บท
ตั้งค่า

#ครางชื่อพี่หน่อยดิ EP.2 พ่อเธอโคตรดุ (2)

[พาร์ท : ตะขวด]

กูเหลือบมองผู้ชายวัยกลางคนเบ้าหน้าดุดันที่กระชากคอเสื้อกูไว้ รอยตีนกาบนหน้าทำเอารู้เลยว่าแก่ กูเลิกคิ้วข้างนึงขึ้นอย่างอ้อนตีนนิดๆ

อ่อ นี่อ่ะนะพ่อน้องมนต์คนสวย?

“ยักคิ้วใส่กูทำไมไอ้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม!” พ่ออีน้องมนต์กระชากเสียงจนน้ำลายกระเด็นใส่หน้ากู กูเลยเลื่อนไปเลิกคิ้วอีกข้าง “ยัง แม่งยังไม่เลิกอีก!!”

“พะ... พ่อใจเย็นๆ ก่อนนะคะ” ร่างเล็กรีบลงมาจากเบาะมอไซค์พอเห็นท่าไม่ดี เธอคว้าแขนพ่อตัวเองข้างที่กำคอเสื้อกูไว้ พ่อน้องมนต์เหลือบมองตาขวาง น้องมนต์แม่งรีบชักมือออกแล้วยืนหงิมเลย

เด็กกลัวพ่อว่ะ ขำชิบหาย

“เลิกก้มหน้ามองดินแล้วบอกพ่อ ไอ้นี่มันเป็นใคร!!” พ่อน้องแม่งฉุดคอเสื้อกูอย่างโมโหขณะที่ถามน้องมนต์ที่สะดุ้งโหยง ตัวเล็กๆ บางๆ สั่นริก เธอหันมามองกู กูเลยฉีกยิ้มจนตาหยี

เอาดิ บอกไปดิ

เอาให้หน้าแหกเลยอ่ะ

“พะ พี่เขาเป็น...”

“ผมเป็นแฟนน้องมนต์เองครับ” แต่กูก็พอรู้อยู่ว่าน้ำหน้าอย่างน้องคงไม่กล้าบอกแน่นอน ก็เลยบอกซะเองเลยว่ะ “มาส่งแฟนผิดด้วยเหรอครับ เพิ่งรู้”

ทั้งพ่อและน้องมนต์เบิกตากว้าง

“... ว่าไงนะ?” แม่งมองหน้าผมที่ยักคิ้วให้น้องมนต์ที่หน้าซีดไป พ่อเธอเริ่มหันมาเล่นงานร่างเล็ก “มนต์ ลูกไปมีแฟนตั้งแต่ตอนไหน ลูกเพิ่งอายุสิบแปด!!”

“นะ หนูขอโทษค่ะ” เธอตัวสั่น ก่อนจะหันมามองหน้ากูอีก

อยากให้ช่วยอ่ะดิ ก็ได้

“พอดีพาน้องไปเที่ยวมาครับ เลยกลับช้า” พ่อน้องมนต์หันขวับมามองกูที่ยืนพล่ามออกมาโดยที่มันไม่ได้ถาม ตาแม่งขวางขึ้นเรื่อยๆ เลยว่ะ ขำสัส เลือดรักลูกสาวมันแรงอ่ะดิ แต่พอดีว่ากูจะไม่หยุดอ่ะ “น้องมนต์บอกผมว่าเพิ่งเคยเที่ยวครั้งแรกเพราะพ่อดุมากไม่ค่อยให้ออกจากบ้านหลังหกโมงเย็น น้องมันมีความสุขม๊ากกกครับ”

“กูไม่ได้สั่งให้มึงพูด ไม่ต้องเสือกพูด!!” ดูมันจะทนไม่ไหวนะ พูดยังไม่ทันจบตะคอกใส่หน้ากูอีกล่ะ

“ผมก็แค่บอกอ่ะครับพ่อ” กูเลยกวนตีนต่อ

“ใครพ่อมึง!!” คราวนี้เงื้อมือจะตบหน้ากูว่ะ เชี่ย ไอ้แก่นี่มันเอาเรื่องเว้ย ชีวิตน้องมนต์นี่แม่งมีเรื่องน่าสนใจหลายอย่างละนะ

เค ตัดสินใจล่ะ

“ตบเลยครับ” กูค้อมตัวลงไปใกล้แม่งเพราะตัวกูสูงกว่าไอ้แก่นี่มาก รู้เลยว่าน้องมนต์ได้ความเตี้ยมาจากใคร กูยื่นแก้มไปจนเกือบชิดหน้ามันเลยรู้ปะ พร้อมกับจิ้มนิ้วไปตรงแก้มสากของตัวเอง “ตบตรงนี้นะครับพ่อ เน้นๆ”

“...”

