บท
ตั้งค่า

กุญแจดอกที่ 10 : วิชาอาวุธกับข่าวของฟรอส (บทจบ)

คู่ที่สองที่จะลงประลองคือคาไมเคิล เด็กหนุ่มผมน้ำเงินเข้มค่อยๆเดินลงจากที่นั่งสวนกับร่างบางของเซนาเรียสที่กำลังจะเดินขึ้นไปนั่งรวมกับฟรอสและเรที่รออยู่

“พวกนั้นไม่เท่าไหร่หรอกคาไมเคิล เพราะฉะนั้นอย่าแพ้เขาละ” เสียงหวานใสดังมาพร้องรอยยิ้ม ดวงตาสีทองพราวระยับจ้องมองมาทางเขาและมันเป็นดวงตาที่ทำให้เขาสงบลงได้อย่างประหลาด

“ครับ” นักล่าอันดับหกเผลอตอบรับออกไปเมื่อเห็นดวงตาและรอยยิ้มที่อีกฝ่ายมอบให้

ทั้งที่เมื่อครู่ยังรู้สึกแย่กับสายตาและคำสั่งของนักล่าอันดับหนึ่ง แต่มาถึงตอนนี้...ตอนที่ได้รับรอยยิ้มและดวงตาสีทองที่เต็มไปด้วยความจริงใจของเด็กสาว มันกลับทำให้นักล่าอันดับหกรู้สึกปล่อยวางได้ เอาเถอะหากแผนของเรจะทำให้เด็กสาวคนนี้ปลอดภัยบางทีสิ่งที่เขาทำไปมันอาจจะคุ้มก็ได้

คาไมเคิลเดินลงไปลานประลองด้วยท่าทีสงบก่อนจะเดินไปหยุดอยู่กลางลานประลองแล้วชี้ขึ้นไปที่เด็กหนุ่มผมแดงของห้อง B อย่างที่ทำเอาทุกคนตะลึงเพราะไม่คิดว่าเด็กหนุ่มผู้สุภาพขนาดนั้นจะกล้าท้าเซเรียสซึ่งได้ที่หนึ่งในวิชานี้

“ฉันนึกว่านายจะสุภาพเรียบร้อยกว่านี้เสียอีก” เด็กหนุ่มผมแดงพูดพลางมองหน้าคนที่มาท้าทายเขา อันที่จริงเขาคิดว่าเด็กหนุ่มผมน้ำเงินคนนี้จะไปท้าเลชานไม่ใช่เขา

คาไมเคิลยังคงยิ้มให้คนตรงหน้าอย่างสุภาพทว่าดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นกลับวาววับราวคมดาบที่พร้อมจะฟาดฟันทุกคนที่ขวางหน้า

“อันที่จริงฉันนึกว่าคนแรกที่จะมาท้าฉันคือหมอนั้น” เซเรียสพูดพลางชี้มือไปที่เด็กหนุ่มผมดำที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่บนที่นั่งของตนเอง ดวงตาสีนิลของเรฉายแววไม่พอใจขึ้นมาวูบหนึ่งเมื่อมีคนอาจหาญมาชี้หน้าตน ใบหน้าเย็นชาของเจ้าตัวค่อยๆปรากฏรอยยิ้มหยันที่มุมปากทว่าพริบตาเดียวมันก็จางหายไป แต่นั่นก็พอแล้วที่จะทำให้ฟรอสหนาวสะท้านขึ้นมา แบบนี่ท่าจะจบไม่สวย

“คุณนี่นะ...ดันไปยั่วมัจจุราชเข้าแล้วนะครับ” คาไมเคิลพูดออกมาอย่างอ่อนใจ ท่าทางของเรทำให้นักล่าอันดับหกรู้ด้วยสัญชาตญาณ เซเรียสเป็นเหยื่อของเรฟานอฟแม้ตอนนี้เจ้าตัวจะยอมให้เขาสู้ก่อน แต่ก็ไม่อนุญาตให้อีกฝ่ายได้แผลหรือหมดแรงเพราะนักล่าอันดับหนึ่งจะลงมาจัดการด้วยตนเอง

“เอาเถอะครับ ผมบอกคุณไปตอนนี้คุณก็ไม่เข้าใจหรอก เอาไว้เดี๋ยวคุณสู้กับเจ้าตัวคุณก็จะรู้เอง” คาไมเคิลพูดพลางเดินคู่ไปเซเรียสเพื่อเลือกอาวุธ

“แต่ต้องหลังจากแพ้ให้ผมก่อนนะครับ” เด็กหนุ่มผมน้ำเงินพูดแล้วเดินแยกออกไปคนละทางแต่มันก็ทำเอาคนท้าทายหยุดชะงักกับคำพูดที่แสนจะมั่นใจนั่น เป็นคำพูดที่สุภาพทว่าเจตนาที่ฉายชัดไม่ได้สุภาพไปตามคำพูดเลยสักนิด ใครที่บอกว่าเด็กหนุ่มคนนี้สุภาพกัน

•.★*... ...*★.•

“คาไมเคิลทำตามคำสั่งนายแล้วไงเร ท้าสู้กับอันดับแรกให้ตนเองเด่นสุดๆไปเลย” ฟรอสที่เห็นสถานการณ์ตรงหน้าพูดพลางยิ้มออกมาอย่างชอบใจ

