กุญแจดอกที่ 4 : ภารกิจครั้งใหม่ (บทต้น)
ทั้งที่พยายามเหลือเกินที่จะไม่ให้ตนเองถูกปีศาจซึ่งอยู่ภายในร่างกลืนกิน
ทั้งที่พยายามจะมีชีวิตในฐานะมนุษย์ซึ่งไม่ใช่ปีศาจ
ทั้งที่พยายามขนาดนั้นแท้ๆ
แต่พวกเขาที่อยู่ตรงหน้ากลับบอกว่า...
พวกเขาต้องการปีศาจในร่างมากกว่าเธอที่เป็นมนุษย์
แล้วเธอควรจะทำยังไงดี...
•.★*... ...*★.•
สมาพันธ์นักล่าเป็นที่ที่รวบรวมนักล่าจากทั่วทุกทิศเอาไว้และยังเป็นที่ส่งมอบภารกิจสำคัญให้กับพวกนักล่าในระดับต่างๆ เมื่อใดที่มีเรื่องเกี่ยวกับปีศาจคนจากทั่วอาณาจักรก็จะขอความช่วยเหลือมาที่นี่และทางสมาพันธ์จะจัดหาคนออกไปจัดการปัญหาทันที
เป้าหมายเดียวของสมาพันธ์นักล่าคือการกำจัดปีศาจให้หมดไปจึงไม่แปลกที่ทางสมาพันธ์จะยอมทำทุกอย่างเพื่อกวาดล้างปีศาจ คัมภีร์เหนือเวทก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทางสมาพันธ์ค้นหามาตลอด และในปีนี้เองที่พวกเขาค้นพบว่ามันอยู่ที่ไหนหลังจากตามหามันมายาวนาน
สำหรับนักล่าแต่ละคนของที่นี่ล้วนแต่มีสมญานาม นกสื่อสารและตราสัญลักษณ์ประจำตัว เหล่านักล่าธรรมดาจะสามารถไต่เต้าขึ้นไปสูงสุดได้แค่อันดับที่สามเท่านั้น ส่วนอันดับหนึ่งและอันดับสองจะถูกเก็บเอาไว้สำหรับผู้ที่คู่ควรกับมันมากที่สุด
อันดับสองจะเก็บไว้ให้คนในตระกูลโซเวียที่แข็งแกร่งและมีพลังเวทมากที่สุด เหนือผู้มีรูปดอกกุหลาบสีขาวทุกคน ส่วนอันดับหนึ่งจะถูกเก็บเอาไว้ให้กับผู้มีรูปดอกกุหลาบสีดำซึ่งเป็นผู้ถูกเลือกจากคนในตระกูลราชวงศ์แห่งดาร์กเซส
นักล่าอันดับหนึ่งและอันดับสองล้วนเป็นตำนานมีชีวิตของที่นี่เลยก็ว่าได้ พวกเขามีสิทธิเหนือนักล่าทั้งมวล ถ้าหากพวกเขาคิดจะทำสงครามกับประเทศใดประเทศหนึ่งและสั่งให้นักล่าทุกคนมารวมกัน นักล่าทุกคนก็ต้องทำตามเพราะวาจาของสองคนนั้นคือประกาศิตที่ไม่ว่าใครก็ต้องปฏิบัติ
แต่น่าเสียดายที่มีนักล่าเพียงไม่กี่คนที่เคยเห็นนักล่าอันดับหนึ่งและอันดับสองในแต่ละรุ่น เพราะแม้นักล่าอันดับหนึ่งจะเคยถูกจับคู่กับนักล่าคนอื่นทว่าก็น้อยมากจนนับครั้งได้และส่วนมากคนที่ถูกจับคู่กับนักล่าอันดับหนึ่งจะเป็นนักล่าอันดับต้นๆทั้งนั้น
ส่วนนักล่าอันดับสองนอกจากจับคู่กับนักล่าอันดับหนึ่งแล้วก็ไม่เคยออกล่าคนเดียวหรือจับคู่กับคนอื่นโดยที่ไม่มีนักล่าอันดับหนึ่งเลยสักครั้ง ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันการอาระวาดของปีศาจร้ายภายในตัวของนักล่าอันดับสองที่ควบคุมไม่ได้
นักล่าทุกคนจะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้สัญลักษณ์ประจำตัวเหมือนหรือคล้ายของนักล่าอันดับหนึ่งหรืออันดับสองเด็ดขาดเพื่อป้องกันการแอบอ้าง ถ้าใครฝ่าฝืนกฎข้อนี้โทษมีสถานเดียวคือความตาย นั่นคือกฎเหล็กในสมาพันธ์ที่ต้องทำตามอย่างเคร่งครัดและกฎนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
