คลั่งไคล้รัก 3 - บังคับ
-หลายวันต่อมา-
“วันนี้ลูกสาวแม่แต่งตัวสวยจังเลย จะออกไปเที่ยวไหนเหรอคะ?”
ฉันเดินเข้าไปหาคุณแม่ที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขก พอคุณแม่ได้เห็นการแต่งตัวของฉันในตอนนี้ถึงกลับเอ่ยแซว
เพราะชุดที่ฉันสวมใส่คือเสื้อเกาะอกสีชมพูกับกระโปรงยีนสีอ่อนที่มีความยาวแค่ไม่กี่คืบ
“มีนัดกับเมษาและส้มโอค่ะแม่” ฉันหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ คุณแม่แล้วเอนใบหน้าซบลงบนไหล่มองตาปริบๆ
ที่อ้อนแบบนี้ไม่ใช่อะไร กลัวถูกบ่นน่ะสิ เพราะเมื่อกี้เพิ่งถูกพ่อบ่นไปชุดใหญ่เลยต้องมาหาแม่แทน
“หนูขออนุญาตคุณพ่อหรือยัง?”
“ขอแล้วค่ะ แต่คุณพ่อให้มาขอคุณแม่อีกที”
“ไปเที่ยวที่ไหน แล้วกลับดึกไหม?”
“ร้านของพี่ชายส้มโอที่เปิดสาขาใหม่ค่ะ กลับไม่เกินตีหนึ่ง”
“ดูแลตัวเองด้วยนะ ยังไงเราก็เป็นผู้หญิง ไปเที่ยวสถานที่แบบนั้นบ่อยๆ แม่ว่ามันดูไม่ค่อยดี” แม่นับดาวพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ถึงแม้ฉันจะโตเป็นสาวดูแลตัวเองได้ แต่ในสายตาของพ่อกับแม่ฉันก็ยังเป็นเหมือนเด็กหกขวบอยู่ดี
“รับทราบค่ะ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงน้องนินนะ น้องนินดูแลตัวเองได้ค่ะ”
“ถ้ากลับไม่ไหวโทรหาพ่อนะ เดี๋ยวให้พ่อไปรับ ห้ามเมาแล้วขับเด็ดขาด เข้าใจหรือเปล่าคะ?” ครั้งนี้คุณแม่กำชับด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“หนูไม่ดื่มแอลกอฮอล์ แล้วจะเมาได้ไงคะ” ถึงจะไปเที่ยวสถานที่บันเทิงแต่พวกเครื่องดื่มมึนเมา ฉันไม่แตะต้องมันเลยนะขอบอก
เพราะเคยลองกินแล้วน็อคแบบไม่เป็นท่า สลบไม่ได้สติเมาค้างไปสองวัน ฉันเลยเข็ดไม่ดื่มมันอีก
“โอเคค่ะ ก่อนจะไปแวะหาน้องก่อนนะ เห็นนิรินบ่นถามหาหนูอยู่พอดี”
“โอเคค่ะ เดี๋ยวหนูแวะไปหาน้องก่อน”
แกร้ก~ ฉันเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของน้องสาวที่มีอายุห่างกันเกือบสี่ปี ตอนนี้ฉันอายุยี่สิบเอ็ดส่วนนิรินอายุสิบแปด
ถึงเราจะเป็นพี่น้องกัน แต่มีนิสัยต่างกันสุดขั้ว นิรินเป็นพวกหัวอ่อนไม่สู้คน ไม่ว่าจะมองไปทางไหน โลกใบน้อยๆ ของน้องก็เป็นสีชมพูไปทั้งหมด
“เห็นแม่บอกว่าแกถามหาพี่มีอะไรหรือเปล่า?” ฉันถามนิรินที่กำลังนอนดูซีรี่ย์เกาหลีอยู่บนเตียง
“ทำไมไม่เคาะประตูก่อนพี่นิน รินบอกหลายครั้งแล้วนะ” น้องละสายตาจากจอไอแพดแล้วหันมาทำหน้างอใส่ฉัน
“เอาไว้ครั้งหน้าค่อยเคาะแล้วกัน”
“มืดค่ำแล้วนะ พี่จะออกไปไหน?”
“มีนัดกับเพื่อน วันนี้กลับดึก”
“พรุ่งนี้รินจะไปเที่ยวไร่ชาที่เชียงใหม่กับคุณย่า พี่จะไปด้วยไหม?”