“แต่หลังจากตบแล้ว ผมก็จะได้เรียกค่าเจ็บเป็นสินสอดน้องมนต์แทนไปเลยอ่ะนะครับ”

กูคิดว่ากูจะเอาอีนี่เป็นเมียจริงๆ ล่ะ

“ไอ้เหี้ย เบาๆ ดิวะไอ้สัสขวด”

เสียงโวยของไอ้เหี้ยเจดังขึ้นหลังจากที่กูหลุดออกมาจากเวทีมวยกับว่าที่พ่อตา กูมุ่งตรงมายังบ้านไอ้เจเป็นที่แรกเพื่อเล่าเรื่องทั้งหมด ว่ากูถูกใจเด็ก ม.6 แล้วจะเอามันเป็นเมียให้ได้ถึงแม่ว่าพ่อมันจะไม่ชอบขี้หน้ากูก็ตาม แต่ทันทีที่กลับมาก็เห็นมันกับน้องๆ อีกสิบกว่าชีวิตนั่งจิ้มแผลกันอยู่

กูก็เลยใจดีทำแผลให้มันไง

“ร้องเหมือนหมาเลยไอ้สัส มึงไม่หอนให้กูฟังไปเลยอ่ะ” กูหยิกแกมหยอกเพื่อนรักอย่างอารมณ์ดี มันที่นั่งขัดสมาธิยกส้นตีนถีบอกกูทันที “ไอ้เหี้ย”

“เพราะโจกอย่างมึงไม่อยู่ไง มึงก็รู้ว่าตัวมึงเรียนมวยมา ต่อยตีเก่งกว่าพวกไม่ได้เรียนด้านไหนมาอย่างพวกกู... ซี๊ด” แม่งซี๊ดปากเพราะกูเอานิ้วตีนจิกสำลีมาจิ้มแผลที่ขาแม่งแรงๆ “ไอ้ขวด!”

“ก็เจอหญิงอ่ะ” กูเลิกคิ้วอย่างอ้อนๆ ตีนตอนที่เอาตีนไปลูบหน้ามันเบาๆ “กูก็ต้องเลือกปะไอ้ควาย”

“ไหนมึงบอกเดือดนักเดือดหนาที่แม่งมาเผาช็อปวิทยาลัยเราโชว์ลงเฟสวะ มึงนี่แม่งจัญจริงๆ” แม่งผลักตีนกูออกทันที มันไม่โกรธเพราะเราคือเพื่อนรักกัน แดกขี้ให้กันได้คงทำไปแล้ว “แล้วที่ขโมยมอไซค์คนมาขับอ่ะ พอสันดานได้ล่ะ หมายจับมึงส่งมาบ้านตั้งกี่เรื่อง ขี้คร้านต้องให้พ่อมึงจัดการให้ตลอด”

“ช่างหัวไอ้แก่” กูเบี่ยงประเด็นเพราะรำคาญเรื่องพ่อตัวเอง “เออ วันนี้กูไปเจอพ่อน้องคนสวยมาด้วย”

“แล้วไง?” ไอ้เจเลิกคิ้ว กูเลยชี้ที่หางคิ้วตัวเองที่แตก

“มึงไม่สังเกตเหรอวะ กูโดนพ่อน้องมันต่อยที่หางคิ้วอ่ะ” พูดแล้วยื่นหน้าให้แม่งดู “เป็นไง รอยชัดปะ”

“ก็สมควร มึงคงไปกวนตีนพ่อน้องเขา” พูดแล้วจี้หางคิ้วกูแรงๆ ตบท้ายจนกูต้องลงไปนอนกลิ้งกับพื้นเพราะแม่งเจ็บ ส่วนแม่งตบเข่าฉาด

ไอ้เพื่อนเหี้ย ถ้าไม่ใช่มันกูแทงพุงแตกแน่

“ก็นี่ไง” กูผุดลุกขึ้น ลูบหางคิ้วตัวเองป้อยๆ ขณะที่ตบโต๊ะลั่นห้อง “กูตั้งข้อเสนอไว้กับพ่อน้องมัน ว่าถ้าตบกู กูจะเรียกสินสอด พ่อแม่งเลยต่อยกูที่หางคิ้วแล้วเอาน้องเข้าบ้าน”

“...”

