อยากให้ดูแล
-มหาวิทยาลัย-
“ยัยนิน!”
ฉันสะดุ้งตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงของส้มโอ ตะโกนเรียกมาแต่ไกล ว่าแต่แหกปากเรียกฉันขนาดนี้คงมีเรื่องคอขาดบาดตายแน่ๆ
“อะไรของแก? เรียกซะตกใจหมด”
“ฉันมีเรื่องมาเล่าให้ฟัง”
“ถ้าเป็นเรื่องของคนอื่นพักก่อน! ฉันต้องอ่านหนังสือ” ฉันรีบยกมือห้าม พลางก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือของตัวเองต่อ เพราะว่ายัยส้มโอชอบชวนคุยเรื่องคนอื่นอยู่ตลอดน่ะสิ
“เอิ่ม…จะเรียกว่าเรื่องของคนอื่นได้ไหมนะ เพราะมันเป็นเรื่องของไอ้ไปร์ท กิ๊กเก่าแกไง”
“ไปร์ททำไม?” พอได้ยินแบบนั้น ฉันจึงรีบหันไปมองหน้าส้มโอด้วยความสงสัย
“คนในมหาลัยเขาพูดกันให้แซ่ดว่าไอ้ไปร์ทกับเพื่อนมันโดนดักตีเมื่อคืน”
“แล้วไปร์ทเป็นอะไรมากไหม?” ที่ถามเพราะความอยากรู้ ไม่ได้เป็นห่วงเขาแต่อย่างใด เพราะอย่างน้อยๆ ก็เคยมีความรู้สึกดีๆ ให้กัน
“เห็นบอกกรามหัก กระดูกขาแตกต้องผ่าตัดด่วน”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“น่าจะจริงนะ เพราะวันนี้ไม่เห็นพวกมันมาเรียนเลย”
“คนสมัยนี้ใจคอโหดเหี้ยม ไม่รู้ว่าทำอะไรให้ ถึงกลับจะฆ่าจะแกงกันได้ลงคอ” ฉันพูดแล้วคิดตามในสิ่งที่ส้มโอบอก ต่อให้มีเรื่องบาดหมางขนาดไหนก็ไม่เห็นต้องทำร้ายกันขนาดนี้เลย
“สงสัยคงไปขัดขาเจ้าถิ่นเข้าให้น่ะสิ เขาถึงตามมาเอาคืนขนาดนี้”
“…..”
“ว่าแต่วันนี้พ่อเทพบุตรสุดหล่อของฉันไปไหน ทำไมไม่เห็นมาหาแกเหมือนทุกวัน” เมษาพูดแทรกขึ้นพลางสอดส่องสายตามองไปรอบๆ เมื่อไม่เห็นไบรอันปรากฏตัวเหมือนทุกวัน
“ไปไหนก็ช่างเขาสิ จะอยากรู้ไปทำไม” ฉันตอบแบบไม่ใส่ใจ
ตั้งแต่แยกจากกันเมื่อคืน ไบรอันก็ขาดการติดต่อไปเลย เขาไม่ได้โทรมาหาหรือส่งข้อความมาแต่อย่างใด
“แล้วแกไม่อยากรู้หรือไงว่าไบรอันเขาหายไปไหน เพราะปกติตามติดแกอย่างกับปลาท่องโก๋”
“ไม่อยากรับรู้ แล้วก็ไม่อยากถามด้วย”
“จ้าาาา ไม่อยากรู้ก็ไม่อยากรู้” ส้มโอและเมษาพูดขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะมองมาทางฉันด้วยสายตากระแหนะกระแหน แต่แล้วไง! ไม่สนใจหรอกย่ะ
“…..”
หลังเลิกเรียน…
“ขออภัยค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งนะคะ”
“ขออภัยค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งนะคะ”
“ไอ้คนบ้า! ไหนบอกจะพาไปกินชาบูไง แล้วหายไปไหนของเขานะ”
“โทรไปก็ปิดเครื่อง จะไปไหนมาไหนทำไมไม่บอกกันบ้าง จะได้ไม่ต้องมารอแบบนี้”
“จะงอนให้เข็ดเลย คอยดูเถอะ!”