“ก็คงงั้น” เสียงเย็นตอบอย่างไม่ไยดีขณะมองไปยังเด็กสาวผมชมพูที่อยู่ในวงล้อมของเพื่อนสาวสองคน เพื่อนผู้หญิงสองคนนั้นกำลังพยายามปลอบโยนไม่ให้เซนเสียใจที่แพ้ในการประลองโดยที่ไม่รู้เลยว่าการแพ้เมื่อกี้มันก็เป็นแค่ละคนฉากหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเท่านั้นเอง

ฟรอสเลิกคิ้วเมื่อได้ยินคำตอบที่ชัดเจนของเรทำเอาเขาสงสัยว่าหมอนี่ไม่กลัวเซนได้ยินแล้วสงสัยในแผนการขึ้นมาหรือไง แต่ก็ต้องปัดความสงสัยนั้นออกไปเมื่อเห็นเซนยังคงอยู่ในวงล้อมของเพื่อนๆที่ช่วยกันปลอบโยน ไม่น่าละหมอนี่ถึงกล้าตอบคำถามของเขาออกมาเต็มปากเต็มคำแบบนี้

“แต่คาไมเคิลยังไงก็ต้องชนะอยู่แล้ว พอหมอนั่นชนะขึ้นมาก็จะกลายเป็นจุดเด่นทันที” ฟรอสวิเคราะห์พลางหลิ่วตามองเร

“แล้วพวกเราจะทำยังไงดี นายดันสั่งให้ทำตัวเด่นให้เป็นที่น่าจับตามอง หรือจะให้ฉันลงไปท้าคาไมเคิลซะเลย” ฟรอสพูดเหมือนคนนึกสนุกแต่มันทำเอาคนได้ยินกระตุกยิ้มเยาะเย้ย

“นายรู้ว่าควรทำยังไง” เรพูดออกมาเสียงเย็นทำให้นักล่าอันดับสามหันไปมองด้วยดวงตาสีเขียวที่พราวระยับอย่างนึกสนุก

“ฉันว่าความคิดของฉันก็ไม่ต่างจากนายเท่าไหร่หรอกใช่ไหม” ฟรอสลองหยั่งเชิงแต่เรกลับไม่ตอบอะไรกลับมา นักล่าอันดับสามเหยียดยิ้มพลางหัวเราะในลำคอ ไม่ตอบแบบนี้แปลว่าใช่สินะ

“น่าสนุกนี่ ถ้าคาไมเคิลชนะหมอนั่น พวกเราก็แค่เอาชนะให้เร็วกว่าที่คาไมเคิลทำไว้ก็พอใช่ไหม” ฟรอสพูดพลางมองดูการประลองที่กำลังจะเริ่มขึ้นอย่างไม่ร้อนใจ เรที่เหลือบไปเห็นว่าเซนถูกปล่อยออกมาจากพวกผู้หญิงแล้วรีบเปลี่ยนเรื่องที่คุยอยู่

“เมื่อวานได้ข้อมูลอะไรมาจากร้านนั้น” คำถามเสียงเย็นของเรทำเอาฟรอสทำหน้ามุ่ยลงไปทันตาเห็น

“ทำไมทำหน้าแบบนั้นละฟรอส เมื่อวานเจออะไรมาเหรอ” เสียงหวานของเซนที่เข้ามาและได้ยินคำพูดของเรพอดีเอ่ยถามฟรอส

“งานเข้านะสิถามได้” เสียงขุ่นพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดกับเรื่องที่เจอมา

“ตาลุงนั่นให้พวกเราไปรวมตัวกันที่ร้านในวันนี้เพื่อฟังข่าวบางอย่างแต่ไม่ยอมบอกฉันมาว่าเป็นข่าวอะไร บอกแค่ว่ารอฟังข่าวร้ายพร้อมกันดีกว่า” คำพูดของฟรอสทำเอาเรฟานอฟครุ่นคิด เขาควรจะไปเจอคนๆนี้หรือไม่

แน่นอนว่าถ้ามากันแค่นักล่าชายทั้งสามคนเรคงไม่มานั่งกังวลแบบนี้ ก็แค่ร้านในดินแดนผู้ไร้เวท แทบจะไม่มีค่าให้เขาสนใจด้วยซ้ำ แต่เมื่อมีเซนมาด้วย เรจะคิดแบบนั้นไม่ได้

“ไว้ใจได้แค่ไหน” เสียงเย็นถามนักล่าอันดับสาม เขาไม่อยากจะเอาคู่หมั้นสาวของตนเองไปเสี่ยง

“ไม่น่าไว้ใจแต่ใช่ว่าจะไว้ใจไม่ได้” เสียงเคร่งเครียดของฟรอสที่ดังมาทำเอาเรนิ่งเงียบรอคำพูดต่อมาของนักล่าอันดับสามและฟรอสก็รีบอธิบายทันที

“หมอนั่นเจ้าเล่ห์ ยียวน ท่าทางที่แสดงออกมาดูไม่น่าไว้ใจแต่คำพูดทุกคำของไอ้ลุงบ้านั่นกลับมีน้ำหนักและมีเหตุผลรองรับอยู่เสมอ” คำพูดของฟรอสทำเอาเรคิดไม่ตก หากไปเจอด้วยตนเองมันจะเสี่ยงไปหรือไม่