“แต่เชื่อดิ” กูแลบลิ้นเลียนิ้วแล้วยีแผลที่หางคิ้วอย่างหิวกระหาย “หมาหยอกไก่กับกูแบบนี้”

“...”

“ไม่จบแค่สินสอดแน่ๆ”

[จบพาร์ท : ตะขวด]

หนูนั่งหลบหน้าพ่อระหว่างที่กินข้าวด้วยกัน

จะ... จะทำยังไงดีล่ะ พี่ขวดเล่นพูดกับพ่อไปแบบนั้นแล้วด้วย

พ่อที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกินข้าวโดยไม่พูดอะไรกับหนูสักคำเดียว ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองหนูเลยด้วยซ้ำ หนูเม้มปาก ในขณะที่จะยื่นช้อนมาตักผัดผักใส่กุ้งใส่จานข้าวให้พ่ออย่างหวั่นเกรงนิดๆ

พ่อนิ่งไป แต่ก็ยอมตักผัดผักที่หนูตักให้เข้าปาก

หนูคลี่ยิ้ม ถึงพ่อจะดุ ตีหนูบ่อยๆ แต่พ่อก็รักหนูเสมอ

“ไอ้ผู้ชายคนนั้นน่ะ” พ่อโพล่งขึ้นมา หนูสะดุ้งเมื่อได้ยินว่าพ่อพูดถึงพี่ขวด แทบสำลักข้าวที่เคี้ยวอยู่ในปาก “มันเป็นแฟนแกจริงเหรอมนต์?”

หนูกระแอมไอเพราะข้าวไหลลงคอไปเพราะอารามตกใจ ก่อนที่จะก้มหน้างุด

“... ก็” หนูอึกอัก ต้องตอบไปว่ายังไงดีนะ เพราะพี่ขวดคงไม่ยอมเลิกราวีหนูแน่ๆ “ก็น่าจะใช่ค่ะ”

“คบกันตั้งแต่ตอนไหน”

“วะ... วันนี้ค่ะ”

“คุยกันมานานเท่าไหร่แล้ว ถึงตกลงไปคบกับมัน” คราวนี้หนูอึกอักไปใหญ่เลย จะตอบกลับยังไงดี

“กะ... ก็หลายเดือน... ค่ะ” สุดท้ายหนูก็เลือกที่จะโกหกพ่อ เพราะกลัวพี่ขวดมากจนขึ้นสมอง หนูคงรู้ล่ะมั้งคะว่าพี่ขวดจะตามมายุ่งวุ่นวายอีกเรื่อยๆ เพราะเขารู้ที่อยู่ของหนูแล้วด้วย

พ่อรวบช้อนทันที เงยหน้าขึ้นมองหนูด้วยท่าทางอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก

“อย่างน้อยก็น่าจะเลือกผู้ชายที่ดูดีกว่านี้หน่อยนะ” หนูสะอึก รู้สึกกินข้าวไม่ค่อยลงขึ้นมา “สักทั้งตัว ตัวใหญ่เหมือนควายแบบนั้น ลูกไม่กลัวสักวันมันจะทำร้ายลูกบ้างเหรอ”

หนูเม้มริมฝีปากแน่น จริงๆ ใครจะรู้ว่าหนูโดนบังคับให้ทำความรู้จัก ให้กลายเป็นแฟนเขาไปโดยที่ค้านอะไรไม่ได้เลย แถมครั้งแรกที่เจอเขายังขู่เก็ตจนต้องลงจากรถ BTS แถมยังบังคับพาหนูเข้าโรงแรม