ฉันยืนกอดอกบ่นพึมพำอยู่หลังตึกคณะด้วยความหงุดหงิด พยายามติดต่อโทรหาไบรอันตั้งหลายสาย แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ไม่รู้ว่าป่านนี้กำลังมัวทำอะไรอยู่ ถึงปล่อยให้ฉันรอนานขนาดนี้
ให้ตายเถอะ! หรือบางทีเขาอาจจะลืมนัดฉันไปแล้ว
-หลายวันต่อมา-
“มัวแต่นั่งเหม่อลอยคิดเรื่องอะไร?”
“คิดเรื่องทั่วไป ไม่มีอะไรหรอก” ฉันพยายามตอบเมษาด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติมากที่สุด
นับว่าเป็นเรื่องที่น่าแปลกเมื่อจู่ๆ ไบรอันก็หายไป เขาไม่มาเรียนตั้งหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้แอบไปเถลไถลที่ไหนหรือเปล่า
“ฉันก็นึกว่าแกคิดถึงพ่อไบรอันสุดหล่อของฉันซะอีก”
“ไม่ใช่สักหน่อย ฉันกำลังคิดถึงพี่เพทายอยู่ต่างหากเล่า” ฉันยืนยันกับเพื่อนเสียงแข็ง ไม่ได้เป็นห่วงหรือคิดถึงไอ้ฝรั่งขี้นกคนนั้นซะหน่อย
“นั่นสิ…เดี๋ยวนี่แกกับพี่เพทายเป็นยังไงบ้าง?” ครั้งนี้ส้มโอเป็นคนถามด้วยความอยากรู้
“ก็ดีนะ โทรคุยกันทุกวัน แต่พี่เขาเรียนหนักเลยไม่ค่อยมีเวลามาเจอฉัน”
“คนเรียนหมอก็แบบนี้แหละ มีแต่เรียนไม่ค่อยมีเวลาว่างหรอก”
“…..”
“แกทะเลาะกับไบรอันเหรอ?” เมษาถามขึ้นอีกครั้งด้วยความอยากรู้
“เปล่านะ”
“แล้วเขาหายไปไหน ฉันไม่เห็นมาหาแกแล้วก็ไม่เห็นมาเรียนหลายวันแล้วนะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน ฉันโทรไปก็ปิดเครื่อง”
“หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับไบรอันหรือเปล่า?”
“คงไม่ใช่หรอกมั้ง ไอ้หมอนั่นถึกทนจะตายไป ไม่ตายง่ายๆ หรอก”
“แต่มันน่าแปลกนะ ปกติเขาไม่เคยหายไปหลายวันขนาดนี้ ทำไมแกไม่ลองไปดูที่คอนโดเขาก่อน”
“…..” พอได้ยินในสิ่งที่เมษาบอก ฉันก็เริ่มหวั่นไหวไม่แน่ใจขึ้นมาบ้างแล้ว หรืออีตานั่นจะเมาจนลื่นล้มหัวฟาดพื้นในห้องน้ำ ถ้าหายไปหลายวันขนาดนี้ ป่านนี้คงนอนขึ้นอืดแล้วแน่ๆ
“ฉันเห็นด้วยกับเมษานะ การที่ไบรอันไม่มาหาแก แถมยังติดต่อไม่ได้แบบนี้ ฉันว่ามันเริ่มผิดปกติแล้ว”
“ก็ได้ๆ เดี๋ยวเลิกเรียนเย็นนี้จะแวะไปดูแล้วกัน”
-คอนโดไบรอัน-
ก๊อก! ก๊อก! ฉันเคาะประตูแล้วกดสแกนนิ้วเปิดเข้าไปในห้องของไบรอันอย่างถือวิสาสะ แค่อยากมาดูว่าเขาหายไปไหนกันแน่ ทำไมถึงขาดการติดต่อไปนานหลายวัน
“เอ่อ…คือว่าฉัน…”
ดวงตาเฉี่ยวคมนับสิบ พากันจ้องมองมาทางฉันเป็นตาเดียว พอเห็นได้แบบนั้นฉันถึงกลับเลิ่กลั่กหยุดชะงักนิ่งไป เมื่อเห็นว่าภายในห้องนี้มีเพื่อนของไบรอันอยู่กันตั้งหลายคน
“เธอมาก็ดีแล้ว ช่วยไปดูไอ้ไบรอันหน่อยสิ” ลีเพื่อนสนิทของไบรอันพูดขึ้น
“เขาเป็นอะไร?”