“งั้นคืนนี้ไปกัน” คำพูดของเซนาเรียสที่แทรกขึ้นท่ามกลางความคิดของนักล่าอันดับหนึ่งทำเอาเรและฟรอสอยากจะห้ามนักทว่าเมื่อเห็นท่าที่ของนักล่าอันดับสองใครจะไปกล้าขัดใจเด็กสาวคนนี้เล่า

•.★*... ...*★.•

คาไมเคิลเดินกลับมาที่ลานประลองพร้อมดาบไม้คู่ใจหลังจากที่เจ้าตัวลองกวัดแกว่งทดสอบมันไปแล้วหลายรอบ ที่ลานประลองเขาเห็นเซเรียสยืนรออยู่แล้วในมือของเด็กหนุ่มผมแดงมีทั้งดาบไม้และโล่ไม้สำหรับการประลองทำเอาคาไมเคิลเพิ่งคิดได้ว่าเขาไม่ได้ห้ามเสียหน่อยว่าให้ถืออาวุธแค่ชิ้นเดียว

ดวงตาสีน้ำเงินมองคนตรงหน้าอย่างประเมิน เอาดาบมาเพื่อฟาดฟันและเอาโล่มาเพื่อป้องกันสินะ คนๆนี้เหมือนพวกนักรบเลย เด็กหนุ่มสะบัดความคิดในหัวออกไปอย่างรวดเร็วเมื่อดูเหมือนว่าตนเองจะคิดไปเรื่อยเปื่อยเสียแล้ว

ช่างเถอะถ้าคนตรงหน้าจะเหมือนนักรบแล้วมันจะทำไมในเมื่อเขาเป็นนักล่านี่และความเร็วของนักล่าก็มากกว่าพวกนักรบไม่รู้กี่เท่า ต่อให้เขาไม่ใช้เวทมนตร์หรือสัมผัสของนักล่า เขาก็มั่นใจว่าสามารถชนะคนตรงหน้าตามคำสั่งของนักฆ่าอันดับหนึ่งได้แน่นอน

“เริ่มได้” เสียงของอาจารย์สาวดังมาเป็นสัญญาณเริ่มต้นแต่คนทั้งสองกลับไม่ขยับไปไหนราวกับจะดูเชิงซึ่งกันและกัน

เซเรียสหรี่ตามองเด็กหนุ่มผมน้ำเงินเข้มอย่างประเมินแต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงใบหน้ายิ้มแย้มอย่างสุภาพเท่านั้น ยิ้มแย้มราวกับไม่คิดจะหวั่นเกรงใดๆและราวกับจะบอกว่าคนตรงหน้าสามารถจะกำจัดเขาได้ทุกนาที

“คุณจะไม่เริ่มก่อนหรือครับ” เสียงสุภาพดังมาอย่างลองเชิงแต่อีกฝ่ายก็ไม่ตอบโต้เพราะประสบการณ์มากมายสอนว่าอย่าได้หลงไปกับคำยั่วยุของคู่ต่อสู้ ทำเอาคาไมเคิลขยับรอยยิ้มอย่างชอบใจ ก็สมกับเป็นที่หนึ่งของชั้นปี

“ถ้าคุณไม่เข้ามางั้นผมเข้าไปนะครับ” สิ้นเสียงเด็กหนุ่มผมน้ำเงินก็พุ่งตัวเข้าหาเซเรียสที่ยืนอยู่ตรงหน้าและเตรียมตั้งรับเต็มที่

ปึง!!

ดาบไม้กระทบกับโล่ไม้ที่เซเรียสยกขึ้นมาขวางเต็มแรง เด็กหนุ่มพยายามจะยันดาบนั้นไว้ก่อนจะฟาดดาบไม้ที่อยู่ในมืออีกข้างเข้าใส่เด็กหนุ่มที่ยังคงยิ้มอย่างไม่ทุกข์ร้อน

คาไมเคิลที่เห็นแบบนั้นยอขาลงทันทีก่อนจะกระโดดข้ามหัวคู่ต่อสู้ไปโดยใช้ดาบไม้ที่ยันไว้กับโล่เป็นหลักคล้ำจุล เซเรียสก้าวถอยหลังจนเกือบล้มเพราะรับแรงกดของดาบที่เพิ่มน้ำหนักตัวของคู่ต่อสู้ไม่ไหว

เพื่อนที่มองการประลองตรงหน้าต่างนึกทึ่งในการตัดสินใจของเด็กหนุ่มผู้เป็นนักล่า ไม่มีใครคิดจะทำวิธีนี้แบบคาไมเคิลหรอก พวกเขาคงจะเลือกผละออกมาจากวิถีดาบของเซเรียสมากกว่าแต่คนที่คิดแบบคาไมเคิลก็มีโดยเฉพาะนักล่าอีกสามคนที่ดูการประลองอย่างเบื่อๆในเมื่อคาไมเคิลเพียงแค่ใช้สัญชาตญาณเท่านั้นยังไม่ได้ใช้ฝีมือของนักล่าจริงๆเลย

อาจารย์สาวยังคงเหยียดยิ้มมองนักล่าอันดับหกแต่ดวงตาคู่นั้นกลับอ่านยากจนไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรกันแน่

