บท
ตั้งค่า

กุญแจดอกที่ 3 : พระคู่หมั้น

ทรมาน...การที่ได้แต่ร่ำร้องตะโกนเรียกใครสักคนอยู่ภายใน

ในขณะที่ต้องมามองทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างห้ามอะไรไม่ได้

หยุดไม่ได้...แม้จะอ้อนวอนเท่าไหร่ก็ไม่เกิดผล

มือเล็กนั่นเอื้อมไปจนสุดแขนหวังให้มีใครเห็นและฉุดออกไปหาอิสรภาพ

ทว่าไม่มีใครสักคนที่จะสังเกตเห็น...และไม่มีใครที่จะช่วยได้

อิสรภาพ...อิสรภาพที่เฝ้ารอ...

หรือว่าอิสรภาพที่แท้จริงนั้น...มันไม่มีมาตั้งแต่ต้นกันแน่

•.★*... ...*★.•

ดวงตาสีนิลขององค์ราชินีมาอาน่ามองเด็กหญิงผมชมพูผ่านกระจกใสไม่วางตา ภาพเด็กน้อยยามยิ้มให้เธอเมื่อพบกันครั้งแรกยังคงติดตาไม่ลืม และเมื่อเห็นเด็กคนนั้นทำหน้าเศร้ายามมองเข้าไปในนั้นเธอไม่เคยเข้าใจเลยว่าเพราะอะไร เหตุใดถึงทำท่าเจ็บปวดขนาดนั้น พระนางไม่เคยเข้าใจจนมาถึงเวลานี้

“เด็กคนนั้นทรมานแบบนี้มาตลอดเลยหรือ” ราชินีมาอาน่าครางออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ มันน่าเจ็บปวดยามเมื่อเห็นเด็กน้อยคนนั้นพยายามกระชากโซ่ให้หลุด และการกระทำนั้นมันทำให้เลือดยิ่งทะลักออกมาจากข้อมือและข้อเท้ามากกว่าเดิม เลือดสีสดไหลลงมาเป็นสายก่อนจะหยดกระทบกับพื้นย้อมให้พื้นแดงฉาน

หากไม่ได้เห็นและหากไม่เคยเป็นก็คงไม่เข้าใจความเจ็บนี้หรอก...ไม่มีทางเข้าใจเลย

“เป็นแบบนี้มาตลอดและจะเป็นไปเรื่อยๆจนกว่าจะพบผู้ถูกเลือกของตนเอง ไม่ใช่แค่เด็กคนนี้แต่คนในราชวงศ์แห่งโซเวียทุกคนล้วนต้องเคยเป็น เพราะนี่คือตราปาบที่ติดตัวพวกเรามาตั้งแต่เกิด” องค์ราชาคาเรียสพูดพลางหลับตาลงอย่างขมขื่น เพราะพวกเรามีพลังมหาศาลและพลังมหาศาลก็ต้องแลกมาด้วยการที่ไม่อาจควบคุมปีศาจในร่างกายได้ และนี่ก็คือบทลงโทษของพวกเราที่ไม่อาจควบคุมมันได้

ช่างเจ็บปวดและทรมาน พวกเราได้แต่ร้องเรียกขอให้ใครช่วยเหลืออยู่ข้างในในยามที่ปีศาจเข้ายึดร่าง ร่ำร้องอยู่คนเดียวในที่มืดมิดและว่างเปล่า ขอแค่มือคู่เดียวเท่านั้น มือของใครก็ได้ที่จะฉุดพวกเราให้หลุดพ้นจากฝันร้ายนี้ไปได้ แต่คำขอนั้นมันเป็นจริงยากเหลือเกิน พวกเราขอมากไปงั้นหรือ เหตุใดมันจึงไม่เป็นจริงเสียที ยิ่งร่ำร้องขอมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งมีแต่ความว่างเปล่าจนพวกเราชักจะท้อ

“แล้วจะเป็นเหมือนเดิมเมื่อไหร่” มาอาน่ายังคงถามด้วยความหวาดหวั่นและสงสารเด็กน้อยคนนั้น