“เชียงใหม่อีกแล้ว ไม่ไปหรอก พี่ไปกับคุณย่าจนเบื่อแล้ว” ฉันบอกอย่างเบื่อหน่าย ไม่ว่าจะเทศกาลอะไร คุณย่าก็พาไปแต่เชียงใหม่นั่นแหละ ไปจนเกือบจะทุกอำเภอแล้วมั้ง
“งั้นก็ตามใจ แต่อย่าลืมโทรหาคุณย่าด้วยนะ เห็นบ่นๆ ว่าคิดถึงพี่อยู่เหมือนกัน”
“โอเค เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ค่อยโทรแล้วกัน”
“พี่รีบไปเถอะ เดี๋ยวจะสายเอา”
“งั้นพี่ไปก่อนนะ ขากลับเดี๋ยวซื้อขนมมาฝาก” ฉันเดินไปหอมหัวน้องเบาๆ ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องมา
-คลับMM-
“ทางนี้นินลา” เสียงของส้มโอร้องเรียกดังมาแต่ไกล เมื่อเห็นฉันเดินเข้ามาในคลับ
วันนี้เป็นวันเปิดร้านใหม่ ลูกค้าเลยจะเยอะมากเป็นพิเศษ กว่าที่ฉันจะสอดแทรกตัวเดินเข้าไปยังโต๊ะของตัวเองเล่นเอาเหนื่อยอยู่เหมือนกัน
“วันนี้ฉันมาแบบตรงเวลาแบบพอดีเป๊ะ ไม่ขาดไม่เกิน พวกแกจะมาว่าฉันไม่ได้แล้วนะ” ฉันหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ ส้มโอ ก่อนจะหยิบกระจกขึ้นมาส่องหน้าเพื่อตรวจความเรียบร้อย ขนตาไม่หลุดยังอยู่ครบทั้งสองข้างถือว่าเป็นอันใช้ได้
“มาให้มันตรงเวลาแบบนี้ทุกครั้งได้ไหม นัดกันทีไร แกชอบมาสายตลอด” ส้มโอกลอกตามองบนมองมาทางฉัน
“ก็มัวแต่แต่งหน้าทำผมอยู่ไงมันเลยนาน”
“ไม่ต้องแต่งแกก็สวยมากอยู่แล้วนะ”
“ขอบใจที่ชมนะเพื่อนรัก แกก็สวยมากเหมือนกัน แต่สวยน้อยกว่าฉันนิดหน่อย คิๆ” ฉันปิดปากขำเบาๆ อย่างน่าหมั่นไส้ ซึ่งส้มโอกับเมษานั้นชินเสียแล้ว
“จ้าาา แม่นางฟ้า แม่คนสวยของอีส้มโอ”
“นั่นมันกระเป๋าแอร์เมสคอลเลคชั่นใหม่นิ ยังไม่วางขายที่ไทยเลยนะ แกไปหาซื้อมาจากช็อปไหน?” เมษาถามพลางหยิบกระเป๋าของฉันไปดูด้วยสายตาแพรวพราว เพราะมันคือกระเป๋ารุ่นที่หายากและราคาค่อนข้างแพงอยู่เหมือนกัน
“ไม่รู้เหมือนกัน ไบรอันเป็นคนซื้อให้ แล้วฉันก็ไม่ได้ถามด้วยว่าซื้อที่ไหน”
“อุ๊ยตาย! ไหนบอกไม่ชอบเขาไง”
“แยกแยะหน่อยสิ ชอบก็ส่วนชอบ ของก็ส่วนของ เขาซื้อให้เป็นใครจะไม่เอา”
“เห็นใสๆ ซื่อๆ ที่ไหนได้แกมันแสบเหมือนน้ำกรด” ส้มโอจีบปากจีบคอพูดกระแหนะกระแหนใส่ฉัน แต่แล้วไงใครสนกันเล่า
“ช่วยไม่ได้ เขาอยากมาตามตื้อฉันอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวแม่จะหลอกให้หมดตัวเลย”
“ถ้าไบรอันมันจะหมดตัว มันคงหมดนานแล้ว เพราะของที่เขาซื้อมาประเคนให้แกมีแต่ของแบรนด์เนมราคาแพงทั้งนั้นเลย”
“ถ้าเขาหอบเดือนหอบดาวมาให้แกได้ ฉันว่าไบรอันคงทำไปนานแล้วล่ะ”
“ฉันไม่ได้ขอนะ เขาเป็นคนซื้อมาให้เองต่างหาก”
“สาธุ ขอให้แกตกเป็นเมียของไบรอันในเร็ววันนี้ด้วยเถอะ”
“แกรีบถอนคำพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
เพียะ! ฉันตบปากของยัยส้มโอแบบไม่แรงนักหลังจากที่พูดประโยคร้ายแรงออกมา ผู้ชายดิบเถื่อนแบบไบรอัน เรื่องอะไรจะอยากได้เป็นแฟน
“พูดเล่นแค่นี้ก็ต้องโมโหด้วย”
“…..”
-ลานจอดรถ-
“ขับรถดีๆ นะถ้าถึงบ้านแล้วโทรหาฉันด้วย” เมษาโบกมือลาเมื่อพวกเราแยกย้ายเตรียมตัวจะกลับบ้าน หลังจากที่ดื่มสังสรรค์เสร็จ ส่วนส้มโอมีแฟนมารับเลยเหลือแค่ฉันกับเมษาแค่สองคน
“โอเค แกก็เหมือนกัน ขับรถดีๆ นะ”
“ลืมไปแล้วหรือไง ฉันขับรถเก่งกว่าแกนะ”
“นั่นสินะ” ฉันยกมือขึ้นเกาหัวแก้เก้อ ในบรรดาพวกเพื่อนๆ มีฉันนี่แหละที่ขับรถไม่ค่อยเป็น แต่ก็พอไปวัดไปวาได้
“ไปก่อนนะ แล้วเจอกันที่มอ”
ฉันเดินมายังรถมินิคูเปอร์ของตัวเองเมื่อเมษาขับรถออกไปแล้ว แต่ยังไม่ทันได้เปิดประตูรถก็ต้องพบกับความผิดปกปิดอันใหญ่หลวง
“โอ้ยยย! รถยางแบนตั้งแต่เมื่อไหร่ จะบ้าตาย!” ฉันยกมือนวดขมับเมื่อเจ้ารถมินิตัวดียางแบนไปตั้งสองล้อ
ถ้าเป็นแบบนี้แล้วจะกลับบ้านยังไง นี่มันวันซวยอะไรของฉันกันแน่
“รถเป็นอะไรครับ”
เสียงของชายปริศนาดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำเอาฉันสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อกำลังจะกดโทรศัพท์โทรให้คนที่บ้านมารับ
“ยางแบนน่ะค่ะ”
“ดูเหมือนว่าจะเหยียบตะปูนะ”
“…..” ฉันถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่เพราะไม่รู้ว่าไปเผลอเหยียบตั้งแต่ตอนไหน
“ให้ผมไปส่งไหม บ้านคุณอยู่ที่ไหน”
“ทางที่ดีกูว่ามึงอย่าเสือกเลยจะดีกว่า” ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ตอบปฏิเสธผู้ชายคนนั้น เสียงที่คุ้นเคยก็ดังแทรกขึ้นมา
“ไบรอัน!” ดวงตากลมโตมองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่ด้วยความสงสัย เขามาที่นี่ได้ยังไงกัน
ไม่สิ! ฉันว่าเขาคงอยู่ที่นี่ตั้งนานแล้ว ไบรอันต้องแอบสะกดรอยตามฉันมาแน่ๆ
“อย่ายุ่งกับเธอ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว” ไบรอันเดินเข้าไปหาผู้ชายคนนั้น ท่าทางและสีหน้าเขาดูเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
“เห็นเดินคนเดียว ก็นึกว่ายังไม่มีแฟน”
“รู้แล้วก็ไสหัวไปสิ”
ผู้ชายคนนั้นรีบเดินออกไป จะเหลือแค่ฉันกับไบรอันที่ยังยืนอยู่ตรงนี้
“มองอะไร?” ฉันรีบยกมือขึ้นปิดหน้าอกทั้งสองข้าง เมื่อเห็นสายตาของคนตัวโตที่มองจ้องอยู่แบบนั้น
“มองนมเธอไง ฉันว่ามันขาวแล้วก็ใหญ่ด้วย”
“ไอ้คนทุเรศ!” ฉันถลึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจ นอกจากนิสัยเสียแล้วยังปากเสียอีก
“ตั้งใจแต่งตัวมาแบบนี้เพราะอยากให้คนอื่นมองอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันแต่งเพราะมั่นใจ เพราะใส่แล้วมันสวยต่างหากเล่า”
“ไปขึ้นรถสิ เดี๋ยวไปส่งที่บ้าน”
“ไม่ต้อง ฉันจะโทรบอกพ่อให้มารับ”
“แต่ฉันจะไปส่ง”
“…..”
“ไปขึ้นรถ!”
