ผู้หญิงของไบรอัน
อึก! น้ำสีอำพันรสชาติขมเฝื่อนไหลลงคอครั้งแล้วครั้งเล่า ภาพที่นินลาเดินหายไปกับเพทาย มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขาไม่อยากมีสติรับรู้ความเจ็บปวดที่กำลังเกิดขึ้น
“มาคนเดียวเหรอคะ ขอนั่งด้วยคนได้ไหม?” หญิงสาวแปลกหน้าเดินเข้ามาทัก เมื่อเห็นไบรอันนั่งดื่มคนเดียวอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์เป็นเวลาสักพักใหญ่ๆ
“…..”
“เราชื่ออีฟนะ แล้วนายชื่อ…” เธอหันไปมองชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ ด้วยความรู้สึกสนใจ
รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาที่โดนเด่นจากคนทั่วไปเป็นจุดดึงดูดให้เธอเป็นฝ่ายเดินเข้ามาทักทายก่อน
“ไบรอัน”
“ชื่อก็เพราะ หน้าตาก็หล่อ มีแฟนหรือยัง?”
“แล้วเธอคิดว่ามีหรือยัง?” สายตาคู่คมตวัดหางตามองเธอคนนั้นแบบไม่ค่อยสบอารมณ์มากนัก
“หล่อๆ แบบนี้คงมีแฟนแล้วใช่ไหม?”
“เธอก็รู้ดีนิ แล้วจะเข้ามายุ่งกับผัวชาวบ้านเพื่อ?”
“เอ่อ…”
“ฉันมีเมียแล้ว เธอมีปัญหาอะไรไหม!?”
“มะ…ไม่มีค่ะ”
“ถ้าไม่มีก็ไสหัวไป อย่ามายุ่งกับฉัน น่ารำคาญฉิบ!”
“…..” เธอคนนั้นถึงกลับรีบเดินจากไปเมื่อได้ประโยคไม่เป็นมิตรที่คนตัวโตตอบกลับมา
“นอกจากนินลากูก็ไม่เคยเห็นว่ามันจะญาติดีกับผู้หญิงคนไหน” ลีพูดขึ้นเมื่อมองสังเกตเพื่อนชายอยู่นาน
“มึงเมามากแล้วนะ กลับบ้านเลยไหม เดี๋ยวกูขับรถไปส่ง” แบล็คเดินเข้าไปถามไบรอันที่เอาแต่นั่งดื่มจนเมามากแทบทรงตัวไม่อยู่
“ไม่ต้องมายุ่งกับกู ถอยไป”
“ไม่ต้องไปฟัง ลากคอมันไปขึ้นรถ” ลีหันไปบอกเพื่อนชายอีกคน ก่อนจะพากันหิ้วปีกไบรอันที่มีท่าทีขัดขืนให้เดินมาขึ้นรถที่จอดอยู่หลังคลับ
“อื้ออ ปะ…ปล่อยกู บอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่ง”
“…..”
ตุบ! ไบรอันค่อยๆ ปรือตาขึ้นมองเมื่อถูกเพื่อนชายทั้งสองเหวี่ยงเข้ามาในรถอย่างแรงจนถึงกลับจุก
“พวกมึงเป็นบ้าอะไร ถอยไป!” ไม่พูดเปล่าแต่เขาพยายามลุกขึ้นยืน แต่ด้วยเรี่ยวแรงที่มีไม่มากพอ จึงถูกแบล็คผลักให้ล้มลงไปนอนที่เดิมแบบไม่เป็นท่า
“ต่อให้แดกเหล้าจนหมดโรงงาน นิลลาเขาก็ไม่เอามึงหรอก มีสติหน่อยสิวะ”
“แล้วกูไม่หล่อตรงไหน หรือกูยังรวยไม่พอ ทำไมเธอถึงไม่เลือกกู”
“มึงมันหล่อไบรอัน หล่อกว่าไอ้เพทายเป็นไหนๆ แต่คนไม่รัก ยังไงมันก็ไม่รัก มึงยอมรับความจริงได้แล้ว” แบล็คพยายามพูดเรียกสติเพื่อนชายแต่เอาแต่เมาแล้วพูดพร่ำเพ้อไม่หยุด
“หรือว่ากูควรจะหยุดแล้วจริงๆ กูเหนื่อยจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว” ไบรอันพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงเต็มทน ยิ่งเขาตามก็ดูเหมือนว่าเธอจะยิ่งไกลออกไป
เขาค่อยๆ หลับตาลงอย่างช้าๆ เพื่อปกปิดความอ่อนแอที่กำลังก่อตัวขึ้น
ปฏิเสธไม่ได้เลย ว่านินลาเป็นเพียงคนเดียวที่ทำให้เขารู้สึกอ่อนแอได้มากถึงขนาดนี้
“ผู้หญิงรอบตัวมึงมีให้เลือกตั้งมากมาย คนที่เขารักมึงก็มีตั้งเยอะแยะ กูว่าตัดใจซะเถอะ ทำตัวเองให้มีความสุขบ้าง”
“…..”
