ตอนที่2
[ลอนดอน , ประเทศอังกฤษ]
หลังจากความผิดพลาดในคืนงานแต่ของอดีตคนรักและรุ่นน้องที่เธอเอ็นดูเหมือนน้องสาว อิงดาวตัดสินใจกลับมาใช้ชีวิตที่ประเทศอังกฤษเงียบๆ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอแค่กลับมาเรียนต่อให้จบปริญญาโทตามที่ตั้งใจไว้ ส่วนเรื่องคืนนั้นปล่อยให้เป็นความทรงจำแย่ๆ วันหนึ่งไป
"ประจำเดือนเรา...ยังไม่มา" หญิงสาวนั่งดูปฏิทินแล้วรับรู้ว่าเดือนนี้ประจำเดือนของเธอยังไม่มาทั้งที่ปกติควรจะมานานแล้ว
"ไม่หรอกอิง จะท้องได้ยังไงเรากินยาแล้วนี่นา" อิงดาวนั่งปลอบใจตัวเองอยู่ในห้องนอน
ตอนที่ออกจากห้องของเขามาเธอไม่ลืมที่จะกินยาคุมฉุกเฉินเพื่อป้องกันตัวเอง เธอยังไม่พร้อมจะมีลูกในตอนนี้โดยเฉพาะกับพ่อของเด็กที่ไม่คิดจะรับผิดชอบ และเธอไม่คิดที่จะให้เขามาเป็นพ่อของลูก คนร้ายกาจแบบเขาไม่คู่ควรจะถูกเรียกว่าพ่อเสียด้วยซ้ำ
หญิงสาวเลิกสนใจเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้วก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ เธอเหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่เดือนก็จะเรียนจบแล้ว ทว่าจู่ๆ เมื่อหลายเดือนก่อนพ่อของเธอก็หยุดส่งเงินมาให้ แถมยังขาดการติดต่อไปเฉยๆ ถึงตอนนี้เธอจะทำงานพาร์ทไทม์เพื่อหาเงินไปพลางๆ แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับค่าเทอมที่ต้องจ่าย
อิงดาวสอบชิงทุนได้ในปีแรก แต่เพราะมหาวิทยาลัยเปลี่ยนระบบใหม่ทำให้นักศึกษาต่างชาติอย่างเธอไม่สามารถได้รับทุนเต็มจำนวนอีกต่อไป เธอจึงต้องขอร้องให้ผู้เป็นพ่อช่วยจ่ายให้ก่อน และหลังจากเรียนจบเธอจะทำงานใช้คืนให้ แต่ตอนนี้เธอกลับติดต่อพ่อไม่ได้เลย
"ค่าเทอมต้องจ่ายต้นเดือนหน้าด้วยสิ" คนที่เครียดอยู่แล้วเริ่มเครียดหนักกว่าเดิม
ครอบครัวของอิงดาวบ้านแตกสาแหรกขาดหลังจากที่เธอเซ็นใบหย่ากับภคินไปเมื่อสองปีก่อน พ่อกับแม่ของเธอหย่าขาดและแยกทางกันไปในที่สุด ผู้เป็นแม่กลับไปอยู่กับยายที่ต่างจังหวัด แต่พ่อของเธอยังคงอยู่บ้านหลังเดิมเพราะฐานะทางฝ่ายพ่อค่อนข้างดีกว่า อิงดาวจึงต้องขอร้องให้พ่อช่วยเหลือเรื่องค่าเทอมโดยไม่ได้บอกให้แม่รู้
"ขอเบิกจากร้านอาหารก่อนก็ไม่พออยู่ดี" หญิงสาวเริ่มกลุ้มใจหนักกว่าเดิมเพราะเงินที่มีไม่พอจ่ายค่าเทอม
อิงดาวไม่อยากพลาดโอกาสในการเรียนปริญญาโทที่เธอใฝ่ฝันไป แต่ดูเหมือนว่าความฝันของเธอจะทำให้คนรอบข้างและตัวเองต้องเดือดร้อน หรือเธอควรจะล้มเลิกความตั้งใจนี้ทิ้งไปแล้วกลับไปอยู่บ้านเกิดของตนเองที่ประเทศไทยเหมือนเดิม
"เอาน่า ลองอีกสักตั้งยังเลือกเวลาอีกตั้งหนึ่งเดือนกว่าจะถึงกำหนดจ่ายค่าเทอม"
เมื่อคิดสู้อีกครั้งเธอจึงปลุกตัวเองให้เลิกท้อแท้และเตรียมตัวไปทำงานที่ร้านอาหาร งานพาร์ทไทม์สำหรับคนต่างชาติอย่างเธอมีให้เลือกไม่มากนัก การจบปริญญาตรีด้วยเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยของประเทศบ้านเกิดกับสถานการณ์ในตอนนี้แทบจะไม่ช่วยอะไรเลย
จากลูกคุณหนูใช้ชีวิตสุขสบายในบ้านหลังใหญ่ ตอนนี้เหลือเพียงอิงดาวคนธรรมดาที่ทำงานร้านอาหารเพื่อประทังชีวิตในต่างแดน แต่ไม่มีใครล่วงรู้ว่าอุปสรรคในชีวิตของคนคนหนึ่งไม่ได้จบลงอย่างง่ายดาย มันยังมีมรสุมลูกใหญ่ที่กำลังเตรียมซัดเข้ามาโดยไม่รู้ตัว
