ทิ้งไว้กลางทาง
“นินเจ็บตรงไหนไหม?”
เสียงพี่ทายดังขึ้น ทำให้สติของฉันกลับคืนมาในขณะที่ยืนเหม่อลอยมองภาพไบรอันที่เดินหายออกไปพร้อมเธอคนนั้น
“เจ็บที่หัวใจค่ะ” ฉันยกมือทาบที่อกข้างซ้าย ด้วยความรู้สึกห่อเหี่ยว
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ ในเมื่อฉันเลือกพี่เพทายแต่ทำไมกลับรู้สึกเจ็บกับการกระทำของไบรอัน
“ฮ่ะ?…เมื่อกี้นินว่ายังไงนะ?”
“เอ่อ…ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เราไปกันเถอะค่ะ” พอได้สติคืนมาจึงรีบส่ายหน้าปฏิเสธ อาจจะเป็นเพราะอ่านหนังสือหนักและพักผ่อนน้อยเลยทำให้ฉันกลายเป็นคนเลอะเลือนและเพ้อเจ้อแบบนี้
ครืด~ ครืด~ เดินออกมาได้ไม่เท่าไหร่ เสียงโทรศัพท์ของพี่เพทายก็แผดเสียงร้องดังขึ้นเมื่อมีคนโทรเข้ามา
“พี่ขอรับสายแม่แป๊บนึงนะ สงสัยจะโทรตามแล้ว”
“เชิญตามสบายเลยค่ะ เดี๋ยวนินยืนรออยู่ตรงนี้”
ฉันสะบัดหัวไล่อาการคิดมาก เมื่อในสมองมันเอาแต่คิดเรื่องของไบรอัน อาจจะเป็นเพราะรู้จักและผูกพันกันมานานเลยทำให้รู้สึกแปลกๆ ที่เห็นว่าเขาหนีไปมีแฟน
แต่ช่างเถอะ! ต่อให้วันนี้ไม่มี วันข้างหน้าเขาก็ต้องมีใครสักคนอยู่แล้ว อย่ามัวอาลัยอาวรณ์เขาอยู่เลย
“มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมถึงทำหน้าเครียดเชียว” ฉันถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นพี่ทายเดินกลับมาหาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก
“แม่โทรมาบอกว่ายายลื่นล้มในห้องน้ำ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลเข้าห้องไอซียูให้พี่รีบไปหาด่วน”
“หมายความว่าวันนี้คงยกเลิกนัดแล้วใช่ไหมคะ?”
“พี่ขอโทษนะนิน นินอย่าโกรธพี่เลยนะ” เขามองหน้าฉันอย่างรู้สึกผิดเพราะอุตส่าห์นัดกันล่วงหน้าไว้ตั้งหลายวันแต่ต้องยกเลิกกระทันหัน
“ไม่โกรธเลยค่ะ นินเข้าใจว่าเป็นมันอุบัติเหตุคงไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้”
“…..”
“พี่รีบไปดูอาการคุณยายเถอะค่ะ เดี๋ยวนินนั่งแท็กซี่กลับเองก็ได้” ฉันยิ้มให้คนตรงหน้าเมื่อสายตาของเขายังคงแสดงความรู้สึกผิดออกมาอย่างชัดเจน
ถ้ามีเหตุผลฉันก็ไม่ได้งี่เง่าหรือโกรธอะไรเขาหรอก แล้วเรื่องแบบนี้มันก็เป็นเหตุฉุกเฉินจริงๆ พอเข้าใจได้
“แต่พี่รู้สึกไม่สบายใจ”
“นินโอเคจริงๆ พี่ไปเถอะ ขอให้คุณยายของพี่ปลอดภัยนะ”
“งั้นพี่ไปก่อนนะ ถ้าว่างแล้วจะรีบโทรหา”
“โอเคค่ะ”
ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วเดินออกจากมหาวิทยาลัยอย่างหมดอาลัยตายอยาก
ปรี๊นนน
เสียงแตรรถดังลั่นสนั่นไปทั่วบริเวณ ทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นมามองในขณะที่กำลังนั่งดูดน้ำแตงโมปั่นรอรถแท็กซี่อยู่หน้ามหาลัย
คนในรถค่อยๆ กดลดกระจกลงมาก่อนที่ฉันจะเห็นว่าเป็นไบรอันกับแฟนสาวของเขา
“จะไปไหน?” ไบรอันตะโกนถามแล้วมองมาทางฉันที่นั่งอยู่
“กลับบ้าน”
“แล้วแฟนเธอไปไหน ทำไมไม่ไปส่ง?”
“พี่ทายมีธุระด่วน”
“ขึ้นรถมาสิ จะกลับบ้านใช่ไหม เดี๋ยวไปส่ง”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันนั่งแท็กซี่กลับเอง” ฉันตอบกลับแค่นั้นพลางบีบมือตัวเองไว้แน่นเมื่อมองไปเห็นแฟนของไบรอันที่นั่งข้างคนขับ
เบาะตรงนั้นมันเคยเป็นของฉัน แต่วันนี้มันได้กลายเป็นของคนอื่นไปแล้ว
“ฝนกำลังจะตกแล้วด้วย เป็นผู้หญิงนั่งแท็กซี่กลับคนเดียวมันอันตรายนะ ขึ้นรถมาเถอะ เดี๋ยวให้ไบรอันไปส่ง”
“…..” ไม่รู้ว่าอะไรดลจิตใจให้ฉันเดินไปขึ้นรถของไบรอันที่จอดรออยู่ พอได้สติก็คือตอนที่ขึ้นมานั่งบนรถแล้ว
“ชื่อนินลาที่เรียนอยู่การโรงแรมใช่ไหม?” แฟนไบรอันหันกลับมาถามฉันที่นั่งอยู่เบาะหลัง
“ใช่”
“ฉันชื่อแพรนะ อยู่การบินปีสาม ยินดีที่ได้รู้จัก”
“อ่อ…อืม ยินดีเหมือนกัน” ฉันครางตอบในลำคอ เพราะไม่รู้ว่าควรทำตัวแบบไหน ต่างจากเขาที่ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หรือว่าเป็นเพราะวันนั้นฉันพูดกับเขาแรงเกินไป เลยทำให้ไบรอันโกรธและเอาคืนฉันด้วยวิธีนี้
“เห็นไบรอันบอกว่าเธอเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กเลยเหรอ?” แพรพยายามชวนคุยในระหว่างทาง
“ก็ตามนั่นแหละ”
“ตอนเด็กๆ ไบรอันดื้อไหม เกเรหรือเปล่า?”
“ก็มีบ้างนะ” ฉันตอบเบาๆ แล้วมองไปยังไบรอันที่นั่งอยู่ด้านหน้า ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เขามองมาทางฉันผ่านกระจกหลังแบบพอดี
“เธอเห็นแผลเป็นที่คิ้วฉันไหม นั่นแหละ! เป็นฝีมือของยัยนั่น” ไบรอันพูดขึ้นแล้วหันไปหัวเราะเบาๆ กับเธอคนนั้น ต่างจากฉันที่เอาแต่นั่งกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“เธอนี่โหดเหมือนกันนะนินลา เห็นหน้าหวานๆ แบบนี้ตอนเด็กคงแสบใช่เล่นเลยใช่ไหม”
“ฉันเป็นพวกสู้คนน่ะ เลยอาจจะทำอะไรแผลงๆ ไปบ้าง”
“เธอรู้หรือเปล่าว่าพวกผู้ชายในคณะฉัน พูดถึงเธอกันเพียบเลยนะ”
“พูดอะไร?” นี่มันคือเสียงของไบรอัน ไม่ใช่เสียงของฉันแต่อย่างใด
“ไบรอันไม่รู้อะไรซะแล้ว นินลานี่นางฟ้าประจำคณะของแพรเลยนะ พวกผู้ชายนี่อยากได้นินลาเป็นแฟนกันทั้งนั้น”
“งั้นเหรอ?” ไบรอันยังคงถามต่อแต่น้ำเสียงของเขาเริ่มเปลี่ยนไปคลับคล้ายคลับคลาเหมือนกำลังไม่พอใจฉันอยู่
“พอรู้ว่านินลามีแฟนเป็นพี่เพทาย พวกเพื่อนแพรนี่อกหักกันเป็นแถบๆ ใครจะไปสู้พี่ทายได้ แค่ฐานะทางบ้านกับคณะที่เรียนก็กินขาดแล้ว จริงไหมนินลา?”