“ตราบจนทิวามาเยือนขับไล่ความมืดแห่งราตรีกาลให้หมดไป” องค์ราชินีวาเนชาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น คนทั้งสามนั้นไม่มีท่าทางหวาดหวั่นราวกับว่าเคยเห็นเหตุการณ์ตรงหน้ามาแล้ว

เมื่อใดที่เห็นเลือดในยามกลางคืนก็จงอดกลั้นจนมาถึงห้องนี้แล้วพันธนาการตนเองด้วยโซ่ก่อนที่ปีศาจร้ายในร่างกายจะหลุดออกมา ที่นี่คือที่ปลดปล่อยปีศาจร้าย ไม่จำเป็นต้องอดทนเพราะพยายามจะห้ามมันไม่ให้ออกมา ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวว่ามันจะไปทำร้ายใคร

แต่จงทรมาน...จงทรมานเมื่อยามตื่นขึ้นมาแล้วเห็นบาดแผลเต็มร่างของตนเอง จงทรมานเมื่อรับรู้ว่าไม่ว่าจะพยายามร้องเรียกตะโกนเท่าไหร่ก็จะไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วย ต้องทรมานอยู่แบบนั้นจนกว่าแสงแห่งวันใหม่จะมาเยือนเพื่อขับไล่ความมืดมิดของวันเก่า

“นี่เอรีสเคยเห็นแบบนี้มาก่อนหรือ” เมื่อเห็นคนรักของตนเองยังนิ่งได้มาอาน่าก็อดจะถามออกมาไม่ได้

“เคยครั้งหนึ่ง ตอนนั้นฉันเป็นเด็กหนึ่งในเก้าคนที่มาให้คาเรียสเลือก และตอนหมอนั่นเป็นปีศาจ คาเรียสดันเลือกกระโจนเข้าหาฉันตั้งใจจะฆ่า แต่เมื่อวาเนชาเดินเข้ามาหมอนั่นก็หยุดตัวเองลงแล้วปีศาจในร่างก็หายไปด้วย” องค์ราชาเอรีสบ่นออกมาผิดนิสัยของตนเอง เพราะเขายังจำเรื่องในตอนนั้นได้เป็นอย่างดี เด็กห้าขวบที่เป็นถึงรัชทายาทเกือบจะถูกปีศาจร้ายฆ่าตาย ต่อให้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนพระองค์ก็ลืมไม่ลงหรอก เหตุการณ์เฉียดตายแบบนั้นน่ะ

“เรื่องนานขนาดนั้นจะจำไปทำไม รกสมองเปล่าๆ” ผู้พยายามฆาตกรรมคนอื่นโบกมือไปมาเพื่อบอกให้ผู้เป็นเพื่อนลืมๆไปซะแต่องค์ราชาแห่งดาร์กเซสกลับเค้นเสียงออกมาพลางสะบัดหน้าหันกลับไปมองเด็กน้อยผมชมพูราวกับบอกว่าเรื่องเสี่ยงตายแบบนั้นใครจะไปลืมลง

“เฮอะ คนอะไรช่างแค้น” คาเรียสพึมพำออกมาราวกับหมั่นไส้เพื่อนนักหนา ถึงเรื่องนั้นมันจะน่าแค้นจริงๆก็เถอะนะ

“สรุปว่าเด็กที่พวกนายเอามาไม่มีใครเป็นผู้ถูกเลือกสินะ” องค์ราชาคาเรียสถามพลางปรายตาไปมองเด็กทั้งเจ็ดคนที่ยืนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวอยู่ข้างหลัง

นี่ลูกสาวของเขาจะโชคร้ายหรือ ทั้งที่ในประวัติศาสตร์ไม่เคยมีแต่ลูกสาวของเขาจะเป็นคนแรกที่ไม่มีผู้ถูกเลือก นั้นแปลว่าลูกของเขาจะต้องทรมานอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ทรมาน...และไร้อิสรภาพไปทั้งชีวิต ผู้เป็นพ่อคิดทว่าเขาจะช่วยอะไรลูกสาวคนนี้ได้ ที่ทำได้มีเพียงแค่ยืนดูอย่างนั้นหรือ ยืนดูความทรมานของลูกสาวขณะที่เขาเจ็บปวดกว่าหลายเท่า