"คะ...คุณพ่อพูดว่าอะไรนะคะ" น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยถามปลายสายที่ติดต่อมาในรอบหลายเดือน แต่สิ่งที่เธอได้ยินกลับไม่ได้น่ายินดีเท่าไหร่นัก
[ธุรกิจของพ่อกำลังจะล้มละลาย ตอนนี้พ่อไม่รู้จะทำยังไงแล้วอิง] ผู้เป็นพ่อที่ขาดการติดต่อไปเนิ่นนาน จู่ๆ ก็โทรมาบอกว่ากิจการของตนกำลังจะล้มละลาย
"พ่อใจเย็นก่อนนะคะ เรื่องเป็นมายังไงคะ เล่าให้อิงฟังได้ไหม"
[เมื่อปีที่แล้วพ่อไปลงทุนธุรกิจใหม่กับหุ้นส่วน พ่อเห็นว่ากำไรดีเลยลงหุ้นไป แต่ไอ้พวกนั้นมันโกงพ่อจนไม่เหลืออะไรเลย บริษัทพ่อก็ใกล้จะล้มลายแล้ว] ปลายสายอธิบายต้นตอของปัญหาให้ลูกสาวได้ฟัง อิงดาวนิ่งอึ้งไปสักพักก่อนจะดึงสติกลับมาได้
"อิงพอจะช่วยอะไรพ่อได้บ้างไหมคะ"
[ลูกอยากช่วยพ่อจริงๆ เหรออิง]
"ค่ะ อิงอยากช่วย ถ้ามีอะไรที่อิงช่วยได้อิงจะช่วยเต็มที่เลยค่ะ" อิงดาวตอบอย่างหนักแน่น เธอไม่ได้ใจดำมากพอที่จะทิ้งพ่อในสถานการณ์เช่นนี้ได้ แม้ว่าท่านจะแยกทางกับแม่แล้ว แต่อย่างไรก็ยังเป็นคนที่เธอเรียกว่าพ่อ และเป็นคนที่ทำให้เธอได้เกิดมา
[ขอบใจมากนะลูกอิง นอกจากลูกแล้วพ่อไม่มีใครแล้วจริงๆ] น้ำเสียงของปลายสายดูวิตกกังวลและเครียดอย่างเห็นได้ชัด
"เรื่องค่าเทอมของอิง พ่อไม่ต้องส่งมาแล้วนะคะ อิงจะทำเรื่องของผ่อนผันกับทางมหาวิทยาลัยดูค่ะ"
[ทำแบบนั้นได้เหรอลูก]
"อิงจะลองดูค่ะ ถ้าไม่ได้อิงจะดรอปไว้ก่อนแล้วค่อยกลับไปเรียนก็ได้ค่ะ" อิงดาวตอบให้ท่านสบายใจทั้งที่เธอในตอนนี้ก็อยากร้องไห้ออกมาเหมือนกัน
หญิงสาวทรุดนั่งลงกับพื้นฟุตบาทข้างทางที่มีรถสัญจรไปมา มือเรียวกำโทรศัพท์แน่น ใบหน้าสวยเหม่อมองท้องฟ้าที่เริ่มมืดครึ้มบ่งบอกถึงอากาศที่ไม่สดใสเหมือนกำลังจะมีพายุพัดมาในอีกไม่ช้าพอๆ กับจิตใจของเธอในตอนนี้
"เฮ้อ! แล้วจะทำยังไงต่อดีล่ะ" อิงดาวนั่งกอดเข่าฟุบหน้าร้องไห้สะอื้นจนไหล่สั่นอยู่ที่เดิม ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างเหลียวมองด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาทักหรือปลอบเธอแม้แต่คนเดียว
อิงดาวไม่กล้าติดต่อไปหาภคินผู้เป็นอดีตคู่หมั้น แม้จะรู้ว่าเขาสามารถช่วยเหลือเธอได้แน่นอน แต่เธอละอายใจเกินกว่าจะขอความช่วยเหลือจากเขา ตอนนี้ชีวิตของเขากับคนรักที่เพิ่งแต่งงานกันกำลังไปได้ดี เธอไม่อยากกลายมาเป็นภาระให้กับครอบครัวของเขา
"คิดสิคิดอิงดาว จะทำยังไงต่อ" เธอหาหนทางช่วยผู้เป็นพ่อไม่ได้เลย
เธออยากช่วยให้พ่อหลุดพ้นวิกฤตนี้ แต่ลำพังแค่หาเงินประทังตัวเองก็ยากพออยู่แล้ว หากเธอเมินเฉยกับเรื่องนี้และทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นคนที่เดือดร้อนก็คือพ่อของเธอ ท่านกำลังเครียดมากซึ่งไม่ดีแน่กับที่คนอายุวัยเข้าเลขหก
ติ๊ง~ จู่ๆ เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ก็ดังขึ้นในขณะที่เธอกำลังคิดไม่ตก
"ข้อความของพ่อ?" อิงดาวเปิดสิ่งที่ผู้เป็นพ่อส่งมาแล้วได้แต่ตาโตด้วยความตกใจกับข้อความตรงหน้า
[เพื่อนนักธุรกิจของพ่อที่อยู่อังกฤษอยากนัดเจอลูก อิงไปเจอเขาหน่อยนะลูก แค่ไปกินข้าวเฉยๆ เขาอาจจะช่วยเราได้]
หญิงสาวกดปิดโทรศัพท์ลงทันควัน เธอเข้าใจทุกประโยคในข้อความเป็นอย่างดี เธอรู้ว่าพ่อของเธอกำลังจะสื่ออะไร