สำหรับพวกนักล่าแล้วยิ่งตำแหน่งสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องเก่งกาจและแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้นแถมอำนาจภายในสมาพันธ์ก็ยังมีมากขึ้นไปด้วย จึงไม่แปลกเลยสักนิดถ้าจะเห็นการปะทะกันภายในสมาพันธ์บ่อยๆ
•.★*... ...*★.•
วันนี้ในปราสาทหลังยักษ์ที่ถูกสร้างเป็นสมาพันธ์นักล่ายังคงเป็นเหมือนทุกวันอย่างเช่นที่มันเป็น สายลมเบาๆพัดพาทำให้อากาศภายในสมาพันธ์กำลังเย็นสบาย แต่อากาศที่เย็นลงนั้นกลับไม่ได้ทำให้คนภายในสมาพันธ์เย็นลงตามไปด้วยเลยสักนิด
การปะทะกันของเหล่านักล่าเพื่อที่จะไต่เต้าขึ้นไปสู่จุดที่สูงที่สุดยังคงมีให้เห็นเรื่อยๆจนเป็นที่ชินตา เสียงการปะทะกันของอาวุธและเวทมนตร์ยังคงดังลอยเข้าหูเป็นระยะจนคนที่เดินอยู่ภายในสมาพันธ์ชักจะรำคาญ ดวงตาสีนิลเย็นชาเริ่มฉายแววหงุดหงิดออกมาจางๆทำเอาคนที่เดินมาด้านข้างต้องรีบปลอบให้ใจเย็นลง
“เอาน่าเร...อย่าไปคิดมาก ยังไงนายก็ไม่ได้เข้าสมาพันธ์แบบนี้ทุกวันสักหน่อย ทนๆไปสักนิด อย่าลดตัวลงไปหาเรื่องกับเจ้าพวกนั้นเลยมันไม่คุ้มกันหรอก” เสียงเพื่อนคนข้างๆตัวปลอบเสียยืดยาวเพราะกลัวใจร่างสูงทำเอาเรฟานอฟชักอยากเปลี่ยนเป้าหมายมาที่เพื่อนคนข้างๆแทนเพราะความรำคาญ
เพื่อนคนนี้มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขาคือสิบห้าปี เด็กหนุ่มคนนี้มีผมสั้นสีเขียวใบไม้และดวงตาสีมรกตที่เต้นระริกบ่งบอกว่าเจ้าตัวเป็นคนอารมณ์ดีเสมอ
“ถ้ายังพูด นายจะตายแทนพวกนั้น” เสียงเย็นเยียบดังมาพร้อมดวงตาสีดำสนิทที่บอกว่าเอาจริงไม่ได้ขู่ทำเอาฟรอส ธันเดอร์นักล่าอันดับสามแห่งสมาพันธ์นักล่าเจ้าของสมญาดาบมรณะอดจะหวั่นๆขึ้นมาไม่ได้ หมอนี่มันเป็นพวกพูดจริงทำจริงเสียด้วยสิ
“นายนี่มันเป็นพวกอำมหิตไม่เปลี่ยนเลยแหะ ขนาดเพื่อนยังฆ่าได้ลงคอ” ดวงตาสีนิลของเรเหลือบไปมองคนที่พูดออกมาเต็มปากเต็มคำว่าเป็นเพื่อนของเขาได้หน้าตาเฉยก่อนจะแสยะยิ้มออกมา
“เพื่อนไร้ประโยชน์” คำพูดที่ตอกกลับทำเอาฟรอสถึงกับชะงักไปทันทีเพราะมันช่างแทงใจสุดๆในเมื่อฝีมือของคนตรงหน้ามันดันทิ้งห่างเขาไปแบบไม่เห็นฝุ่น ว่าได้เจ็บมากเร
ฟรอสรีบสาวเท้าออกเดินอีกครั้งเมื่อทำใจได้แต่ก็เกือบจะโดนทิ้งเพราะนักล่าอันดับหนึ่งนั้นเดินนำไปไกลมากโดยไม่หันมาเหลียวแลเขาเลยสักนิด
มันก็น่าอึ้งอยู่หรอก เขาที่เป็นถึงนักล่าอันดับสามซึ่งอยู่อันดับสูงสุดของพวกนักล่าธรรมดาที่ไม่มีสิทธิพิเศษใดๆเหมือนคนตรงหน้า แต่ถูกกล่าวหาว่าไร้ประโยชน์อย่างที่ตนเองก็เถียงไม่ขึ้นเลยสักนิด น่าเศร้าใจจริง ต่อให้เขามีฝีมือมากขนาดนี้แต่คนตรงหน้ากลับเก่งกว่าจนเขาเทียบไม่ติด