“เหลืออีกคนหนึ่ง แต่ไม่รู้ตอนนี้หายหัวไปไหน ทั้งที่งานมันเริ่มไปตั้งนานแล้วแท้ๆ” ราชินีมาอาน่าบ่นออกมาแต่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเหมือนกับทุกคนเมื่อเสียงกระจกด้านในแตกดังลั่น

หน้าต่างที่เคยแข็งแกร่งและทนทานยิ่งกว่าเหล็กกล้าบัดนี้แตกละเอียดไม่มีชิ้นดี สายลมพัดเข้ามาทางกระจกหน้าต่างที่แตกละเอียดอัดทุกอย่างที่ขวางหน้ารวมทั้งพัดเศษกระจกให้ปลิววอน สายลมยังคงกระชากตัวไปมาในห้องราวกับโกรธเกรี้ยว

ท่ามกลางสายลมที่พัดกระหน่ำ ท่ามกลางเศษกระจกที่ปลิวอยู่ในอากาศกลับปรากฏร่างเล็กของเด็กชายคนหนึ่ง ท่าทางของเด็กน้อยดูสุขุมเยือกเย็น ผมสีดำสั้นปลิวไปกับสายลมโดยรอบ ดวงตาสีนิลมองเด็กหญิงที่ถูกพันธนาการด้วยโซ่ทั้งๆที่เลือดสีแดงฉานยังคงไหลออกจากข้อมือและข้อเท้าไม่หยุด แม้ว่าเด็กชายจะมองทุกอย่างด้วยสายตาเย็นชาแต่สายลมรอบด้านกลับทวีกำลังขึ้นเป็นเท่าตัวราวกับจะประกาศความโกรธเกรี้ยวของเด็กชายที่มากขึ้นไปด้วย

“เร!!” เสียงหวานของราชินีมาอาน่าเอ่ยเรียกเด็กชายที่อยู่ท่ามกลางพายุ ทำไมเรถึงไปอยู่ตรงนั้น แล้วลูกเธอกำลังโกรธอะไร องค์ราชินีมาอาน่าคิดอย่างหวาดหวั่นเมื่อเธอไม่เคยเห็นลูกชายโกรธมากมายขนาดนี้มาก่อน

ดวงตาสีดำสนิทของเร หรือเรฟานอฟ เดริอัสเจ้าชายแห่งดาร์กเซสหันไปมองรอบห้องเมื่อได้ยินเสียงเรียกของมารดา

“พวกท่านกำลังเล่นสนุกอะไรถึงเอาเด็กคนนี้มาขังแบบนี้” เสียงเย็นของเด็กชายเอ่ยถามช้าๆ ดวงตาสีนิลคมกริบกำลังจับจ้องผู้สูงศักดิ์อย่างเอาเรื่อง

เรไม่เข้าใจ เด็กคนนี้ทำความผิดถึงขั้นอภัยให้ไม่ได้เลยงั้นหรือถึงต้องจับล่ามโซ่ไว้แบบนั้น เรไม่รู้แต่ที่ตอนนี้เขารู้คือความโกรธที่แทบจะปะทุออกมา ทั้งที่คนอย่างเขาไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อนในชีวิต

“องค์ชายออกห่างจากเด็กคนนั้นเถอะ เด็กคนนั้นมันปีศาจ” เสียงเด็กหนึ่งในเจ็ดที่เข้ารับการทดสอบตะโกนออกมาโดยมีเด็กคนอื่นสนับสนุนแต่องค์ชายที่ทุกคนพยายามห้ามกลับยืนนิ่งไม่ขยับไปไหนแม้แต่น้อย