หลายวันต่อมา…
-มหาวิทยาลัย-
“แกมีเรื่องเครียดอะไรหรือเปล่า ทำไมเดี๋ยวนี้ดูไม่ค่อยสดใสเลย”
เสียงของส้มโอดังแทรกขึ้นมาในขณะที่กำลังนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
“ไม่มีอะไรหรอก”
“ถ้าไม่โอเคปรึกษาพวกฉันได้นะ ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกัน” เมษาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
ฉันยกมือลูบหน้าเพื่อเรียกสติ หลายวันมานี้ฉันค่อนข้างใจลอยไม่ค่อยมีสติอยู่กับเนื้อกับตัว
“ตอนนี้ฉันยังไม่แน่ใจ เอาไว้ถ้าโอเคเมื่อไหร่จะมาปรึกษากับพวกแกก่อนใครเลย”
“ฉันเป็นห่วงแกนะนิน ยิ่งเห็นแกเครียด พวกฉันยิ่งห่วง”
“ไม่มีอะไรต้องห่วง ฉันสบายดีทุกอย่าง” ฉันยิ้มกว้างเพื่อให้เพื่อนๆ สบายใจ ไม่ใช่แค่ฉันที่เครียดแต่ดูเหมือนส้มโอกับเมษาจะเครียดตามไปด้วย
เพราะตั้งแต่ที่มีปากเสียงกับไบรอันในครั้งนั้น ฉันก็เอาแต่เก็บมาคิดมากเพราะกลัวว่าเขาจะทำแบบที่พูดจริงๆ
พี่เพทายเขาดีกับฉันมาก มันไม่สมควรเลยสักนิดที่เขาจะต้องมาเจอคนอันธพาลแบบไบรอัน ฉันคงรับไม่ได้ถ้าเกิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้พี่เพทายต้องเจ็บตัว
แล้วตอนนี้ฉันก็รู้สึกสับสนว่าควรจะเดินไปทางไหนต่อ
“ไม่ว่าตอนนี้แกกำลังเจอกับปัญหาอะไร แต่จำไว้ว่าฉันกับส้มโอจะอยู่ข้างแก” เมษาลูบหลังฉันเบาๆ เพื่อเป็นการปลอบ
“หยุดพูดจาเลี่ยนๆ แบบนี้สักทีเถอะ เดี๋ยวฉันก็ร้องไห้หรอก” ฉันบีบแก้มเพื่อนทั้งสองอย่างแรงด้วยความมันเขี้ยว เพราะไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหนมักจะมีส้มโอและเมษาคอยอยู่เคียงข้างกันเสมอ
“แล้วเรื่องพี่ทายไปถึงไหนแล้ว?”