“เมื่อไหร่นายจะหัดพูดดีๆกับฉันบ้างเนี่ย” ฟรอสพูดออกมาเมื่อไล่ตามร่างสูงของนักล่าอันดับหนึ่งทัน ตามทางที่พวกเขากำลังเดินอยู่มีพวกนักล่ามากมายที่เดินสวนกันไปมา แต่เมื่อเขาเดินผ่านทุกคนก็จำต้องหลบทางให้และก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาหาเรื่องเลยสักคนเดียวในเมื่อไม่มีใครกล้าจะมีเรื่องกับนักล่าอันดับสามหรอก ซึ่งเรที่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นนักล่าอันดับหนึ่งก็พลอยได้ผลประโยชน์ไปด้วย
เรฟานอฟอยากจะถอนหายใจออกมาเพราะความรำคาญก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบเช่นเคย
“นายไม่ใช่เซน” ง่ายๆสั้นๆและได้ใจความชัดเจน ในเมื่อเขาไม่ใช่เซนาเรียสก็ไม่มีวันที่คนข้างๆจะพูดดีกับเขาหรอก ไอ้พวกหลงคู่หมั้นตนเองจนโงหัวไม่ขึ้น
“เออ...พูดถึงเซนแล้วนึกขึ้นได้ เซนไม่ได้มาด้วยกันเหรอ” ฟรอสถามเพราะเรกับเซนจะไม่ค่อยแยกจากกัน จึงเป็นเรื่องปกติหากว่าเห็นเรที่ไหนก็จะเห็นเด็กสาวที่ชื่อเซนที่นั่น
“เซนมาก่อน” เรพูดแค่นั้นไม่ได้บอกเหตุผลว่าเหตุใดเซนาเรียสถึงมาก่อน แต่ไม่เป็นไรเอาไว้ถามฝ่ายหญิงก็ได้ในเมื่อเขาไม่กล้าง้างปากฝ่ายชาย มันน่ากลัวขนาดนี้เพราะฉะนั้นจะมาหาว่าเขาขี้ขลาดไม่ได้นะ ฟรอสได้แต่คิดแบบนั้นในใจอยู่เงียบๆ
แต่พอเดินไปสักพักคนทั้งสองก็ต้องหยุดลงเพราะตรงทางเดินที่พวกเขาต้องผ่านกลับมีพวกนักล่ามากมายพากันมุงดูอะไรบางอย่างอยู่ ฟรอสอยากจะถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ท่าทางแบบนี้คงมีเรื่องกันล่ะสิ
นักล่าอันดับสามตัดปัญหาโดยการจะเดินเลี่ยงออกมาจากแถวนั้น เขาไม่อยากหาเรื่องใครโดยเฉพาะในตอนที่มีเรฟานอฟอยู่ด้วย ไม่ใช่ว่ากลัวนักล่าอันดับหนึ่งจะโดนลูกหลงหรอกนะแต่กลัวไอ้คนหาเรื่องและพวกที่มุงจะตายแทนน่ะสิ
แต่เรกลับจ้องเข้าไปด้านในไม่วางตา ดวงตาสีนิลคู่นั้นหรี่ลงอย่างน่ากลัวพร้อมๆกับจิตสังหารที่ถูกปล่อยออกมาอย่างเงียบเชียบทว่าคมกริบและรุนแรงจนฟรอสยังอดกลัวไปด้วยไม่ได้ ท่าทางแบบนี้เรคงหงุดหงิดไม่น้อย เกิดอะไรขึ้นกันแน่
ฟรอสขมวดคิ้วอย่างสงสัยก่อนจะใช้สัมผัสของนักล่ามองเข้าไปด้านใน สัมผัสของพวกนักล่าจะสามารถทำให้เห็นสิ่งที่อยู่รอบๆตัวเราได้ชัดเจนไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกลก็ตาม สัมผัสของนักล่าเองก็มีหลายระดับตามความสามารถของผู้ใช้ ถ้าหากมีระดับไม่สูงมากสัมผัสนักล่าก็จะฉายเป็นเพียงเส้นร่างของสิ่งแวดล้อมรอบๆตัว ต่อให้ปิดตาเดินแล้วใช้สัมผัสนักล่าระดับนี้ก็ไม่มีทางที่จะเดินชน แต่สำหรับสัมผัสนักล่าของฟรอสนั้นเป็นสัมผัสระดับสูงที่สามารถเห็นได้ทั้งรูปร่างและสีเลยทีเดียว ซึ่งกว่าจะได้ถึงขั้นนี้ก็ต้องผ่านการฝึกมามากมายแถมยังต้องใช้พลังมากอีกด้วยทำให้คนที่ใช้สัมผัสนักล่าระดับนี้ได้จะเป็นพวกนักล่าอันดับต้นๆเสียเป็นส่วนใหญ่
เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นฟรอสก็หน้าซีดไปทันตา ดวงตาสีเขียวหันไปมองเพื่อนคนข้างๆแล้วได้แต่กลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก ก็ว่าทำไมมันดูโกรธนัก ดูท่าพวกเขาคงไม่ได้เดินผ่านไปเฉยๆเสียแล้ว เขาต้องรีบลงมือทำอะไรสักอย่างก่อนที่หมอนี่จะโกรธไปมากกว่านี้ ใครจะไปรู้มันอาจจะลุกขึ้นมาทำลายสมาพันธ์เลยก็ได้
เมื่อคิดได้แบบนั้นนักล่าอันดับสามก็รีบเบียดเหล่านักล่าที่มายืนมุงเข้าไปทันที รีบเดินเบียดเข้าไปให้เร็วที่สุดเท่าที่สถานการณ์จะเอื้ออำนวยเพื่อจะได้เข้าไปให้ถึงก่อนคนข้างหลังที่สาวเท้าตามมาติดๆ
หลายคนที่ถูกฟรอสเบียดต่างหันขวับมามองอย่างหาเรื่องแต่ก็ต้องรีบหลบสายตาไปเมื่อเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาคือนักล่าอันดับสาม ในสมาพันธ์นักล่าแห่งนี้ไม่มีใครอยากจะเป็นศัตรูกับคนๆนี้หรอก
ฟรอสรีบแหวกผู้คนจนกระทั้งถึงใจกลางเหตุการณ์ ที่นั่นเขาพบชายคนหนึ่งกำลังยืนหาเรื่องเด็กสาวผมชมพู ดวงตาสีทองของของเด็กสาวฉายแววเสียใจออกมาในขณะใกล้ๆกันนั้นก็มีนักล่าหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเขาอีกคนกำลังช่วยไกล่เกลี่ยสถานการณ์ให้
เด็กหนุ่มที่พยายามช่วยเหลือมีผมสีฟ้าและดวงตาสีน้ำเงิน ถ้าฟรอสจำไม่ผิดหมอนี่น่าจะเป็นนักล่าอันดับหก คาไมเคิล เอดีนรีสเจ้าของสมญาอินทรีแห่งหายนะ
ต้องจำไว้สักหน่อยแล้วจะได้ไปขอบคุณทีหลังที่ยังยืดสถานการณ์ไม่ให้เกิดเรื่อง ไม่งั้นคงจบแบบต้องมีใครศพไม่สวยแน่
“มีอะไรกัน” ฟรอสถามออกไปด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจและท่าทางองอาจสมกับเป็นนักล่าอันดับสามที่ทุกคนต้องเคารพและยำเกรง คนทั้งสามที่ทะเลาะกันอยู่รีบหันมามองทันทีและเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใครเด็กสาวผมชมพูก็ยิ้มออกมาให้อย่างน่ารัก
ใช่...น่ารักเสียจนฟรอสอดกลัวขึ้นมาไม่ได้ว่าเพื่อนหนุ่มที่เดินตามหลังมาติดๆจะควักลูกตาของนักล่ารอบด้านที่จ้องเด็กสาวอย่างเคลิ้มๆหรือเปล่า
“สวัสดีฟรอส” เด็กสาวทักทายคนที่เดินนำมากก่อนแล้วจึงรีบวิ่งไปหาคนที่เดินตามมาทีหลังอย่างร่าเริง
“กลับมาแล้วหรือเร” ไม่พูดเปล่าเด็กสาวผมชมพูยังกระโดดกอดเจ้าชายแห่งดาร์กเซสซะแน่นจนฟรอสอดคิดไม่ได้ว่านี่เป็นเด็กอายุสิบห้าหรือห้าขวบกันแน่
“คุณฟรอส พอดีว่าผู้หญิงคนนี้เดินชนเขาน่ะครับ แล้วไปทำกล่องพันธนาการของเขาเสีย คุณคนนี้เขาก็เลยไม่พอใจ” คาไมเคิลตอบคำถามของนักล่าอันดับสามให้อย่างสุภาพตามนิสัยแต่มันก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นอยู่ดี