เด็กชายหันกลับไปมองเด็กหญิงที่หยุดอาระวาดแล้วหันมามองเขาเช่นกัน เขาจำดวงตาสีทองคู่นั้นได้ แต่ดวงตาสีทองที่เขาจำได้มันไม่ได้เย็นชาและดูสูงศักดิ์ดุจนางพญาที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดอย่างโดดเดี่ยวแบบนี้ ดวงตาสีทองคำที่เขาจำได้คือดวงตาที่สดใสและพราวระยับราวกับดวงดาว ดวงตาที่เคยละลายกำแพงอันแข็งแกร่งในใจของเขา

“ทำไมถึงเป็นเธอ...” เสียงเด็กชายพูดกับเด็กหญิงเป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้ามาอย่างไม่อยากเชื่อ รอยยิ้มเย็นชาเหยียดออกจากริมฝีปากของเด็กหญิงอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับที่ดวงตาสีทองทอประกายวาววับ

“สุดท้ายก็เจอจนได้นะ ผู้ถูกเลือก” เสียงใสเย็นเยียบเอ่ยขึ้นแทนคำทักทายเป็นคำแรกแต่คำว่าผู้ถูกเลือกทำให้ทุกคนมีสีหน้ายินดีเพราะพวกเขากำลังรอคอยคำๆนี้อยู่

“งั้นก็เอาเด็กคนนั้นคืนมา เอาเซนคืนมา!!” เสียงเย็นกลับเข้มขึ้นจนเป็นตะโกน ความกดดันเริ่มทวีขึ้นอย่างน่ากลัว เขาต้องการเด็กหญิงผมชมพูที่เขาเจอครั้งแรกคืน

ในตอนที่ทำแผลให้พอเขาถามชื่อ เด็กหญิงก็บอกเพียงแค่ชื่อว่าเซนแล้วรีบจากไปทำให้เขาแอบหวังลึกๆว่าจะได้เจอกันอีก แต่ไม่นึกเลยสักนิดว่าจะต้องมาเจอกันในสภาพแบบนี้

เด็กหญิงของเขาควรจะมีรอยยิ้มร่าเริง มีดวงตาสีทองที่ทอประกายงดงามและมีท่าทางอ่อนโยนที่ทำให้คนรอบข้างเพียงได้เห็นก็มีความสุข ไม่ใช่ท่าทางเยือกเย็นแต่อันตราย เหมือนปีศาจร้ายที่ชโลมไปด้วยเลือดแบบนี้

“ฮึ ใจร้อนไปทำไม ยังไงก็ต้องคืนให้อยู่แล้ว” เสียงเย็นชาของเด็กหญิงผมชมพูพูดขึ้นทว่าเจ้าตัวก็ต้องกลืนคำพูดนั้นลงคอเมื่อดาบเล่มหนึ่งของเรปักฉึกลงตรงพื้นเบื้องหน้า มองแทบไม่ทันแม้แต่ตอนที่เด็กชายชักดาบออกจากฝัก

ดวงตาสีทองเย็นชาจับจ้องคนตรงหน้าที่แผ่ความกดดันออกมาเต็มเปี่ยมทำเอาปีศาจอย่างมันอดกลัวขึ้นมาไม่ได้ สมกับเป็นผู้ถูกเลือก เด็กหญิงผมชมพูถอยหลังออกมานิดก่อนจะพูดออกมาเป็นครั้งสุดท้ายด้วยน้ำเสียงสมเพชเสียเต็มประดา แต่ทั้งหมดนั้นก็เพื่อปกปิดความหวาดกลัวของตัวเอง

“ฮึ... ช่างน่าสมเพช พวกตระกูลราชวงศ์แห่งโซเวียเฝ้าใฝ่ฝันถึงอิสรภาพที่สมบูรณ์ แต่ต่อให้เจอผู้ถูกเลือกมันก็ยังไม่ใช่อิสรภาพที่สมบูรณ์อยู่ดี จงจำไว้ตระกูลแห่งโซเวียเอ๋ยพวกเจ้าไม่มีวันได้พบหรอก อิสรภาพที่แท้จริงน่ะ” เสียงใสของเด็กน้อยดังก้องราวกับว่าปีศาจคนนั้นกำลังตอกย้ำเซนาเรียสที่ยังคงรับรู้อยู่ภายในจิตใจแต่ไม่สามารถออกมาทำอะไรได้ ทว่าคำพูดนั้นไม่ได้แค่ตอกย้ำแค่เจ้าหญิงองค์เดียวแต่เสียดแทงใจขององค์ราชาคาเรียสด้วย