เอี๊ยดดดด
“อ๊ะ!” ฉันยกมือลูบหน้าด้วยความเจ็บเมื่อไบรอันหักพวงมาลัยหลบเข้าข้างทางกระทันหัน ส่งผลให้ใบหน้าฉันกระแทกเข้ากับกระจกรถแบบเต็มๆ
“เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเหยียบเบรคขนาดนี้” แพรถามด้วยน้ำเสียงที่ตกใจไม่แพ้กันก่อนจะหันมามองฉันที่นั่งหน้าซีดอยู่
“ดูสิไบรอัน หน้านินลาแดงหมดแล้วนะ คงเจ็บมาเลยใช่ไหม?”
“ฉันขอส่งแค่นี้นะ ลงไปได้แล้ว” เขาพูดขึ้นแล้วมองฉันผ่านกระจกหลังอีกครั้ง
“อ่อ…อืม” เมื่อเขาออกปากไล่ขนาดนี้ฉันคงไม่กล้าที่จะนั่งอยู่ต่อ สิ่งที่ควรทำคือเก็บสิ่งของใส่กระเป๋าแล้วเตรียมลงจากรถ
“อะไรกันไบรอัน ทิ้งไว้นินกลางทางแบบนี้เลยเหรอ?” แพรมองมาทางฉันด้วยสายตาสงสาร
แต่เปล่าเลย…ฉันไม่ได้ต้องการให้ใครมาสงสารเลยสักนิด
“ฉันว่าถ้าเราไปส่งนินลา เดี๋ยวไปดูหนังไม่ทันนะ เดตแรกของเราฉันไม่อยากไปสาย” เขายิ้มให้เธอคนนั้นโดยไม่ได้สนใจว่าทางที่ปล่อยฉันไว้ตรงนี้มันจะเปลี่ยวแค่ไหน
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวลงตรงนี้ก็ได้”
ซ่า! เสียงฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักทันทีที่เปิดประตูลงจากรถมาแต่ไบรอันกลับไม่ได้สนใจ เขาเลือกที่จะขับรถออกไปพร้อมปล่อยฉันให้ยืนตากฝนอยู่คนเดียวกลางซอยเปลี่ยว
ฉันก้มหน้าร้องไห้ออกมาอย่างสุดจะกลั้น จากคนที่เคยรัก คนที่เป็นห่วงฉันมากกว่าห่วงตัวเอง คนที่เห็นว่าฉันสำคัญมากกว่าใคร มาตอนนี้เขากลับเปลี่ยนไปคนละคน
“ฮึก! นายมันใจร้ายไบรอัน ไอ้คนใจดำ ฮืออ~” ฉันยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลลงมาพร้อมสายฝน ไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้มันจะเกิดขึ้นกับตัวเอง
วันนี้ไบรอันทำฉันเจ็บมากจริงๆ เจ็บแบบที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมันจะกลายเป็นแบบนี้ได้
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากเหตุการณ์ในครั้งนี้…คือฉันได้รู้หัวใจตัวเอง รู้ว่าคนที่ฉันรักมาโดยตลอดก็คือเขา
มาถึงตอนนี้มันคงไม่มีประโยชน์ เพราะฉันคงไม่ได้สำคัญอะไรกับเขาอีกแล้ว….