“ก็โอเค”
“ไม่ค่อยเห็นแกไปไหนมาไหนกับพี่ทาย ฉันเลยคิดว่าพวกแกทะเลาะกันซะอีก”
“ไม่ได้ทะเลาะ” ฉันพูดพลางหยิบแตงโมชิ้นใหญ่ที่เมษาซื้อมาใส่ปากแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
ที่ไม่ค่อยไปไหนมาไหนด้วยกันก็เพราะว่ากลัวไบรอันนั่นแหละ เป็นใครจะไม่กลัวบ้างบ้าดีเดือดขนาดนั้น
“พี่เลิกเรียนแล้วนะ จะไปกันหรือยังครับ?”
ฉันหันไปมองตามเสียง ก่อนจะเห็นว่าเป็นพี่ทายที่มาตามนัด นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ฉันกำลังคิดหนัก
“จะพาไปไหนกันเหรอคะ?” ส้มโอถามพี่ทายด้วยความอยากรู้
“มีนัดกินข้าวกับครอบครัวพี่น่ะ”
“อุ๊ยตาย! คบกันไม่เท่าไหร่ จะพาเพื่อนส้มไปเปิดตัวกับครอบครัวแล้วเหรอคะ” ส้มโอทำท่าทำทางระริกระรี้ด้วยความชอบใจ
“พ่อกับแม่พี่อยากเห็นหน้าลูกสะใภ้น่ะ” พี่เพทายหันมามองหน้าฉันแล้วยิ้มด้วยท่าทางเคอะเขิน
“งั้นรีบพายัยนินไปเถอะค่ะ เดี๋ยวผู้ใหญ่จะรอนาน”
“เดี๋ยวพี่ถือกระเป๋าให้ครับ”ครั้งนี้พี่ทายหันมาพูดกับฉันแล้วหยิบกระเป๋าและสิ่งของไปถือไว้เอง
“ขอบคุณค่ะ”
“…..”
ตึกตัก! ฉันเดินตามหลังพี่เพทายออกมา เพื่อเดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่ ดวงตากลมโตวาดสายตามองไปรอบๆ บริเวณด้วยความหวาดระแวงเมื่อเดินผ่านตึกคณะของไบรอัน
ปึก! ร่างฉันเซเล็กน้อยเมื่อเดินชนเข้ากลับผู้หญิงคนนึงแบบไม่ได้ตั้งใจ ฉันผิดเองที่เป็นฝ่ายไม่มองทางเพราะมัวแต่มองหาใครบางคน
“ขอโทษค่ะ” ฉันรีบก้มหัวขอโทษเธอคนนั้นอย่างรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอตอบแล้วยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตร
“เป็นอะไรมากไหมแพร?”
ฉันรีบหันขวับไปมองยังต้นตอของเสียงเพราะจำมันได้ดีว่าเป็นเสียงของใคร
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น เมื่อเห็นไบรอันเดินเข้ามาหาเธอคนนั้น โดยไม่ปรายสายตาหันมามองฉันที่ยืนอยู่เลยสักนิด
“แพรไม่เป็นไรค่ะไบรอัน เรารีบไปดูหนังกันเถอะค่ะ เดี๋ยวจะไม่ทันรอบสุดท้ายนะ” เธอคนนั้นยิ้มหวานให้ไบรอันแล้วเดินไปกอดแขนเขาไว้แน่น “วันนี้อยากกินชาบู พาแพรไปกินด้วยนะ”
ขาทั้งสองของฉันมันหยุดนิ่ง ทั้งๆ ที่อยากเดินออกไปตรงนี้จนใจจะขาด
“ก็เอาสิ อยากได้อะไร ฉันตามใจเธอทุกอย่าง”
“แฟนแพรน่ารักที่สุดเลยค่ะ” ไม่พูดเปล่าแต่เธอยังเขย่งปลายเท้าขึ้นไปหอมแก้มของไบรอันเหมือนรักกันมาก
ฟะ…แฟนงั้นเหรอ ไบรอันกับผู้หญิงคนนี้เป็นแฟนกันตั้งแต่เมื่อไหร่
คำถามมากมายเกิดขึ้นในหัว ทั้งๆ ที่พี่เพทายก็ยืนอยู่ตรงนี้ แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกเจ็บจนหายใจไม่ออกเมื่อเห็นไบรอันเดินไปกับผู้หญิงอีกคน
