ไม่อยากเป็นเพื่อน
-หลายวันต่อมา-
“นินลา!”
เสียงที่คุ้นเคยร้องเรียกจากทางด้านหลังเมื่อฉันกำลังจะเดินเข้ามาในตึกคณะ
“ว่าไงคะ?” ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางๆ เป็นการทักทายเมื่อเห็นว่าคนที่มาหาคือว่าที่คุณหมอเพทาย แล้วก็เป็นว่าที่แฟนของฉันด้วย
“พี่ซื้อชานมมาฝาก เห็นว่าเราชอบกินอยู่บ่อยๆ”
“ขอบคุณมากค่ะ รู้ใจนินจังเลยนะ”
“พักกลางวันไปกินข้าวด้วยกันนะ วันนี้พี่พักเร็ว”
“ได้สิคะ จะให้นินไปเจอที่ไหน?”
“ที่โรงอาหารA ก็ได้ ที่นั่นมีร้านอาหารให้เลือกเยอะดี”
“โอเคค่ะ แล้วเจอกัน” ฉันตอบตกลงในทันทีโดยไม่สนใจยัยส้มโอกับเมษาที่ยืนแบะปากมองบนอยู่ข้างๆ เพราะนานๆ พี่เพทายจะมีเวลาว่างตรงกัน
“สงสัยกลางวันนี้ ฉันกับส้มโอคงต้องไปกินข้าวกันแค่สองคน เพราะนังคนสวยมันหนีไปกินข้าวกับผู้ชายค่ะ” เมษาพูดกระแหนะกระแหนหลังจากที่พี่เพทายเดินออกไปแล้ว
“นานๆ ทีเหอะ ไม่ได้ไปทุกวันสักหน่อย”
“เชอะ!”
“งั้นพวกแกก็ไปกับฉันสิ โรงอาหารA มีหนุ่มๆ คณะสถาปัตยเพียบเลยนะ” ฉันออกความเห็น เพราะโรงอาหารA ส่วนมากจะมีแต่คณะผู้ชายที่มาใช้บริการ
“ไม่อยากเป็นก้างขวางคอ” ส้มโอพูดอย่างไม่จริงจัง
“ก้างขวางคอที่ไหน พวกแกอย่าคิดมาก! ไปด้วยกันหลายคนสนุกดี”
“แกไปคนเดียวน่ะดีแล้ว ฉันเกรงใจพี่ทาย ถึงไปก็เกร็งๆ เดี๋ยวกินข้าวไม่อร่อย”
“งั้นก็ตามใจแล้วกัน”
-โรงอาหารA-
“นั่นมันน้องนินการโรงแรมปีสองนี่หว่า หุ่นอย่างเอ็กซ์เลย”
“ผิวขาวจวั๊ะ หน้าอย่างกับตุ๊กตา”
“คนนี้น่ารักจริง เห็นเขาบอกกันว่ามีแฟนเรียนหมออยู่ปี่สี่”
ฉันทำเป็นหูทวนลมเมื่อได้ยินเสียงซุบซิบของพวกผู้ชายที่พูดถึงฉันตั้งแต่ยังไม่เข้าไปในโรงอาหารเลยด้วยซ้ำ
“ทางนี้นินลา”
ดวงตากลมโตวาดสายตามองหาพี่เพทาย ก่อนจะเห็นว่าเขานั่งอยู่ไม่ไกล
“กินอะไรดี เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้” พี่เพทายยิ้มให้ฉันอย่างอบอุ่น
“นินเอาราดหน้ารวมมิตรกับน้ำเปล่าค่ะ”
“โอเคครับ งั้นรอแป๊บนึงนะ”
“…..” ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเพื่อฆ่าเวลาหลังจากที่พี่ทายเดินออกไปซื้อข้าวมาให้ แต่กลับต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงบทสนทนาของกลุ่มผู้หญิงที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ
“นั่นไบรอัน เดกซ์ ใช่ไหม เคยเห็นแต่ในรูป ตัวจริงหล่อกว่าในรูปอีกนะ เพื่อนเขาก็ด้วย ดูหล่อทุกคนเลย”
“ทรงอย่างแบดเลยแก ฉันล่ะอยากเห็นหน้าแฟนเขาจริงๆ”
“เห็นถ่ายรูปติดผู้หญิงลงไอจีบ่อยๆ อยู่นะ แต่ถ่ายแบบไม่เห็นหน้า เลยไม่รู้ว่าเป็นใคร”