ถะ แถมยังจับหน้าอกหนูหลายครั้งแล้วอีกด้วย

จะบอกพ่อได้ยังไงล่ะ ไม่งั้นหนูก็ต้องโดนตีไปด้วยน่ะสิ ที่ไม่รักนวลสงวนตัว

หนูเองก็รวบช้อนเหมือนกัน เพราะกินไม่ค่อยลงเลย เหลือบตาขึ้นมองพ่ออย่ากล้าๆ กลัวๆ ในขณะที่จะพูดออกมา “อิ่มแล้วค่ะ”

“ขึ้นไปอาบน้ำ อ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาลัย แล้วก็ไปนอนไป” พ่อพูดตามปกติที่พูดกับหนูทุกวัน เพราะบ้านของเราพ่อเคยเป็นข้าราชการครูมาก่อน แต่มาเกษียณเพราะพอแม่เสีย พ่อก็ไม่มีกะจิตกะใจที่จะทำงานต่ออีก

หนูเสียแม่ไปตั้งแต่อายุสิบขวบ แม่หายออกไปจากบ้าน มารู้อีกทีก็ยืนอยู่หน้ารูปขาวดำของแม่หน้าโลงศพ หนูร้องไห้ แต่ก็ไม่หนักเท่าคุณพ่อ พ่อร้องไห้กลางดึกอยู่เป็นเดือนๆ เลยค่ะ จนทุกวันนี้เริ่มทำงานขายหนังสือที่ร้านหนังสือเจ้าประจำที่พ่อกับแม่เคยไปเดทด้วยกัน

หนูโตมาโดยที่ได้รับความรักจากพ่อ ถึงแม้ว่าท่านจะดุ จะตีบ้างเวลาหนูกลับบ้านดึกเพราะแค่อยากไปเที่ยวกับเพื่อน จะคาดคั้นไม่ให้หนูมีแฟน แต่สุดท้ายที่พ่อทำไป ก็คือพ่อเขารักหนูนั่นเอง

หนูรู้ดีเลยล่ะ เลยพยายามทำตัวเป็นเด็กดีมาตลอด สอบได้ที่หนึ่ง ได้เกรดสี่ทุกวิชา แม้ว่าเรื่องกีฬาจะแทบไม่ได้เรื่องเลยก็ตาม

แต่ก็เพราะเกรงใจพ่อที่หาเลี้ยงหนูตัวคนเดียวนั่นล่ะ หนูถึงได้กลัวพ่อขนาดนี้

หนูเข้าไปอาบน้ำสักพัก ก่อนที่จะแต่งตัวด้วยชุดนอนกางเกงขายาวสีชมพูอ่อน

นอกหน้าต่างฝนเริ่มลงเม็ดจนละเลงหนัก หนูเหลือบมองตอนที่นั่งทำการบ้านวิชาคณิตศาสตร์ พร้อมกับหาข้อสอบเตรียมสอบเข้ามหาลัยในโน๊ตบุ้ค

นั่งอ่านอยู่สักพัก ฝนเริ่มตกแรงขึ้นจนสาดหน้ากระจกเสียงดัง หนูที่กลัวเสียงฟ้าร้องมาตั้งแต่เด็กจึงคว้าหูฟังมาเปิดเพลงเปียโนคลาสสิคคลอฟังเบาๆ ระหว่างที่นั่งติวการบ้าน เพื่อให้ตัวเองสงบลง

จนจังหวะหนึ่ง

หนูรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเคาะกระจกปังปังดังลอดเข้ามาในหูฟัง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันคงดังในระดับหนึ่งแน่ๆ หนูเงยหน้าขึ้นไปมองกระจกใสที่มีผ้าม่านสีครีมปิดไว้ ก่อนที่จะเดินไปเปิดมันออกเพื่อดูลาดเลาด้านนอก

“...!!” แต่หนูก็ต้องตกใจถอยหลังหนีแทบไม่ทันเมื่อมีคนกำลังเอาหน้าแนบกระจกแล้วฉีกยิ้มยิงฟันใส่จนเห็นเขี้ยวขาวข้างๆ อยู่อีกฝั่งของบานหน้าต่าง

พะ... พี่ขวด!

“เปิด ให้ หน่อย”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel