หวง
“ไปขึ้นรถ!”
สิ้นประโยคคำสั่งของไบรอัน ฉันจึงเดินมาขึ้นรถของเขาที่จอดอยู่ด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด
ถ้าเป็นไปได้ ไม่อยากอยู่ใกล้ผู้ชายอย่างเขาเลยสักนิด
“อยู่กับฉันมันทรมานมากเลยหรือไง ถึงได้ทำหน้าเหมือนกับจะตายแบบนั้น”
“พูดมาก! จะไปส่งฉันไม่ใช่เหรอ รีบไปสิ” ฉันรีบพูดตัดบทเพราะเหนื่อยที่จะต่อล้อต่อเถียงกับคนอย่างเขา
ดวงตากลมโตวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยความสงสัยเมื่อรถหรูของเขาเคลื่อนตัวมาจอดที่หน้าร้านอาหารข้างทางเจ้าประจำที่ชอบมากินบ่อยๆ
“นายพาฉันมาที่นี่ทำไม?”
“ฉันหิวข้าว ไปกินข้าวกัน”
“ถ้าหิวก็เชิญลงไปกินคนเดียว เพราะฉันไม่หิว” ฉันเชิดหน้าปฏิเสธตอบกลับ ถึงแม้ว่าจะหิวมากก็ตามที เพราะตั้งแต่เย็นยังไม่มีข้าวตกถึงท้องเลยสักเม็ด
“เสียงท้องร้องดังขนาดนั้น แน่ใจนะว่าไม่หิว”
“…..” พอได้ยินแบบนั้น ฉันถึงกลับเลิ่กลั่กไปต่อไม่ถูก
บ้าจริง! เสียงท้องร้องของฉันมันดังมากขนาดนั้นเลยหรือไง น่าอายชะมัดเลย
“ลงมา จะได้รีบกินรีบกลับ”
สิ้นประโยคของไบรอัน ฉันจึงยอมเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินเข้ามาในร้านอาหารอย่างไม่มีทางเลือก
“เธอเอาเหมือนเดิมไหม เดี๋ยวสั่งให้”
“อะไรก็ได้”
“งั้นเอาคะน้าน้ำมันหอย ไข่เจียวปู แล้วก็แกงจืดหมูสับเหมือนเดิม”
“…..” ฉันพยักหน้ารับเมื่อได้ยินไบรอันสั่งแต่เมนูโปรดมาให้ อาจจะเป็นเพราะเราอยู่ด้วยกันมานาน เราสองคนเลยรู้ว่าใครชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร
“เธอไม่ชอบกินเผ็ด ฉันจำได้”
ไบรอันดึงมือฉันไปจับไว้แน่น ก่อนที่เขาจะจูบบนหลังมือฉันด้วยความอ่อนโยน ซึ่งฉันก็นั่งนิ่งยอมให้เขาทำเพราะรู้สึกชินเสียแล้ว
“กินอีกสิ เธอเพิ่งกินไปนิดเดียวเองนะ” คนตัวโตพยายามคะยั้นคะยอให้ฉันกินข้าวให้หมดจาน
“อิ่มแล้ว”
“กินแค่นั้นจะไปอิ่มอะไร กินเข้าไปอีก” ไม่พูดเปล่าแต่ไบรอันยังตักอาหารใส่จานของฉันไม่หยุด เขาเป็นฝ่ายที่บอกว่าหิวข้าว แต่ไม่เห็นแตะข้าวสักเม็ด มีแต่ฉันที่นั่งกินอยู่คนเดียว
“พอแล้วไบรอัน มันเยอะเกินไป”
“ถ้ากินหมดจานแล้วจะพากลับ”
“…..” ฉันตักอาหารเข้าปากแบบไม่เรื่องมาก ตอนนี้อยากกลับบ้านไปนอนจะแย่อยู่แล้ว
“วันนี้อากาศเย็น เอาเสื้อไปคลุมไว้” เขาถอดแจ็คเก็ตราคาแพงออก พร้อมนำมาคลุมไหล่ให้
ความจริงอากาศมันไม่ได้หนาวหรือเย็นเลยสักนิด ออกไปทางร้อนด้วยซ้ำ แต่เป็นเพราะว่าวันนี้ฉันใส่เกาะอกมา ไบรอันเลยหาข้ออ้างมามากกว่า
“ขอบใจ”
“…..” ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มบางๆ เมื่อได้ยินคำว่าขอบคุณ
“ถ้าไม่อิ่มก็บอก เดี๋ยวสั่งเพิ่มให้อีก”
“แค่นี้ก็อิ่มแล้ว”
แชะ! เสียงชัตเตอร์ดังขึ้นเป็นระยะเมื่อคนตัวโตยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปฉันรัวๆ
“อย่าถ่ายรูปฉันนะ” ฉันยกมือห้ามพร้อมยู่หน้าใส่คนที่นั่งตรงข้าม
“น่ารักดีออก ไม่เห็นจะต้องอาย”
“ห้ามเอาไปลงโซเชี่ยลนะ ไม่งั้นจะโกรธจริงๆ ด้วย”
“รู้แล้วน่า แค่อยากถ่ายเก็บไว้ดูเอง”
“…..” ฉันเลือกที่จะเมินเฉยยอมให้เขาถ่ายรูปอยู่แบบนั้น
“เดี๋ยวมานะ ขอออกไปสูบบุหรี่แป๊บ”
“สูบทุกชั่วโมงขนาดนี้ ไม่กลัวเป็นมะเร็งปอดตายหรือไง”
“ถ้าไม่ให้สูบบุหรี่ งั้นขอดูดปากเธอแทนได้ไหม”
“อย่ามาทะลึ่งนะ ไปให้ไกลๆ”
“…..”
“ผู้ชายที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงนั้น หน้าตาดีชะมัดเลย”
“หล่ออย่างกับนายแบบ แถมยังมาคนเดียวด้วย แกลองไปขอเบอร์เขาดูสิ”
“ถ้าฉันเข้าไปขอไลน์เขามันจะดูน่าเกลียดหรือเปล่านะ”
“ไม่ลองไม่รู้นะ แกรีบไปเลย”
“…..” ฉันนั่งฟังบทสนทนาของโต๊ะข้างๆ ที่เพิ่งมาใหม่แบบเงียบๆ เพราะมั่นใจว่าคนที่ถูกพูดถึงคือไบรอันอย่างแน่นอน ดูจากท่าทางพวกเธอคงจะแรงอยู่ไม่เบา
“เป็นไง เขาให้ไลน์แกไหม?”
“ให้กับผีอะไร เขาบอกว่ามีเมียแล้ว”
“มีเมียแล้วก็ไม่เห็นเป็นไร เดี๋ยวก็เลิกกัน”
ฉันได้แต่ขมวดคิ้วให้กับผู้หญิงกลุ่มนั้น ให้ตายเถอะ ยังมีคนแบบนี้อยู่บนโลกอีกเหรอ รู้ว่าเขามีเมียแล้วแต่ก็อยากยุ่งเนี่ยนะ พิลึกคน!
“จะกลับหรือยัง ฉันจ่ายค่าข้าวเรียบร้อยแล้วนะ” ฉันสะดุ้งตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงของไบรอันที่ดังขึ้น มัวแต่นั่งเหม่อเลยไม่ทันสังเกตว่าเขาเดินกลับเข้ามาตั้งแต่ตอนไหน
“กลับเลยก็ได้ ง่วงนอนจะแย่แล้ว”
“เดินนำไปสิ เดี๋ยวช่วยถือกระเป๋าให้เอง” เขาดึงกระเป๋าของฉันไปถือแบบวิสาสะ แต่ก็ดีแล้วจะได้ไม่ต้องถือให้หนัก
“…..”
-บนรถ-
“จะแวะเซเว่นซื้อขนมไหม?” ไบรอันหันมาถาม เพราะทุกครั้งที่กลับด้วยกัน ฉันมักจะบอกให้เขาแวะเซเว่นซื้อของอยู่บ่อยๆ
“ไม่ดีกว่า”
มือหนาเลื่อนมาบีบที่ต้นขาของฉันเบาๆ ในระหว่างที่กำลังขับรถโดยที่ฉันไม่ได้สนใจเพราะมัวแต่เล่นโทรศัพท์
“คุยกับใครอยู่ เห็นเธอคุยตั้งแต่อยู่ในร้านข้าวแล้ว”
“…..” ฉันเลือกที่จะไม่ตอบแล้วพิมพ์ข้อความตอบกลับหาพี่เพทาย
“นินลา!”
“ห๊าาาา” ฉันร้องเสียงหลงด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงอันน่าเกรงขามของไบรอันพร้อมแรงบีบต้นขาที่แรงขึ้น
“ฉันถามว่าคุยกับใคร?”
“คุยกับพี่เพทาย”
“ดึกขนาดนี้แล้วคุยอะไรกัน?”
“เรื่องทั่วไป”
“ไม่ต้องคุย!”
พรึ่บ! ไบรอันแย่งโทรศัพท์ออกจากมือฉัน ก่อนจะเก็บมันใส่กระเป๋ากางเกงของตัวเอง ไอ้คนไม่มีมารยาท!