“…..” พอแน่ใจว่าเป็นไบรอันเจ้ากรรมนายเวรของตัวเอง ฉันถึงกลับเลิ่กลั่กหันมองซ้ายขวา เมื่อไหร่จะหนีเขาพ้นสักทีนะ
ดูเหมือนว่าไบรอันจะมองเห็นฉันแล้วด้วย ให้ตายเถอะ เขากับเพื่อนๆ กำลังเดินตรงมาทางโต๊ะที่ฉันนั่งอยู่
“ได้แล้วครับ ราดหน้าของนิน” เสียงของเพทายดังขึ้น ปลุกฉันให้ตื่นจากความคิด
“ขอบคุณค่ะ”
“เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมหน้าซีดๆ มือสั่นๆ”
“อากาศมันร้อนนิดหน่อยน่ะค่ะ” ฉันตอบเสียงสั่น พลางมองไปยังไบรอันและกลุ่มของเพื่อนที่นั่งอยู่โต๊ะตรงข้าม
หางตาที่ไบรอันมองมาเหมือนอยากจะจับพี่เพทายฉีกออกเป็นชิ้นๆ
“งั้นรีบกินนะ เสร็จแล้วเราค่อยไปหอสมุดกัน”
“ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับรู้ แล้วตักราดหน้าเข้าปากด้วยความเร่งรีบ ถ้ากินหมดจะได้รีบออกไปจากตรงนี้
“ขอนั่งด้วยคนสิ เธอคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม?” ไบรอันเดินถือจานข้าวเข้ามาหา แทนที่จะนั่งข้างฉัน แต่เขากับเลือกนั่งลงข้างๆ พี่เพทาย
“โต๊ะอื่นก็ว่างตั้งเยอะตั้งเยะ จะมานั่งอะไรตรงนี้ ไปไกลๆ เลยนะ” ฉันรีบออกปากไล่เพราะรู้สึกถึงความหายนะที่กำลังคลืบคลานเข้ามา
“ก็ฉันจะนั่งตรงนี้ แล้วใครจะทำไม!?”
“…..” พี่เพทายเงียบพร้อมมองสังเกตฉันแบบเป็นระยะ
“หรือมึงมีปัญหา” เมื่อเห็นว่าฉันไม่ตอบ เขาเลยเลือกที่จะมองหน้าพี่ทายแทน
ออกไปให้พ้นนะ ไอ้คนอันธพาล!
“นินว่าเราย้ายโต๊ะกันเถอะค่ะ”
“…..”
หมับ! ยังเดินไปได้ไม่ถึงไหน ร่างฉันเซถลาไปตามแรงดึงเมื่อไบรอันคว้าข้อมือฉันแล้วกระชากอย่างแรงจนเกือบจะล้มลงไปนั่งบนตักเขา
“ถ้าจะย้ายก็ให้มันย้ายคนเดียว ส่วนเธอต้องนั่งกับฉัน!”
“ปล่อยนะไบรอัน คนมองเยอะแล้ว”
“ใครมองก็ช่างหัวมันสิ ฉันไม่สนหรอก”
“นายมัน…”
“ฉันมันทำไม!?”
“…..” ฉันถึงกลับหมดคำจะพูดให้กับปฏิกิริยาของคนตัวโตที่เอาแต่ใจ
“นินโอเคไหม?” พี่เพทายเอ่ยถาม สายตาของเขาดูเป็นห่วงฉันอยู่เหมือนกัน
“ไม่เป็นไรค่ะ นินต้องขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะคะที่เสียมารยาท”
“เหอะ!” ไบรอันแค่นหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน
“พี่ทายกินข้าวต่อเลยค่ะ นินขอตัวก่อน”
เมื่อสถานการณ์เริ่มไม่เป็นใจ ถ้าฉันอยู่ต่อไบรอันคงไม่ยอมเลิกราแน่ สิ่งที่จะทำคือรีบเดินหนีออกมา
ตึกตัก! เสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างรีบร้อน ก่อนที่ฉันจะมาหยุดอยู่หลังตึก แล้วก็เป็นเหมือนที่คิดไม่มีผิด ไบรอันเดินตามฉันออกมาจริงๆ
“เดี๋ยวก่อนนินลา”
“…..”
“นินลา!” เขาเรียกด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม
“โอ้ยยย ไบรอัน จะอะไรกันหนักหนา นายมันน่ารำคาญชะมัดเลย” ครั้งนี้ฉันหันไปแผดเสียงใส่อย่างรำคาญ
“ฉันหวงเธอมาก มาบอกว่าน่ารำคาญงั้นเหรอ?”
“แล้วจะมาหวงทำไม ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับนายสักหน่อย”
“ฉันให้โอกาสเธอคิดดีๆ ก่อนจะพูดประโยคเฮงซวยนั้นออกมา” คนตัวโตเดินมาขวางหน้าไว้ไม่ให้ฉันเดินหนี แต่ยังโชคดีอยู่บ้างที่ตรงนี้ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน
“หะ…ห้ามล้ำเส้นกัน นายลืมไปแล้วเหรอ?”
“…..” คนตัวโตถึงกลับยกมือทึ้งหัวตัวเอง เพราะทำอะไรฉันไม่ได้ ถ้าเป็นคนอื่นพูดแบบนี้ ไบรอันคงกระโดดถีบเข่าคู่ไปนานแล้ว
“จะเอาแบบนี้ใช่ไหม!?” ฉันจ้องหน้าเขาคืน แล้วถามอย่างไม่ยอม พอเห็นว่าฉันเอาจริง ไบรอันจึงยอมปรับอารมณ์ให้เบาลง
“ไม่เอาแบบไหนทั้งนั้นแหละ”
“งั้นก็จำไว้ด้วยว่าเราเป็นแค่เพื่อนกัน นายไม่มีสิทธิ์มาระรานฉันหรือมาระรานคนของฉันแบบนี้”
“คน ของ เธอ งั้นเหรอ!?” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินประโยคที่ฉันบอก “เคยเอากับมันแล้วหรือไง ถึงได้กล้าพูดออกมาขนาดนี้!”
“…..”
“ฉันถามว่าเคยเอากับมันมาแล้วหรือไง ถึงได้พูดแบบนี้”
“ปะ…เปล่า ฉันไม่เคยมีอะไรกับพี่เพทายสักหน่อย” ฉันสะดุ้งตอบกลับเมื่อเห็นว่าเขาเริ่มเดือดดาลขึ้นมาอีกครั้ง
“ก็ลองมีกับคนอื่นดูสิ ฉันฆ่ามันแน่!”
“ไอ้คนเฮงซวย ฉันเกลียดนาย!”
“ก่อนจะพูดคำนั้น ฉันอยากให้เธอจำว่าเราเคยเอากันไปกี่ครั้งแล้ว?”
“…..” ฉันหันซ้ายมองขวาไปบริเวณโดยรอบอย่างร้อนรน ไหนเคยรับปากกันแล้วไงว่าจะไม่พูดเรื่องนี้
“หรือต้องให้เล่าเตือนสติด้วยไหม ว่าใครที่เป็นคนแรกของเธอ”
“บะ…ไบรอัน! หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ!”
“อย่าทำเหมือนไม่เคย ทั้งๆ ที่โดนฉันปล่อยในใส่จนนับครั้งไม่ถ้วน!”
“…..”
“ถ้าไม่อยากให้ฉันกระทืบมันตายคาตีน วันนี้หรือเดี๋ยวนี้ เลิกเรียนให้ไปรอฉันที่รถ” ใบหน้าคมคายโน้มลงมากระซิบกระซาบข้างใบหู ถึงแม้ว่าเขาจะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ฉันกลับรู้สึกว่าหัวใจมันเต้นแรงแฝงไปด้วยความกลัว “เธอคงรู้นิสัยฉันดีกว่าใคร ถ้าไม่ไปจะเกิดอะไรขึ้น”