“ฟรอส...ฉันบอกแล้วนะว่าจะชดใช้ให้ ถ้าเป็นกล่องพันธนาการตอนนี้ฉันก็มีติดตัว เอาของฉันไปก่อนได้ไหม” เซนถามคำถามนี้มาตั้งหลายรอบแล้วแต่อีกฝั่งก็ไม่เชื่อว่าเธอมีแถมยังตั้งท่าหาเรื่องเธอท่าเดียว
อันที่จริงอีกฝ่ายจะไม่เชื่อว่าเธอมีกล่องพันธนาการก็ไม่แปลกเพราะกล่องพันธนาการไม่ได้หาง่ายเลยแถมยังแพงชนิดที่ทำเอานักล่าชั้นกลางๆต้องทุ่มเงินเดือนสามเดือนของตนเองซื้อ กล่องพันธนาการที่พูดถึงมีไว้สำหรับพันธนาการศัตรูแต่เซนก็พกมันติดตัวเอาไว้เสมอเผื่อว่าเมื่อใดที่เธอกลายเป็นปีศาจร้ายที่ไม่อาจควบคุมกล่องพันธนาการจะเป็นตัวกักขังเธอเอาไว้ ถึงจะได้เพียงไม่นานก็ตาม แต่แค่นั้นก็จะสามารถซื้อเวลาให้คนอื่นได้
“อย่างเธอน่ะหรือจะมีมัน ฉันว่ามาแก้ปัญหาแบบที่พวกเราใช้กันอยู่เป็นประจำดีกว่า” นักล่าชายคนนั้นพูดพลางจ้องหญิงสาวผมชมพูที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของเด็กหนุ่มผมดำผู้มาใหม่
คาไมเคิลส่งสายตาให้ฟรอสเหมือนกับจะบอกว่าอีกฝ่ายก็ไม่ยอมปล่อยไปเฉยๆเช่นกัน อันที่จริงเพียงแค่คาไมเคิลเอ่ยปากสั่งคำเดียวการทะเลาะในครั้งนี้ก็ต้องยกเลิกทันทีเพราะเขาเป็นนักล่าอันดับหก ย่อมมีสิทธิใช้อำนาจกับคนที่มีลำดับต่ำกว่าอย่างชายที่จ้องหาเรื่องเด็กสาวอยู่ แต่เขาไม่ใช่คนบ้าอำนาจและคิดว่าสถานการณ์แค่นี้ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายซึ่งเป็นความคิดที่ผิดสุดๆเท่าที่เขาเคยเจอมาเลยก็ว่าได้
แต่สำหรับคำท้านั้นเด็กสาวผมชมพูก็ได้ปฏิเสธมาตลอดพร้อมให้เหตุผลว่าต่อให้ท้าสู้กันมันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรอยู่ดี ตรงนี้แหละที่คาไมเคิลไม่เข้าใจ อย่างน้อยการประลองก็ต้องมีการลดหรือเลื่อนขั้นกันบ้าง ไม่ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์ไปซะหมด
“ก็ได้” เสียงหวานตอบผิดกับที่ปฏิเสธมาทุกครั้ง เซนยิ้มออกมานิดๆก่อนจะสะกิดให้เรคลายอ้อมกอด ถ้ามีเรอยู่ด้วยละก็...เรต้องหยุดเธอได้แน่หากเธอพลาดพลั้งจนลงมือสังหารชายตรงหน้า แค่มีเรเท่านั้นก็พอ
แต่เรกลับไม่คลายอ้อมแขนแถมยังรัดแน่นกว่าเดิม เขาไม่เห็นด้วยหากจะประลองกัน เขาไม่เห็นประโยชน์ในการต่อสู้ครั้งนี้ อีกอย่างพวกเขามีธุระที่สมาพันธ์และนี่ก็จะสายแล้วด้วย
“เซนไปเถอะ เอาของให้หมอนั่นแล้วเราไปทำธุระกัน” เสียงนุ่มที่แตกต่างกับตอนพูดกับคนอื่นเอ่ยบอกเซนาเรียสทำเอาฟรอสแอบเบ้หน้า หลายหน้าเหลือเกินนะไอ้เจ้าชายแห่งดาร์กเซส
เด็กสาวพยักหน้าให้ทำให้เรคลายอ้อมกอดเพื่อจะให้คู่หมั้นของตนเองเดินเอากล่องพันธนาการไปให้อีกฝ่าย ฟรอสกับคาไมเคิลอยากจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อทุกอย่างกำลังจะจบลงด้วยดี...
