บทที่ 4 นางร้ายหมายผูกชะตากับพระรอง (2/2)
"ว้าว...สวยจัง"
หลี่หลานซินเบิกตากว้าง ดีใจราวลิงโลดกับภาพโคมไฟห้อยระย้าประดับเรียงรายตลอดทางจนสุดลูกหูลูกตา พลางแหงนมองโคมไฟที่ลอยอยู่ท่ามกลางท้องนภาช่วยขับเน้นให้ราตรีนี้ดูน่าชมนัก
"ชอบหรือ" เจียงห่ายกวงกล่าวยิ้ม ๆ
หลี่หลานซินพยักหน้าหงึกหงัก คลี่ยิ้มละไมเสียจนคนมองต้องหน้าแดงหูแดงใจเต้นกระหน่ำ "ชอบเจ้าค่ะ"
ผู้ติดตามทั้งสองต่างชอบอกชอบใจ เจียงห่ายกวงเหลียวหน้ามองลู่หาน ทั้งสองสบดวงตาราวกับรู้ใจ ลู่หานจึงเอื้อมมือจับข้อมือของถิงถิง
ถิงถิงตกใจสะดุ้งโหยง "ทะ...ทำอะไรเจ้าคะ"
"ชู่ว..." ลู่หานยกนิ้วชี้ปรามเสียงของอีกฝ่าย แล้วจึงลากกายของถิงถิงจากไปเดี๋ยวนั้น
หลี่หลานซินกำลังให้ความสนใจต่อโคมลอยบนท้องฟ้าจนลืมสังเกตไปว่าบ่าวรับใช้ตนหายไปเสียแล้ว หันมาอีกทีกลับพบเพียงเจียงห่ายกวงยืนอมยิ้มมองตนด้วยแววตาอบอุ่น
"ถิงถิง" หลี่หลานซินกะพริบดวงตาถี่ พยายามกวาดมองโดยรอบ
"ถิงถิงได้แค่เดินตามพวกเราคงเบื่อแย่แล้ว ข้าเลยให้ลู่หานพาไปเที่ยวชมในงานเสียหน่อย" มุมปากของเขามีรอยยิ้มผุดขึ้นจาง ๆ
"อ้อ...เช่นนั้นหรือ" หลี่หลานซินพยักหน้าเข้าใจ ทว่าหัวใจของนางกลับโครมครามขึ้นทันควัน
ต้องอยู่กับเขาสองคนหรอกเหรอ หลานซิน เจ้าคิดอะไรอยู่เนี่ย
หลี่หลานซินแสร้งเฉไฉเบือนสายตามองไปทางอื่น เมื่อเห็นว่ามีแผงลอยร้านหนึ่ง คาดว่าคงขายโคมไฟ รอบด้านล้วนมีผู้คนมุงดูมากมาย หลี่หลานซินบังเกิดความสนใจขึ้นมา
"คุณชายเจียง..."
"เรียกข้าว่า ห่ายกวงก็พอแล้ว"
"เอ่อ...ห่ายกวง ข้าอยากไปดูตรงนั้น คนเยอะแยะเชียว เขามีสิ่งใดน่าสนใจหรือ"
เจียงห่ายกวงเหลียวมองตามปลายนิ้วของอีกฝ่าย "ทางด้านโน้นน่าจะมีการทายปริศนาโคมไฟ เจ้าอยากลองทายดูหรือไม่"
"เอาสิ เอาสิ น่าตื่นเต้นดีออก"
เจียงห่ายกวงยิ้มขันต่อท่าทีไร้เดียงสาของหลี่หลานซิน นี่หรือที่ใครต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่านางเป็นสตรีไม่น่าคบหา หากนางร้ายกาจจริง คงนับว่าเป็นความร้ายกาจประดุจเด็กเอาแต่ใจผู้หนึ่งเสียมากกว่า
เจียงห่ายกวงยื่นแขนหวังจูงมือให้เดินไปพร้อมกัน ทว่าหลี่หลานซินกลับวิ่งพรวดพราดผ่านเขาไปไม่ทันได้สังเกตท่าทีเหนียมอายของบุรุษเบื้องหน้าด้วยซ้ำ เจียงห่ายกวงจึงทำได้เพียงลดมือลงอย่างเคอะเขิน ส่ายหน้าน้อย ๆ แค่นเสียงในลำคอแก้เก้อ แล้วจึงเร่งหมุนกายสับเท้าตามอีกฝ่ายไปอย่างเสียไม่ได้
ด้านหน้าเต็มไปด้วยโคมไฟหลากหลายรูปร่าง หลี่หลานซินสะดุดตากับโคมไฟรูปแมวน้อยเป็นที่สุด นางเหลียวมองเจียงห่ายกวงด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม
"ข้าอยากได้โคมไฟแมวน้อยอันนี้เจ้าค่ะ!!" เสียงสตรีดังประสานอย่างพร้อมเพรียง
เอ๋...อย่าบอกว่ามีคนคิดตัดหน้าเรา ไม่ยอมซะหรอก หึ!