ปีศาจตรงหน้าพูดถูก แม้ตอนนี้ทั้งตนและลูกสาวจะไม่คลุ้มคลั่งยามเมื่อเห็นเลือดในตอนกลางคืนแล้วแต่นั่นก็ไม่ใช่อิสรภาพที่ใฝ่หาอยู่ดี ในเมื่อถ้าต้องการสะกดปีศาจร้ายก็จำต้องมีผู้ถูกเลือกจากตระกูลราชวงศ์แห่งดาร์กเซสคอยอยู่ข้างๆและที่ทำได้ก็เพียงแค่สะกดมันไม่ให้ออกมาอาระวาดเท่านั้น สุดท้ายปีศาจร้ายก็ยังจะอยู่ในร่างไม่หนีหายไปไหน รอเพียงแค่ไม่ได้อยู่กับผู้ถูกเลือกและได้เห็นเลือดมันก็จะดิ้นรนออกมาเหมือนเช่นเคย

ร่างเล็กของเด็กหญิงผมสีชมพูทรุดฮวบลงไปกับพื้นเมื่อปีศาจร้ายกลับเข้าไปอยู่ในส่วนลึกของจิตใจและผลักเซนาเรียสออกมาแทนที่ เรฟานอฟรีบเอื้อมมือออกไปอย่างไม่ต้องคิดเพื่อรับร่างของเด็กหญิงเข้ามาในอ้อมกอดของตนเอง

เด็กชายวางเด็กหญิงลงบนพื้นอย่างแผ่วเบาก่อนจะรีบลงมือปลดโซ่ที่ข้อมือและข้อเท้าให้แล้วลงมือรักษาบาดแผลทันที เซนค่อยๆลืมตาขึ้นมามองเมื่อสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่บาดแผลของตนเอง

“ไม่เป็นไรนะ” เสียงของเด็กชายที่เซนจำได้ดีเอ่ยถามขึ้นก่อนดวงตาสีนิลจะหันมามอง ถ้าเธอตาไม่ฝาดเธอคิดว่าเธอเห็นดวงตาสีนิลที่เคยเย็นชาฉายแววเป็นห่วงออกมาให้เห็น

“นายคนเมื่อวานนั่นเอง” เสียงใสเอ่ยออกมาพร้อยรอยยิ้มที่เรชักจะหลงไปกับมัน และเด็กชายก็ต้องขยับยิ้มนิดๆเมื่อเขาเห็นดวงตาสีทองสดใสร่าเริงเหมือนกับที่เขาเห็นครั้งแรก

เขาชอบดวงตาสีทองคู่นี้ เขาชอบรอยยิ้มของเด็กคนนี้และเหนือสิ่งอื่นใด เขาชอบเด็กคนนี้ตั้งแต่แรกพบ

“ฉันเรฟานอฟ เดริอัสเจ้าชายแห่งดาร์กเซส จะเรียกเรก็ได้” คำแนะนำตัวที่ได้ยินทำให้เซนาเรียสเอียงหัวด้วยความสนใจ ก็องค์ชายแห่งดาร์กเซสน่ะขึ้นชื่อเรื่องความเย็นชาและโหดเหี้ยมจะตาย แต่คนตรงหน้าดูทางไหนก็ไม่เห็นเป็นแบบนั้นเลยสักนิด เพราะถ้าเย็นชาจริงคงไม่ช่วยเหลือเธอแบบนี้แน่ บางทีข่าวลือก็เชื่อไม่ได้จริงๆ

“ฉันเซนาเรียส เอน่อนเจ้าหญิงแห่งโซเวีย เรียกสั้นๆว่าเซนก็ได้” เสียงใสเอ่ยแนะนำตัวอย่างเป็นทางการเช่นกันก่อนจะจับมือของเด็กชายขึ้นมาแนบแก้มของตนเอง