“ไปฟัดกับหมาที่ไหนมาก็ไม่รู้ เจ็บหนักอยู่เหมือนกัน พวกฉันไล่ให้ไปหาหมอก็ไม่ยอมไป ไม่รู้จะดื้อด้านอะไรนักหนา!”
“แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหน?”
“ในห้องนอน เห็นมันบ่นๆ ว่าอยากเจอเธออยู่พอดี”
“งั้นขอตัวก่อนนะ” ฉันรีบเดินเลี่ยงเข้ามาในห้องนอนของไบรอัน โดยมีสายตาของพวกเพื่อนๆ ที่มองตาม
แกร้ก~ ทันทีที่เปิดประตูห้องนอนเข้ามา สิ่งแรกที่เห็นคือไบรอันนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง
“ไบรอัน!” ฉันเดินเข้าไปสะกิดคนตัวโตที่นอนหลับอยู่ ดูเหมือนว่าเขาจะมีไข้ด้วยนะ ตัวร้อนจี๋เลย
“อื้ออ~” ใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆ ขยับเมื่อได้ยินเสียงเรียก
ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อไบรอันหันมาแล้วเห็นบาดแผลฟกช้ำตามใบหน้าเต็มไปหมด ไม่ใช่แค่หน้าแต่ตามลำตัวก็ด้วย
“ทำไมสภาพเป็นบะ…แบบนี้?”
“ฉันนอนเจ็บตั้งหลายวันแล้วนะ ทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้ ไม่รู้หรือไงว่าคิดถึง” เขาเลือกที่จะไม่ใส่ใจในคำถามแล้วดึงฉันไปกอดแทน
“บอกมาเดี๋ยวนะ ว่าไปทำอะไรมา?”
“โดนจิ๊กโก๋ท้ายซอยกระทืบมา”
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ให้มีเรื่อง!”
“ฉันหาเรื่องก่อนที่ไหน พวกมันต่างหากที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน”
“ตัวนายร้อนจี๋เลยนะ กินข้าวกินยาหรือยัง?” ฉันใช้มือแตะหน้าผากของคนตัวโตเบาๆ
“รอเมียมาป้อน”
“คนบ้า! เจ็บหนักขนาดนี้ยังจะมาห่วงเล่นอยู่อีกนะ”
“…..” ถึงแม้ว่าเขาจะเจ็บ แต่ไบรอันก็ยังหันมายิ้มให้ฉันแบบทะเล้น ไอ้คนบ้า! คนอุตส่าห์เป็นห่วงนะ
“งั้นรอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวฉันออกไปซื้อข้าวต้มมาให้”
“ไม่ต้องลำบากหรอก แค่เห็นว่าเธอมาหาก็หายเจ็บแล้ว”
“…..”
“โทรศัพท์ฉันพังเลยไม่ได้โทรบอก เธอคงไม่โกรธใช่ไหม?”
“เห็นสภาพนายเป็นขนาดนี้แล้วใครจะไปโกรธลง” ฉันถอนหายใจออกมาด้วยความคิดหนัก เพราะเขาดูเหมือนว่าจะเจ็บหนักกว่าที่คิดไว้ซะอีก “จะตายหรือเปล่ายังไม่รู้เลย”
“ตราบใดที่เธอยังไม่เรียกฉันว่าผัว ฉันไม่มีวันยอมตายง่ายๆ หรอก”
“…..”