“จะหนีหรือไง” คำยั่วยุสั้นๆที่ดังมาทำเอาเซนชะงักกึก เธอไม่ได้โกรธคนตรงหน้าแต่กำลังกลัวแทนต่างหาก
พูดแบบนี้เดี๋ยวก็... ยังไม่ทันคิดต่อร่างสูงที่อยู่ด้านหลังเธอกลับมาปรากฏตัวตรงหน้าเสียแล้ว เรฟานอฟยืนหันหลังให้เธอเพื่อกันให้ร่างบางอยู่ด้านหลังของเขาราวกับจะปกป้องคุ้มครองและปกปิดสิ่งที่เขากำลังจะทำต่อไป
คาไมเคิลอยากจะถอนหายใจออกมาอีกเฮือก ไม่ใช่เพราะโล่งอกแต่เป็นเหนื่อยใจต่างหาก ทำไมเรื่องทะเลาะนี่มันไม่จบๆไปเสียที ทว่าฟรอสนี่สิลมจะใส่ เขาอุตส่าห์ป้องกันการวิวาทได้แล้วแท้ๆ แต่นี่เรฟานอฟกลับลงมือเองเลยเนี่ยนะ บ้าชะมัด
“อ่อนหัด” เสียงไร้อารมณ์เอ่ยออกมาขณะดวงตาสีนิลเย็นเยียบจนน่าขนลุก จิตสังหารอันคมกริบถูกแผ่ออกมากดดันคนตรงหน้าให้รู้สึกหวาดกลัวต่อผู้ที่มีอำนาจมากกว่า
“แก...” คนตรงหน้าเค้นเสียงออกมาเมื่อเริ่มหายใจไม่ออก อากาศทั้งหมดกำลังถูกช่วงชิงราวกับว่าเด็กหนุ่มคนนี้กำลังกดดันให้เขาตายอย่างช้าๆ รอยยิ้มเย็นชาถูกเหยียดออกทาบใบหน้าหล่อเหลาแต่ดวงตาสีนิลกลับบอกว่าต่อให้ลงมือฆ่าเขาคนตรงหน้าก็คงไม่รู้สึกอะไร
น่ากลัวนัก...ทั้งน่ากลัวและอำมหิต ไอสังหารยิ่งหนักหน่วงทำเอานักล่าชายทรุดลงไปกองกับพื้นทั้งๆที่เรยังไม่ทันได้ขยับตัว ดวงตาของผู้หาเรื่องเบิกกว้างมองคนตรงหน้าที่กำลังฆ่าตนเองช้าๆด้วยความหวาดกลัว ปากอ้าออกเพื่อพยายามจะหายใจแต่ก็ไม่มีอากาศเข้าปอดเลยสักนิด
อึก...ทรมานแต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็หายใจไม่ได้
กดดันให้หวาดกลัวแทบสิ้นสติ และช่วงชิงลมหายใจ เรกำลังทำให้คนที่หาเรื่องเขาตายอย่างช้าๆและต้องตายอย่างทรมานที่สุด
“ฉันขอสั่งพวกนายในฐานะนักล่าอันดับสาม ให้พวกนายเลิกสู้กัน แล้วนายรับกล่องพันธนาการของเซนาเรียสไปซะ” เสียงดังก้องของฟรอสแทรกขึ้นเพราะเห็นว่าเรตั้งใจจะฆ่าจริงๆ เขาจะต้องหยุดการต่อสู้ที่ไร้ประโยชน์ตรงหน้าก่อนที่จะต้องมีใครสังเวยชีวิตอย่างสูญเปล่า อีกอย่างทุกคนที่นี่ก็รู้ดีว่านี่คือคำเด็ดขาดสูงสุดที่พวกนักล่าลำดับล่างกว่าต้องทำตามโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ใช่...ถ้าเป็นนักล่าลำดับล่างกว่าล่ะก็นะ