หลี่หลานซินหันหน้าขวับ ผู้ที่ยืนขนาบข้างของนางหาใช่ใครอื่น
"คุณหนูจื่ออี๋!"
จูจื่ออี๋ผินหน้ามองเช่นกัน ใบหน้างดงามคลี่ยิ้มละไม "คุณหนูหลานซิน เจ้าก็อยากได้โคมไฟแมวน้อยนั่นหรือ"
หลี่หลานซินนิ่งค้างชั่วขณะ นัยน์ตาเผลอมองถัดออกไปจึงทันสบประสานดวงตากับมัจจุราชผู้ที่นางไม่อยากเจอเข้าอย่างจัง
โม่จ้าวหยวน บังเอิญเกินไปแล้ว
ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปาก แววตาช่างดูร้ายกาจพิกล
เจียงห่ายกวงเอื้อมคว้าข้อมือของหลี่หลานซินเอาไว้ เมื่อพบว่าอีกฝ่ายคือใคร บุรุษทั้งสองจ้องตากันเขม็ง
"หลานซินหากเจ้าอยากได้ข้าจะเอามันมาให้เจ้าเอง"
โม่จ้าวหยวนแค่นยิ้ม กล่าวเสียงเรียบเรื่อย "จื่ออี๋ หากเจ้าอยากได้ข้าจะเอามันมาให้เจ้าเอง"
ต่างฝ่ายต่างเล่นสงครามสายตากันไม่ลดละ หลี่หลานซินเห็นท่าไม่ดีเลยกล่าวผะแผ่ว
"ห่ายกวง ข้าไม่อยากได้แล้วเราไปกันเถอะ" นางกระตุกแขนเสื้อเจียงห่ายกวงเล็กน้อย พลางหมุนกายตั้งท่าจากไป ทว่าเสียงทุ้มกลับโพล่งขึ้น
"คุณหนูกลัวแพ้เช่นนั้นหรือ"
แพ้หรือ หน็อย! หมอนี่จงใจหาเรื่องชัด ๆ
สตรีเช่นหลี่หลานซินฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ ผู้ใดกลัวแพ้เขากัน นางไม่อยากเห็นหน้าเขานาน ๆ เท่านั้นเอง หลี่หลานซินหมุนกายขวับ เชิดหน้าชูคอประจันสายตาแข็งกร้าวกับอีกฝ่าย
"ผู้ใดกลัวแพ้กันเล่า เล่นก็เล่นสิ"
โม่จ้าวหยวนเยื้องย่างฝีเท้าไปเบื้องหน้า พลางโน้มลงกล่าวเสียงแผ่ว "เช่นนั้นก็ดี ดูสิว่าเจ้าจะเอาชนะผู้ชายเพลบอยเช่นข้าได้หรือไม่"
หลี่หลานซินตัวแข็งทื่อดั่งตุ๊กตาไม้ เขารู้จักคำนี้ได้อย่างไร มีเพียงนางกับถิงถิงเท่านั้นที่รู้ไม่ใช่หรือ