“มือข้างนี้แหละ...” เสียงพึมพำเบาๆขณะดวงตาสีทองฉายแววเศร้า

“มือข้างนี้แหละที่ฉันรอคอยให้มันฉุดฉันให้ตื่นขึ้นมา...” ใบหน้าน่ารักนั่นค่อยๆอาบไปด้วยน้ำตาที่ไหลลงมาจากดวงตาคู่สีทองทำเอาเรถึงกับใจหาย

“ฉันรอมานานมากจริงๆ...” เซนพูดพลางยิ้มให้ทว่าน้ำตากลับไหลนองเต็มหน้า

ได้แต่เฝ้ารอด้วยความทรมาน ได้แต่ดิ้นรนอยู่ในที่มืดมิดนั่น ขอแค่มือเพียงคู่เดียว มือเพียงคู่เดียวเท่านั้นที่จะฉุดเธอออกจากฝันร้าย แต่แม้จะพยายามกรีดร้องเท่าไหร่ก็ไม่มีมือคู่ใดมาฉุดเธอออกไปได้เลยสักนิด

ขอแค่มือคู่หนึ่ง ขอแค่ใครสักคน เธอสัญญา เธอจะปกป้องคนๆนั้นอย่างดี จะเชื่อเขา จะอยู่เคียงข้าง แม้เขาจะเป็นคนที่ทุกคนหวาดกลัว หรือแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ทั้งโลกเกลียดชังก็ตาม

“ขอบคุณนะ...ขอบคุณที่ปลดปล่อยฉันออกจากฝันร้ายนั่นเสียที” เสียงหวานเอ่ยขอบคุณแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆหลับไปในอ้อมกอดของเรฟานอฟที่กระชับให้แน่นขึ้น

ต่อให้ไม่ใช่อิสรภาพที่สมบูรณ์ก็ไม่เป็นไร สำหรับเธอเพียงแค่นี้ก็ราวกับเป็นฝันที่กลายเป็นจริงแล้ว

เรมองเด็กหญิงในอ้อมแขนของตนเอง ต่อให้ใครบอกให้เขาปล่อยคนในอ้อมแขนนี่เขาคงไม่มีวันปล่อยได้อีกแล้ว ได้โปรดมอบเด็กคนนี้ให้กับเขาเถอะ...ขอเด็กคนนี้ให้กับเขา เขาสัญญาว่าเขาจะดูแลเธอ เขาจะปกป้องเธอและเขาจะเป็นคนที่รักเธอเอง

“ฝันดีนะ...เพราะเมื่อใดที่ฝันร้าย ฉันจะเป็นคนฉุดเธอขึ้นมาเอง” มันคือคำสัญญาชั่วชีวิตของเจ้าชายเรฟานอฟ เดริอัสแห่งดาร์กเซส

•.★*... ...*★.•

แสงแห่งทิวากรยามเช้าเริ่มแต่งแต้มบนท้องนภาขับไล่ความมืดมิดของยามราตรีกาลให้หมดไป เช้าของวันรุ่งขึ้นหลังจากผ่านพ้นค่ำคืนอันโหดร้ายไปแล้วก็ยังคงเป็นเช้าที่สวยงาม เหล่านกกาพากันบินออกจากรังเพื่อออกหากินเช่นเดียวกับเจ้าหญิงแห่งโซเวียที่ตื่นขึ้นมารับอากาศบริสุทธิ์ในยามเช้า เด็กหญิงผมชมพูเดินออกจากห้องตรงไปยังห้องอาหารทันทีที่จัดการธุระส่วนตัวของตนเองเรียบร้อย

เซนค่อยๆเปิดประตูเข้าไปในห้องอาหารช้าๆ ดวงตาสีทองคำสดใสกวาดไปมองทุกคนในห้องที่นั่งกันอยู่พร้อมหน้า

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” เซนเอ่ยออกมาเสียงใสเรียกความสนใจของทุกคนได้ดี

“ตื่นแล้วหรือหนูเซน มานั่งนี่มา” เสียงหวานขององค์ราชินีมาอาน่าเรียกพลางตบเก้าอี้ข้างๆเรที่ว่างอยู่ตัวเดียวในห้อง