“นายไม่มีสิทธิสั่งฉันหรือเซน...ฟรอส” เสียงเย็นเอ่ยออกมาพร้อมดวงตาสีนิลที่ราวกับจะดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างหันไปมองคนสั่ง จิตสังหารและความกดดันอีกส่วนหนึ่งพุ่งเข้าหานักล่าอันดับสามราวกับจะเตือน และฟรอสเชื่อว่าหากหมอนี่ไม่พอใจสุดๆก็คงสามารถสังหารเขาได้อย่างไม่ลังเลเช่นเดียวกัน
เรไม่ยอมลดจิตสังหารแถมยังเพิ่มเข้าไปอีก ใครใช้ให้เจ้านี่มาหาเรื่องเขาทั้งที่ตอนแรกเขาคิดจะปล่อยไปแล้ว ใครคิดให้ฟรอสออกคำสั่งยั่วโมโหต่อและใครคิดให้หาเรื่องคนของเขา แต่ในที่สุดเรก็ยอมรามือเมื่อมือของเด็กสาวผมชมพูคนต้นเรื่องจับเข้าที่แขน
“พอเถอะเร นายบอกว่ามีธุระไม่ใช่หรือ เดี๋ยวก็ไปสายหรอก” เสียงหวานเอ่ยออกมาก่อนจะกระตุกแขนเสื้อร่างสูงอย่างที่ไม่มีใครกล้าทำ ดวงตาสีนิลลดความเย็นชาลงก่อนหันไปสบดวงตาสีทองคำที่เขาชอบแล้วจะถอนหายใจออกมา
ไม่เคยชนะเซนได้เลย เช่นที่เซนก็ไม่เคยชนะเขาเหมือนกัน เรื่องนี้เรตระหนักได้ดีและครั้งนี้ก็เช่นกัน จิตสังหารมากมายหายวับไปกับตาแต่ก่อนที่จะเดินออกมาจริงๆร่างสูงของเด็กหนุ่มผมดำกลับย่างเท้าเข้าหานักล่าที่นอนหอบอยู่บนพื้น
ฉัวะ!!
เสียงของบางสิ่งบางอย่างแหวกเนื้อดังลั่นพร้อมเสียงร้องของนักล่าชายคนนั้นที่รีบยกมือกุมแก้มของตนเองที่อาบไปด้วยเลือด ผู้กระทำยังคงยืนมองนิ่งอยู่ตรงหน้าปล่อยให้เลือดสีแดงสดไหลลงจากนิ้วมือก่อนจะหยดลงบนพื้น พวกนักล่ารอบด้านต่างผละออกไปอย่างตกใจ เมื่อกี้หมอนี่ใช้นิ้วที่ไร้ความคมเฉือนเข้าที่แก้มของคนที่นอนอยู่บนพื้นอย่างนั้นเหรอ
“ไปกันได้แล้ว” เสียงเย็นเอ่ยสั่งแล้วเดินนำออกมาพร้อมเด็กสาวผมชมพูที่รีบวิ่งเอากล่องพันธนาการไปวางไว้ข้างๆนักล่าดวงซวยคนนั้นก่อนจะรีบวิ่งตามเรออกไป
ฟรอสส่ายหน้าให้อย่างระอาขณะมองร่างที่นอนอยู่บนพื้นอย่างสมเพช สัญชาตญาณของหมอนี้มันด้านไปแล้วหรือไงถึงไม่ยอมเตือนว่าอย่าไปเล่นกับเรฟานอฟ ทั้งๆที่ตอนแรกเรก็กะจะไม่ยุ่งแล้วแท้ๆแต่ก็ดันไปหาเรื่องเอง
ฟรอสหันหลังให้เหตุการณ์ทั้งหมดแล้วเดินออกมาโดยที่ไม่ลืมเรียกนักล่าอันดับหกให้ตามมาด้วย
“คาไมเคิลตามมาสิ”