“จะเอาชนะง่ายๆแบบนี้เลยหรือ” ฟรอสเปรยออกมาแต่มันก็คงเป็นไปตามที่เขาพูดนั่นแหละ ไม่จำเป็นจะต้องเอาประสบการณ์และฝีมือจริงๆมาใช้ที่นี่

คาไมเคิลกระโดดลงมายืนบนพื้นอย่างสง่างาม ใบหน้ายังคงประดังด้วยรอยยิ้มสุภาพไม่จางหาย แต่ต่อให้เห็นเด็กหนุ่มคนนี้มีท่าทางสุภาพมากแค่ไหนเวลาสู้คาไมเคิลก็ยังคงเป็นนักล่าที่บ้าเลือดคนหนึ่งเลยทีเดียว ไม่เช่นนั้นเจ้าตัวคงไม่ได้เป็นนักล่าอันดับหกหรอก

“โล่อาจจะป้องกันคุณได้แต่ทั้งโล่และตัวคุณก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความเร็วและความว่องไวครับ” โล่อาจจะปกป้องแรงอัดกระแทกที่เข้ามาด้านหน้า แต่เมื่อใดที่ใช้ความรวดเร็วกับความว่องไวผ่านโล่เข้าไปได้โล่ที่ถืออยู่ก็เป็นเพียงของเกะกะที่ถ่วงแข็งถ่วงขาเอาไว้

“ผมเบื่อแล้วครับ ดาบนี้จะเป็นดาบสุดท้าย” สิ้นเสียงนักล่าอันดับหกก็พุ่งเข้าหาคนตรงหน้า คาไมเคิลเปลี่ยนมาจับดาบสองมือเพื่อเพิ่มแรงในการฟาดฟัดและเช่นเดิมเซเรียสยังเอาโล่ที่ตนถืออยู่ขึ้นมากันไว้

ในพริบตาที่ไม่มีใครสังเกตเห็นเด็กหนุ่มผู้สุภาพกลับแสยะยิ้มออกมา ดวงตาคู่สีน้ำเงินนั้นวาววับราวกับสัตว์ร้ายที่เตรียมขย้ำเหยื่อไม่เหลือคราบของเด็กหนุ่มผู้แสนสุภาพที่เจ้าตัวเพียรสร้างขึ้นมาอีกเลย

คาไมเคิลเบี่ยงตัวหลบออกไปโพล่ด้านหลังซึ่งเป็นช่องว่างของผู้ถือโล่ เจ้าตัวสามารถลงมือจากตรงนี้ได้เลย ทว่าสิ่งที่คนเป็นนักล่าเลือกทำคือปักโล่ออกจากแขนของเซเรียสให้ตกไปอยู่ที่พื้น

เซเรียสที่ตั้งสติได้รีบหันกลับไปทางคาไมเคิลแต่มันสายไปเสียแล้วเมื่อดาบไม้ในมือของคนเป็นนักล่ากลับทาบอยู่บนคอของเด็กหนุ่มผมแดง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเร็วมาก...เร็วจนทุกคนไม่อยากจะเชื่อ นั่นแปลว่าตั้งแต่แรกเด็กหนุ่มผมน้ำเงินคนนี้จงใจไม่ใช้ความสามารถออกมาเต็มที่ แถมยังจงใจปัดโล่ให้หลุดจากมือเพื่อประกาศชัยชนะอย่างสมบูรณ์แบบ

“ผมชนะนะครับ” เด็กหนุ่มยิ้มให้อย่างสุภาพเช่นเดิมพร้อมประกาศชัยชนะของตนเองท่ามกลางความเงียบของเพื่อนๆแต่ไม่นานเสียงเฮจากเพื่อนฝั่งห้อง A ก็ดังลั่นขึ้นมากลบความเงียบเมื่อครู่ไปจนหมดสิ้น

คาไมเคิลเอาดาบออกจากคอของซีเรียสแล้วถอยออกมา

“ขอโทษครับ” พูดจบเด็กหนุ่มก็เดินไปยังที่นั่งของตนท่ามกลางเพื่อนๆที่เข้ามารุมล้อมอย่างยินดี

“ต่อไปตาฉันสินะ” ฟรอสที่นั่งดูมานานพูดพลางลุกขึ้นบิดตัวไปมาเพื่อขับไล่ความเมื่อยตามร่างกาย

“อย่าลืมแล้วกัน” เสียงเย็นเยียบของเจ้าชายแห่งดาร์กเซสดังมาย้ำเขาทำให้นักล่าอันดับสามก้มหัวลงเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มกว้าง

“รับบัญชา”

•.★*... ...*★.•

ฟรอสค่อยๆเดินจากที่นั่งไปยังลานประลองที่อยู่ข้างล่างขณะที่ต้องผ่านคาไมเคิลที่เพิ่งถูกเพื่อนปล่อยตัวและกำลังเดินสวนขึ้นมาเขาก็ได้ยินเสียงกระซิบของนักล่าอันดับหก

“ตาคุณอาระวาดแล้วหืรอครับ” คาไมเคิลถามด้วยเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน ฟรอสเพียงแค่เหยียดยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี

“คำว่าอาระวาดน่ะยกให้เรไปไม่ดีกว่าเหรอ เพราะดูท่าหมอนั้นจะเล็งเซเรียสไว้อยู่นะ” ฟรอสเปรยออกมาซึ่งคาไมเคิลก็เพียงแค่ยิ้มให้

“แล้วคุณจะท้าใครครับ” ดวงตาสีเขียวของฟรอสวาววับขึ้นอย่างนึกสนุกเมื่อเจอคำถามนี้

“เซเรียส” เสียงนึกสนุกนั่นรีบตอบกลับทันทีทำเอาคนถามเลิกคิ้ว

“ทั้งที่บอกว่าคุณเรจ้องอยู่หรือครับ” ฟรอสยิ้มรับคำถามนั้นก่อนจะเดินต่ออย่างไม่คิดอะไร คาไมเคิลก็ออกเดินต่อเช่นกันก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินคำตอบของนักล่าอันดับสาม

“แค่ไม่ทำให้เซเรียสได้แผลหมอนั่นคงไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง”

•.★*... ...*★.•

เด็กหนุ่มผมเขียวยืนยิ้มอย่างอารมณ์ดีไม่เปลี่ยนขณะในมือยังคงถือดาบไม้อันเดิมที่คาไมเคิลใช้ต่อสู้ไปก่อนหน้านั้น

ถ้าอยากจะแสดงตนเองว่าเหนือกว่าคาไมเคิลก็ต้องใช้อาวุธแบบเดียวกันแต่ใช้เวลาในการเอาชนะให้เร็วกว่า เซเรียสที่เห็นเช่นนั้นเตรียมพร้อมให้มากกว่าเดิมเพื่อตั้งรับการรุกของคนตรงหน้า

“นี่นายรู้ไหม...” ฟรอสเปรยขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มร่าเริงที่ยังไม่จางหายไปจากใบหน้า รอยยิ้มร่างเริงที่ซ่อนความรู้สึกหลากหลายเอาไว้ไม่ต่างจากรอยยิ้มสุภาพของคาไมเคิล

ความจริงนักล่าแต่ละคนต่างมีวิธีการเก็บความรู้สึกของตนเองต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นนักล่าอันดับหกที่ชอบยิ้มสุภาพ ไม่ว่าจะเป็นนักล่าอันดับสามที่ชอบยิ้มร่าเริง ไม่ว่าจะเป็นนักล่าอันดับหนึ่งที่เก็บความรู้สึกเอาไว้ภายใต้ท่าทางนิ่งเฉยหรือแม้แต่นักล่าอันดับสองที่เก็บไว้ภายใต้ใบหน้าไร้เดียงสานั่น ทว่าสุดท้ายแล้วภายใต้ท่าทางเหล่านั้นกลับเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและเลือดเย็น อย่างไรพวกเขาก็เป็นนักล่าปีศาจ ถ้าโหดเหี้ยมหรือเลือดเย็นไม่พอ น่ากลัวว่าพวกเขาจะกลับกลายเป็นเหยื่อเสียเอง

“นายรู้ไหมว่านายในตอนนี้ไม่ได้แพ้แค่ความเร็วและความว่องไว” พูดพลางหมุนดาบไม้ในมือเล่นปล่อยให้ดวงตาสีแดงของเซเรียสมองมาอย่างระวังเต็มที่

“อีกอย่างที่นายแพ้คือกำลัง” คำประกาศของนักล่าอันดับสามทำเอาทุกคนฮือฮาขึ้นมา โล่ที่เซเรียสใช้กันยังไม่เคยมีใครปัดมันออกได้โดยการปะทะเข้าไปตรงๆ เมื่อกี้ที่คาไมเคิลทำให้โล่หลุดออกจากมือของเซเรียสได้เพราะเจ้าตัวปัดมันออกไปด้านข้างแต่คราวนี้ฟรอสจะจัดการกับโล่โดยเข้าปะทะตรงๆ

เซเรียสไม่ยอมให้อีกฝ่ายเข้ามาหาตนแบบคาไมเคิลเพราะเด็กหนุ่มผมแดงรีบพุ่งตัวเข้าหานักล่าอันดับสามทันที เด็กหนุ่มผมเขียวยิ้มร่าก่อนจะพุ่งตัวเข้าหาเซเรียสเช่นกันบ่งบอกว่าฟรอสเองก็ไม่มีความคิดจะเป็นผู้ตั้งรับแม้แต่น้อย สำหรับนักล่าอันดับสามแล้วเขาจะต้องเป็นผู้ล่าเท่านั้น (ยกเว้นเมื่อเจอกับเรกับเซนที่เป็นข้อยกเว้นนะ)

ฟรอสกำดาบไม้ด้วยสองมือเหมือนคาไมเคิลแล้วฟาดดาบในมือเข้าหาโล่ของเซเรียสที่ยกขึ้นมากัน

ตึง!!