เซนทำหน้างงนิดหน่อย เพราะภายในห้องโต๊ะจะแบ่งออกเป็นสองฝั่ง คือฝั่งเจ้าบ้านและฝั่งของแขกผู้มาเยือน แล้วทำไมเธอถึงต้องไปนั่นฝั่งดาร์กเซสละ แม้ในใจจะถามอย่างนั้นแต่เด็กหญิงก็เดินไปนั่งตามคำชวนอย่างว่าง่าย

คนเป็นราชาและราชินีแห่งโซเวียมองลูกของตนอย่างเศร้าใจ พวกเขาเข้าใจความหมายดีว่าเหตุใดลูกสาวถึงต้องไปนั่งอยู่ตรงนั้น

“พวกนายจะเอายังไงกับเซน” เมื่อเซนนั่งที่เรียบร้อยบทสนทนาพาเครียดบนโต๊ะอาหารยามเช้าก็ถูกองค์ราชาเอรีสเปิดประเด็นขึ้นมาทันทีราวกับว่ากำลังรอให้เธอมานั่งฟังด้วย เจ้าของชื่อได้แต่ทำหน้างง มันหมายความว่ายังไงกัน

“ก็ฉันไม่อยากให้เซนไปอยู่ดาร์กเซสนี่” องค์ราชินีวาเนชาเอ่ยออกมาด้วยท่าทางเศร้าๆ ก็เธอไม่อยากให้ลูกสาวไปอยู่ไกลตาเธอ

“แต่มันเป็นกฎนี่นา เด็กที่ถูกเลือกจะต้องอยู่ด้วยกันโดยเฉพาะเวลากลางคืน” ราชินีมาอาน่าแย้งเพราะเอรีสเคยเล่าให้เธอฟังว่าขนาดวาเนชายังต้องย้ายมาอยู่ที่นี่เลย

“แต่ว่า...” องค์ราชินีแห่งโซเวียเถียงไม่ออกเพราะมันคือความจริง แต่ว่าจะให้ส่งลูกน้อยออกจากอ้อมกอดงั้นหรือ...เธอทำไม่ได้นี่

เซนที่ฟังมาแต่ต้นเพิ่งจะรู้ตอนนี้เองว่าเหตุใดเธอจึงถูกจัดให้มานั่งฝั่งนี้ เพราะต่อแต่นี้ไปดาร์กเซสต่างหากที่จะเป็นบ้านที่เธอต้องอาศัย พอคิดถึงเรื่องนี้เด็กหญิงกลับอดใจหายขึ้นมาไม่ได้

“ต้องไปจริงๆหรือ...” เสียงใสถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ ดวงตาสีทองฉายแววเศร้าร่ำๆจะร้องไห้ทำเอาทุกคนในห้องใจหายวาบพร้อมกับขยับตัวอย่างอึดอัด แต่เซนก็ต้องรีบหันไปมองเรเมื่อเด็กชายยกมือขึ้นลูบหัวเธอราวกับจะปลอบโยนแล้วพูดออกมา

“เซนจะอยู่นี่ก็ได้ แล้วฉันจะมาหาเธอเอง” เสียงนุ่มปลอบทำให้สีหน้าของเด็กหญิงดีขึ้น องค์ราชินีมาอาน่าแอบหันไปสบถอย่างหัวเสีย ลูกคนนี้พูดออกไปแบบนั้นทำไม เธออุตส่าห์หาลูกสาวได้ทั้งที อีกนิดเดียวก็จะดึงตัวไปอยู่ด้วยได้แล้วแท้ๆ

“ขอบใจ...ฉันชอบนายที่สุดเลยเร!!” เด็กหญิงผมชมพูพูดออกมาพร้อมกับกอดเด็กชายแน่น ทำเอาเรต้องหันหน้าไปทางอื่นเพื่อซ่อนใบหน้าที่แดงก่ำของตนเองท่ามกลางสายตาหมั่นไส้ของผู้เป็นแม่

“เอาเถอะ ยังไงก็ต้องหมั้นอยู่แล้ว หนูเซนจะอยู่ที่นี่หรืออยู่ที่ดาร์กเซสมันก็ไม่ต่างกันหรอก” ราชินีมาอาน่าพูดออกมาเหมือนจะปลอบตนเองไม่ใช่ใครอื่น

เอาเถอะถึงจะไม่ได้ถูกเรียกว่าแม่คะทุกวันแต่ยังไงเธอก็ได้ลูกสาวเพิ่มมาหนึ่งคนตามใจอยากแหละนะ แต่ลูกเธอมันลงทุนมากเลยน่ะนั่น ให้หนูเซนอยู่กับครอบครัวตนเองส่วนเรฟานอฟจะมาที่นี่ทุกวัน ในเมื่อเรคือรัชทายาทแห่งดาร์กเซสไม่ว่ายังไงก็จะมาอยู่ที่นี่แบบถาวรไม่ได้ คิดพลางมองเจ้าลูกชายของตนเองอย่างเซ็งปนหงุดหงิดเล็กๆ ก็เธออยากได้ลูกสาวอย่างหนูเซนมาเรียกแม่คะบ้างนี่แต่ไอ้ลูกชายตัวดีของเธอดังทำพังไม่เป็นท่า

ขณะที่องค์ราชินีมาอาน่ากำลังหงุดหงิด องค์ราชินีวาเนชากลับถอนหายใจออกมาอย่างยินดีแล้วเริ่มนึกชอบลูกชายของเพื่อนคนนี้ขึ้นมาอีก ถ้าเซนถูกปกป้องโดยเด็กคนนี้ก็คงน่าวางใจอยู่หรอก

องค์ราชาคาเรียสมองลูกสาวตนเองที่กอดลูกชายของเพื่อนสนิทพลางบอกว่าชอบได้อย่างเต็มปากเต็มคำแล้วอยากจะไว้อาลัยให้เรฟานอฟเสียเหลือเกิน

“ฉันละสงสารลูกชายนายจริงๆเอรีส” คาเรียสพูดออกมาเสียงเบาให้เพื่อนสนิทได้ยินเพียงคนเดียว โดยที่สายตายังไม่ละจากใบหน้าแดงเรืองของเรฟานอฟซึ่งไม่สมกับเป็นองค์ชายที่ถูกเล่าลือว่าเย็นชาและโหดเหี้ยมที่สุด

“ลูกชายนายคงหลงรักลูกสาวฉันเต็มเปาเลยสินะ” องค์ราชาคาเรียสพูดออกมาซึ่งองค์ราชาเอรีสก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

“แต่ไม่เห็นจะน่าเสียใจเลย ลูกนายก็บอกชอบลูกฉันแล้วไม่ใช่เหรอ” องค์ราชาเอรีสแย้งอย่างไม่เข้าใจคำพูดของเพื่อนรักเลยสักนิด ไอ้เรื่องที่ลูกชายเขาหลงรักลูกสาวเพื่อนน่ะ เขาที่เป็นพ่อยอมมองออกอยู่แล้ว แต่ว่ามันน่าสงสารตรงไหนนี่สิที่เขายังมองไม่ออก

“ลูกสาวฉันรู้จักคำว่ารักที่ไหนกันเล่า คำว่าชอบที่พูดอยู่นั่นหมายถึงชื่นชมต่างหาก ฉันถึงบอกว่ากำลังสงสารลูกนายอยู่ไง” องค์ราชาคาเรียสพูดออกมาทำเอาองค์ราชาเอรีสชักเห็นด้วยเสียแล้ว

ให้ตายสิ ตระกูลราชวงศ์ดาร์กเซสของเขาจะต้องโดนคนในตระกูลราชวงศ์แห่งโซเวียปั่นหัวไปอีกนานเท่าไหร่กัน

และกว่าที่เรฟานอฟจะรู้ว่าคำว่าชอบของเซนแปลว่าชื่นชมก็หลังจากนั้นอีกสักพักใหญ่ๆเลยทีเดียว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel