่ะเคยเห็นพวกเรามีค่าหรือไม่ หรือเห็นพวกเราเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งที่จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น
เสียงปะทะดาบของเซนาเรียสยังดังมาไม่หยุดแต่คนรอคำตอบกลับได้ยินเพียงเสียงหัวใจของตนเองเท่านั้น จะให้พวกเขาทำจริงๆหรือ
เคร้ง... เสียงคาเอวปัดดาบในมือของเซนจนหลุดไปกองกับพื้นก่อนจะใช้ดาบไม้ในมือของตนเองจ่อคอหญิงสาว ทว่าเสียงนั่นไม่ได้เข้าหูฟรอสและคาไมเคิลเลยแม้แต่น้อยเพราะในสมองของพวกเขามีเพียงคำพูดของนักล่าอันดับหนึ่งเท่านั้น
“คำสั่ง!!” เสียงเฮของเพื่อนๆที่ดังขึ้นยามเมื่อคาเอวเป็นฝ่ายชนะราวกับจะกลบบทสนทนาทั้งหมดของนักล่าทั้งสามทว่าเรก็ได้ยินคำตอบของนักล่าอันดับสามกับนักล่าอันกับหกชัดเจน
“ถ้ามันเป็นคำสั่งของนักล่าอันดับหนึ่ง...พวกเราก็พร้อมปฏิบัติตาม”