ดาบไม้ฟาดเข้าใส่โล่สุดแรงทำเอาโล่ไม้ที่อยู่ในมือของเซเรียสกระเด็นหลุดมือไปอีกทาง เด็กหนุ่มผมแดงกำมือข้างที่โดนโล่ของตนเองกระแทกเข้ามาเพราะความเจ็บและชา ขณะมือข้างที่จับดาบก็พยายามยกดาบขึ้นกันดาบไม้ของฟรอสที่ตวัดเข้ามาอีก

เซเรียสมั่นใจว่าตนเองต้องกันดาบของฟรอสได้แน่ๆแต่เพียงพริบตาเดียวที่ดาบในมือของฝ่ายตรงข้ามกลับเปลี่ยนทางแบบกะทันหัน แทนที่มันจะโดนหยุดด้วยดาบไม้ในมือเขามันกลับเบี่ยงออกไปนิดก่อนจะพุ่งเข้าฟากท้องเขาจนจุกแทน

“ฉันชนะแล้ว” ฟรอสประกาศพร้อมรอยยิ้มท่ามกลางเสียงโห่ร้องของพวกห้อง A ที่ดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เซเรียสได้แต่กุมท้องเพราะความจุกขณะที่ฟรอสก้มหน้าลงมานิดหนึ่ง

“ฝีมือแค่นี้นายไม่มีวันชนะเรฟานอฟได้หรอก” และในขณะที่ไม่มีใครสังเกตเห็นดวงตาสีเขียวคู่นั้นก็ฉายแววสมเพชพร้อมรอยยิ้มแสยะที่มุมปาก

“หมอนั่นนะเก่งกว่าฉันและคาไมเคิลจนเทียบไม่ติด” ร่างของฟรอสค่อยๆยืดตัวตรงขึ้นมา ดวงตาที่เคยมีแววสมเพชกลับกลายเป็นดวงตารักสนุกอีกครั้งหนึ่งและรอยยิ้มนั้นก็กลับมาดูร่าเริงเช่นปกติ ทว่าท่าทางแบบนั้นมันช่างขัดกับคำพูดต่อมาของเด็กหนุ่มเหลือเกิน

“อย่างนายนะ มันก็เป็นได้แค่ของเล่นที่ให้หมอนั่นพังทิ้งเท่านั้นแหละ” พูดจบเด็กหนุ่มผมเขียวก็เดินกลับไปทางที่นั่งของห้อง A ที่มีเพื่อนๆพากันมายืนรอแสดงความยินดีมากมายทิ้งให้เซเรียสได้แต่มองตาม

ฟรอสยิ้มรับกับคำพูดแสดงความยินดีของเพื่อนทุกคนขณะดวงตาสีเขียวกลับมองขึ้นไปสบกับดวงตาสีนิลเย็นเยียบของนักล่าอันดับหนึ่ง

คำสั่งนายฉันปฏิบัติแล้วนะเร ตอนนี้ก็ถึงตานายอาระวาดบ้างแล้ว เอาให้เต็มที่ไปเลยให้ทุกคนเกรงกลัวและให้สมกับที่มีอันดับเหนือกว่าพวกเรา

•.★*... ...*★.•

ทุกคนในห้องพากันเงียบลงราวกับนัดกันไว้ขณะมองร่างสูงของเด็กหนุ่มผมดำเดินลงจากที่นั่งด้วยท่าทางเยือกเย็นเกินกว่าวัย ดวงตาสีนิลคู่นั้นยังคงเย็นเยียบเสมอต้นเสมอปลายจนทำเอาคนที่เผลอไปสบตาคู่นั้นอดขนลุกขึ้นมาไม่ได้ สัญชาตญาณของพวกเขากำลังเตือนว่าคนๆนี้นี่แหละที่อันตรายของจริง...อันตรายยิ่งกว่าใครๆที่พวกเขาเคยพบ

เซเรียสมองคนที่เขาอยากจะประลองด้วยตั้งแต่แรกแล้วอดขนลุกไม่ได้ เยือกเย็น น่าเกรงขามเสียจนน่าหวาดหวั่น

เรรับดาบมาจากฟรอสในช่วงที่เดินสวนกัน ต่อให้ดาบเล่มนี้ไม่ถนัดมือหากฟรอสเชื่อว่าถ้าดาบไม้เล่มนี้อยู่ในมือของนักล่าอันดับหนึ่งแล้วละก็มันก็สามารถฆ่าคนได้เหมือนดาบจริง เพื่อนทุกคนต่างจับจ้องเรฟานอฟไม่วางตา พวกเขาอยากจะรู้ว่าฝีมือของหมอนี่มีมากมายแค่ไหน

“พวกนายว่าเรจะจัดการให้เสร็จภายในกี่ดาบ” เซนาเรียสเปรยขึ้นเมื่อฟรอสนั่งลงบนเก้าอี้เรียบรอยแล้ว

“อาจจะหลายดาบก็ได้นะครับ คุณเรอาจจะอยากหยอกเล่นเสียหน่อย” คาไมเคิลคิดพลางพูดออกมาแต่คำว่าหยอกเล่นของนักล่าอันดับหกมันอาจจะทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บจนลุกไม่ขึ้น

“ฉันว่าหมอนั่นอาจจะสั่งสอนไปนิดหน่อยก็ได้” แบบนอนแล้วลุกไม่ขึ้นอีกสองวันนะน่ะ ฟรอสคิดในใจต่อจากคำพูดของตนเองพลางยิ้มร่าแต่ดวงตากลับทอประกายวาววับ

“แต่ฉันว่าน่าจะเป็นดาบเดียวจอดในพริบตามากกว่า” เซนคาดเดาแต่ไม่ว่าเรจะใช้วิธีไหนความซวยทั้งหมดก็ตกไปอยู่ที่เซเรียสอยู่ดี

•.★*... ...*★.•

ท่ามกลางความเงียบภายในห้องเด็กหนุ่มทั้งสองคนต่างยืนเผชิญหน้ากันนิ่ง คนหนึ่งพยายามจะข่มใจของตนเองให้นิ่งสงบแต่มันช่างเป็นการกระทำที่ยากเมื่อมาอยู่ต่อหน้าคนๆนี้

อีกคนนั้นนิ่งเงียบน่าเกรงขาม ภายในดวงตาสีนิลคู่นั้นราวกับเป็นหลุมดำที่สามารถดูดกลืนได้ทุกสิ่งทุกอย่าง คนตรงหน้าคิดอะไรในตอนนี้ ทุกคนไม่อาจจะรู้ได้

“เอ้า...เริ่มได้” อาจารย์สาวให้สัญญาณทว่าคนทั้งสองก็ยังยืนนิ่งราวกับรอให้อีกฝ่ายเป็นคนลงมือ

เซเรียสกระชับดาบมั่นเตรียมตัวป้องกันตัวเองหากอีกฝ่ายโจมตีเข้ามา เด็กหนุ่มผมแดงบอกกับตนเองว่าเขาไม่สามารถอ่านการเคลื่อนไหว อารมณ์หรือความคิดของคนตรงหน้าออก เหมือนเรฟานอฟจะเปิดช่องว่างทุกทิศทางเพราะเจ้าตัวยืนนิ่งเฉยๆไม่แม้แต่จะกระชับดาบเตรียมพร้อม ทว่าเหล่านักล่าด้วยกันต่างรู้ดีว่าแม้จะเป็นพวกเขาโจมตีเข้าไปจนสุดกำลังก็ไม่มีทางทำให้นักล่าอันดับหนึ่งเกิดบาดแผลได้ เพราะความจริงแล้วหมอนี่ไม่เคยเปิดช่องว่างให้ใครเห็น

“ฉันจะเข้าไป” เสียงเย็นเอ่ยออกมาท่ามกลางความเงียบแม้จะเป็นเสียงที่เหมือนกับใช้พูดคุยกันธรรมดาแต่ก็ทำให้หลายคนอดสะดุ้งขึ้นมาไม่ได้

“ดาบเดียวเท่านั้น” มันคือประกาศิตของนักล่าอันดับหนึ่ง

เรออกตัวพุ่งเข้าหาเซเรียสทันทีแม้จะไม่รวดเร็วเช่นครั้งก่อนๆแต่ก็มั่นคงและแน่วแน่ เพียงไม่นานร่างสูงในชุดนักเรียนชายก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเซเรียสที่เตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว

ดาบไม้ในมือของเซเรียสรีบหวดออกไปด้วยความแรงและความเร็วทั้งหมดที่เขาสามารถทำได้ในตอนนั้น ดวงตาสีแดงฉายแววมั่นใจว่าดาบของตนเองจะกระแทกโดนตัวเด็กหนุ่มผมดำแน่เพราะเรไม่ยกดาบของตนเองขึ้นมาป้องกันเลยสักนิด แต่เพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้นที่ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามการคาดการณ์ของเซเรียสเมื่อร่างสูงที่พุ่งเข้ามากลับหลบวูบ

หายไปทั้งที่อยู่ตรงหน้าราวกับภาพมายาที่ไม่อาจจับต้อง มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ดาบไม้ของฝ่ายตรงข้ามทาบลงบนคอของเขาพร้อมร่างสูงของเด็กหนุ่มผมดำที่ยืนอยู่ข้างหลัง เงียบเชียบและรวดเร็วยิ่งกว่าสายลม...คนๆนี้ทำได้ยังไงกัน

เซเรียสได้แต่กัดฟันเพราะทำอะไรไม่ได้ ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่าว่าดาบไม้ที่ทาบอยู่บนคอของเขาราวกับจะเป็นดาบจริงที่คมกริบ ใช่...ราวกับดาบจริงที่สามารถบั่นคอเขาให้แยกออกจากกันจนเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ เขากำลังรู้สึกกลัวดาบที่อยู่ในมือคนๆนี้ทั้งที่รู้ดีว่ามันเป็นเพียงแค่ดาบไม้เท่านั้น

ภายในห้องยังคงเงียบ...เงียบอย่างที่ได้ยินแม้แต่ลมหายใจ เพียงพริบตาเดียวที่เด็กหนุ่มผมดำลงมือทุกอย่างก็จบลงเสียแล้ว ทุกคนต่างมองเรฟานอฟแล้วอดขนลุกขึ้นมาไม่ได้ เด็กหนุ่มยังคงนิ่งและเย็นชาราวกับจะบอกพวกเขาว่าต่อให้ลงมือฆ่าเซเรียสคนๆนี้ก็คงไม่มีความรู้สึกอะไร

เรเอาดาบออกจากคอของเซเรียสก่อนจะกลับไปนั่งที่โดยไม่พูดอะไรในเมื่อทุกคนต่างก็รู้ดีว่าการประลองในครั้งนี้ใครกันแน่ที่เป็นผู้ชนะ

เซเรียสยังคงยืนนิ่งอยู่กลางลานประลองอย่างไม่อยากเชื่อในขณะที่เรนั่งลงข้างๆเซนตามเดิม ไม่มีเพื่อนคนไหนกล้าเข้ามาใกล้เด็กหนุ่มผมดำแม้จะอยากแสดงความยินดีแทบตายก็ตามที

“เรขี้โกง ฟรอสขี้โกง คาไมเคิลขี้โกง...” เสียงหวานของเซนาเรียสกล่าวหาทันทีที่เรนั่งลงบนเก้าอี้และเป็นเวลาเดียวกับเพื่อนห้อง A ต่างเฮขึ้นมาอย่างยินดี

“ทำไมละ...ทำไมพวกนายถึงได้ใช้ฝีมือเต็มที่แล้วทำไมฉันถึงโดนเรห้ามละ” คำพูดของเซนาเรียสทำเอานักล่าอันดับสามกับอันดับหกหันหน้าหนีทันควันปล่อยให้เรต้องเผชิญชะตากรรมกับคู่หมั้นสาวของตนเองอยู่คนเดียว ใครใช้ให้หมอนี่เป็นคนวางแผนขึ้นมาเพราะฉะนั้นก็ต้องแก้ตัวเองก็แล้วกัน

เรถึงกับเม้มปากเมื่อเห็นดวงตาสีทองที่มองมาอย่างหาเหตุผลเพราะเซนเป็นคนเดียวเท่านั้นที่เรไม่กล้าตวาดว่าหุบปากหรือไม่กล้าพูดออกไปว่าไม่จำเป็นต้องตอบ สุดท้ายสิ่งที่นักล่าอันดับหนึ่งทำก็คือเค้นสมองหาเรื่องนู้นเรื่องนี้มาอ้างกับนักล่าอันดับสองไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ไร้สาระแค่ไหนก็ตาม

คาไมเคิลกับฟรอสหันไปกลั้นยิ้มอีกทางเมื่อเห็นท่าทีของเพื่อนที่ได้รับการกล่าวขานว่าน่ากลัวที่สุดในหมู่นักล่า ก็ท่าทางแก้ตัวของนักล่าอันดับหนึ่งมันมีให้เห็นบ่อยๆเสียทีไหนเล่า เขาถึงได้บอกไงเล่าว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือเรก็ยังมีเซนเนี่ยแหละ

•.★*... ...*★.•

หมดชั่วโมงอาวุธแล้วทุกคนต่างเดินลงมาจากที่นั่งเพื่อจะไปเรียนวิชาต่อไป เพื่อนผู้ชายห้อง A ต่างพากันมารุมล้อมแสดงความยินดีกับผู้ชนะทั้งสามขณะที่เด็กสาวสองคนของห้องก็ช่วยกันปลอบใจเซน น่าแปลกที่ทุกคนกล้าเข้าใกล้เรอาจจะเพราะคราวนี้มีเด็กสาวผมชมพูอยู่ด้วยมันเลยทำให้พวกเขาอุ่นใจขึ้นมา

แม้จะรำคาญเพื่อนที่เข้ามารายล้อมสักเท่าไหร่แต่ตอนนี้เขามีเซนอยู่ข้างๆเพราะฉะนั้นเรก็ได้แต่ทนฟังคำแสดงความยินดีนั่นต่อไปแทนที่จะใช้ความกดดันข่มเพื่อนทุกคนอย่างที่ทำเป็นประจำ ต่อหน้าคู่หมั้นสาวคนสำคัญเรไม่กล้าจะทำตัวร้ายกาจออกมาให้เธอเห็นหรอก

ท่ามกลางนักเรียนห้อง A ที่เดินไปแล้ว อาจารย์ประจำวิชากลับจ้องมองตามนักเรียนใหม่ทั้งสี่คนไปจนลับสายตาในขณะที่กรอกเสียงลงไปในคอลอันเล็กที่อยู่ในมือ

“สมกับที่ท่านจับตามอง เด็กหนุ่มสามคนนั้นฝีมือยอดเยี่ยมจริงๆ” เลฟีเรียจ้องมองทางที่ลูกศิษย์ของตนเองเดินออกไปไม่วางตา

‘แล้วเด็กผู้หญิงเล่า’ เสียงในลูกแก้วถามกลับมาทำให้ครูสาวขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอไม่เข้าใจว่าเหตุใดคนที่เธอสื่อสารด้วยถึงสนใจเด็กสาวผมชมพูคนนั้นนัก

“ก็ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ” เธอตอบกลับไปเพราะเท่าที่เห็นวันนี้เด็กสาวคนนั้นฝีมือยังอ่อนด้อยนัก

‘อย่าประมาทเลฟีเรีย ถ้าไม่แน่จริงทางนั้นไม่มีทางส่งคนพวกนั้นมาหรอก จำไว้จับตาดูให้ดีถ้ามีอะไรก็รายงานมา’ คำสั่งที่ดังมาจากคอลทำให้หญิงสาวไม่อาจปฏิเสธได้

“เข้าใจแล้วค่ะ” เมื่อได้คำตอบที่น่าพอใจอีกฝ่ายก็ตัดสายไปในทันที เลฟีเรียถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะขยับรอยยิ้มหยันที่มุมปาก

ผู้ใช้เวททั้งสี่สินะ...เธอจะจับตาดูเอาไว้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel