คิดไม่ซื่อ
ระหว่างทางที่อยู่บนรถ เราสองคนแทบจะไม่ได้คุยอะไรกันเลย จะมีก็แต่เสียงเพลงคลาสสิคที่ทำลายบรรยากาศอันแสนอึดอัด
“ขอบใจที่มาส่ง” ฉันหันไปบอกคนตัวโตที่มาส่งถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถมาแต่ก็ไม่ลืมยื่นมือขอโทรศัพท์คืนด้วย “เอาโทรศัพท์คืนมา”
“…..”
“เร็วสิ เอาโทรศัพท์คืนมานะ” ฉันพูดด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิมเมื่อไบรอันเอาแต่นั่งเงียบจ้องหน้าฉันอยู่แบบนั้น
“มาใกล้ๆ หน่อย”
“…..”
“จะเอาไหมโทรศัพท์?”
พอได้ยินแบบนั้น ฉันจึงเดินอ้อมไปหาเขาที่นั่งอยู่ด้านฝั่งคนขับ
“โทรศัพท์ของเธออยู่ในกระเป๋ากางเกง”
“หยิบให้หน่อยสิ”
“ถ้าอยากได้ก็หยิบเอง”
ฉันกลอกตามองบนไปมาด้วยความเบื่อหน่าย พร้อมใช้มือน้อยๆ ยื่นเข้าไปล้วงหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของไบรอัน
“ยะ…อยู่นิ่งๆ สิ เดี๋ยวก็จับโดนอย่างอื่นหรอก” ฉันแผดเสียงแหลมๆ เมื่อคนตัวโตตั้งใจแกล้งขยับตัวเคลื่อนไหวไปมา
“ก็จับสิ ฉันไม่ได้ว่าอะไรอยู่แล้ว”
ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นท่าทางเลิ่กลั่กของฉัน
“ขอจูบหน่อย”
“ไม่…”
ยังไม่ทันได้ตอบปฏิเสธเขาก็ทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดคือโน้มใบหน้าหล่อเหลามาจูบฉันแบบดูดดื่ม
มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าของฉันไว้แน่นเพื่อไม่ให้ดิ้นหนีพร้อมกับสอดเรียวลิ้นเข้ามาในโพรงปากนานร่วมนาที
“อื้ออ พะ…แล้ว ไบรอันเดี๋ยวมีคนมาเห็น” ฉันผลักคนตัวโตให้ถอยห่างเมื่อจูบของเขาเริ่มเร่าร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ “บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ให้จูบ”
“ทำอย่างกับไม่เคยจูบกัน”
“หยุดพูดเลยนะ! ไม่งั้นไม่ต้องมาเจอกันอีก” ครั้งนี้ฉันเอาจริงมองจ้องไบรอันอย่างไม่ยอม ทำเอาเขาต้องรีบเบือนหน้าหันหนีเมื่อเห็นว่าฉันเริ่มโกรธ
เห็นดิบเถื่อนแบบนี้ แต่ความจริงแล้วไบรอันกลัวฉันโกรธยิ่งกว่าอะไรดี เพราะครั้งก่อนตอนที่ฉันงอน บล็อกเบอร์บล็อกไลน์ไม่ยอมคุยกับเขาไปตั้งเกือบเดือน
“พรุ่งนี้วันหยุด ไปเที่ยวกันไหม?”
“มีนัดแล้ว”
“นัดกับใคร!?” ครั้งนี้เขาถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง สีหน้าของเขาก็ดูเปลี่ยนไปด้วย
“มีนัดทำรายงานกับส้มโอ”
“…..”
“ฉันเข้าบ้านก่อนนะ” สิ้นประโยคบอกเล่า ฉันรีบเดินหนีออกจากตรงนั้น แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดตามหลังมา
“ต้องทำยังไงเธอถึงจะยอมใจอ่อนสักที?”
“ก็บอกไปแล้วไงว่าฉันไม่ได้คิดอะไรกับนาย ฉันรู้สึกกับนายแค่เพื่อนเท่านั้น อย่าเซ้าซี้ไปหน่อยเลย”
“แต่ฉันชอบเธอมากนะ”
“เดี๋ยวอีกหน่อยนายก็เลิกชอบฉันเองนั่นแหละ” ฉันพูดแบบไม่ใส่ใจ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าไบรอันชอบฉันมาตั้งนานแล้ว ถ้าเขาเจอคนที่ดีกว่าสวยกว่าเดี๋ยวก็คงไปจากฉันเอง
“ถ้าฉันจะถอย ฉันคงถอยนานแล้ว”
“เลิกพูดจางี่เง่าแบบนี้สักทีเถอะไบรอัน มันไม่มีประโยชน์หรอก”
“แล้วไอ้เพทายมันดีกว่าฉันตรงไหน ทำไมเธอถึงไปชอบแต่มัน” เขาถอนหายใจพรืดใหญ่คล้ายกับกำลังระงับสติอารมณ์ของตัวเองอยู่
“เขาดีกว่านายทุกตรงนั่นแหละ”
“รู้จักมันดีแค่ไหนกัน ถึงกล้าที่จะพูดแบบนี้”
“…..” ฉันเม้มปากเงียบเมื่อเห็นสายตาดุดันของคนตรงหน้า เวลาเขาโกรธหรือไม่พอใจอะไรมักจะมีอารมณ์รุนแรงอยู่เสมอ
“อย่าให้ฉันหมดความอดทนก็แล้วกัน บอกมันระวังตัวไว้ให้ดี”
“นายห้ามทำอะไรพี่เพทายนะ ไม่งั้นฉันโกรธจริงๆ ด้วย”
“เหอะ!” คนตัวโตแค่นหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน สายตาของเขามันทำให้ฉันรู้สึกขนลุกแปลกๆ
ครืด~ สมาร์ตโฟนในมือแผดเสียงร้องดังขึ้นเมื่อมีสายเรียกเข้า ฉันละสายตาจากไบรอันแล้วกดรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นส้มโอที่โทรมา
(แกถึงบ้านหรือยัง)
“ถึงแล้ว” ฉันตอบกลับโดนมีสายตาของไบรอันคอยมองอยู่
(อวัยวะแกยังอยู่ครบ32หรือเปล่า)
“อยู่ครบสิย่ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”
(พรุ่งนี้เก้าโมงมีนัดทำรายงานที่คอนโดฉันนะ ห้ามมาสายล่ะ)
“ไม่สายหรอกน่า”
(งั้นแค่นี้แหละ รู้สึกมึนหัวชะมัดเลย ขอตัวไปนอนก่อน)
ติ๊ด! หลังจากที่ส้มโอกดวางสาย ฉันรีบหันหลังเดินเข้าบ้านมาพร้อมกับไบรอันที่มองตามจนลับสายตา
-เช้าวันต่อมา-
“เมื่อคืนใครมาส่ง พ่อเห็นรถจอดอยู่หน้าบ้านตั้งนานสองนาน” คุณพ่อละสายตาจากหนังสือพิมพ์แล้วหันมาถามฉันที่กำลังนั่งทานข้าวเช้าอยู่ข้างๆ คุณแม่ไปจ่ายตลาด ส่วนนิรินไปเที่ยวเชียงใหม่กับคุณย่า
“รถหนูยางแบนจอดอยู่ที่คลับค่ะพ่อ ไบรอันเลยอาสามาส่ง”
“ไหนบอกว่าชอบพี่เพทาย แล้วทำไมถึงไปไหนมาไหนกับไบรอันอยู่บ่อยๆ” พ่อเอียงคอมองหน้าฉันด้วยความสงสัย เพราะไม่ว่าจะมีเรื่องอะไร ฉันมักจะเล่าให้พ่อกับแม่ฟังเกือบทุกเรื่อง
“ก็ชอบพี่เพทายเหมือนเดิมนั่นแหละค่ะ ส่วนไบรอันเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้ว”
“แต่พ่อว่าไบรอันเขาชอบหนูนะ เห็นชอบมาตั้งแต่มัธยมแล้วไม่ใช่เหรอ”
“แล้วไงล่ะคะ หนูไม่ได้ชอบเขาสักหน่อย” พอได้ยินชื่อไบรอันก็เริ่มรู้สึกห่อเหี่ยวขึ้นมาซะงั้น
“พ่อว่าเขาก็หล่อดีนะ แถมยังชอบซื้อของมาให้ลูกอยู่บ่อยๆ หนูไม่ชอบเขาจริงๆ เหรอ?”
“ไม่ชอบหรอกค่ะ ไบรอันเกเรจะตายไป”
“เป็นเพราะเขาชอบแกล้งหนูตอนเด็กๆ ด้วยใช่ไหม หนูเลยไม่ชอบเขา” คุณพ่อหัวเราะเบาๆ เพราะวีรกรรมของฉันกับไบรอันใช่ย่อยที่ไหนกัน เรียกว่าแสบทั้งคู่ ตีกันตอนอนุบาลยังไม่พอ มาตีกันตอนมัธยมอีก กว่าจะดีกันได้ก็ตอนเข้ามหาลัยนี่แหละ
“นั่นมันก็ส่วนนึงค่ะพ่อ”
“หนูก็ใช่ย่อยที่ไหน เอาไม้กวาดตีหัวเขาจนได้เย็บไปตั้งหลายเข็ม”
“…..”
“อยู่ใกล้กันมากๆ ระวังหลงรักพ่อหนุ่มลูกครึ่งแบบไม่รู้ตัว”
“ไม่หรอกค่ะ ว่าที่แฟนของหนูคือคุณหมอเพทายต่างหากเล่า”
