บทที่ 3 หมายพลิกชะตานางร้ายแสนอนาถา (2/2)
ถิงถิงจำใจหย่อนกายลงนั่งอย่างเชื่อฟัง หลี่หลานซินเริ่มเล่าเรื่องราวของคุณชายโม่ไปต่าง ๆ นานา นางรู้จักชาติตระกูล อุปนิสัยใจคอ รวมถึงรากเหง้าของโม่จ้าวหยวนดีเลยทีเดียว ในเมื่อนางเป็นคนเขียนขึ้นมาเองกับมือ เดิมทีคุณชายโม่เป็นบุรุษเสเพลไม่เอาไหน เห็นว่าบ้านตัวเองรวยเข้าหน่อยเลยไม่เคยสนใจช่วยกิจการพ่อแม่ เที่ยวเตร่ไปวัน ๆ เขาเป็นผู้เป็นคนได้ก็ช่วงที่ได้รู้จักกับคุณหนูจูจื่ออี๋ ซึ่งเป็นนางเอกของเรื่องอย่างไรเล่า
"ถิงถิง แท้จริงข้าไม่ได้ชอบเขาเลย แต่จะบอกอย่างไรดี เรื่องนั้นช่างเถอะ ๆ"
สิ่งที่นางจะบอกก็คือหลี่หลานซินคนเดิมต่างหากที่ชอบคุณชายโม่จนโงหัวไม่ขึ้น ส่วนนางเป็นเพียงผู้สร้างตัวละครเท่านั้น อธิบายไปถิงถิงคงไม่เข้าใจ
"หมอนั่น...เอ่อ...แฮ่ม คุณชายโม่เป็นพวกประเภทเสาะบุปผาหาต้นหลิวเพลบอยจะตาย"
"พะ..เพน บ่อย คืออะไรเจ้าคะ" ถิงถิงกะพริบดวงตาถี่ มองหลี่หลานซินตาใสแป๋ว
หลี่หลานซินขำพรืด "เอาล่ะ ข้าขอโทษ เอาใหม่นะ" นางกระแอมหนหนึ่งแล้วจึงเล่าต่อ "เพลบอยก็คือ ผู้ชายเสเพล เกี้ยวผู้หญิงไปเรื่อยซ้ำยังชอบเล่นสนุกไปวัน ๆ ไม่เอาการเอางานอย่างไรเล่า มีแต่เพียงรูปลักษณ์ อย่างอื่นล้วนไม่ได้เรื่อง"
"คุณหนู กล่าวหาคุณชายโม่ส่งเดชได้อย่างไรเจ้าคะ หากคุณชายได้ยินเข้าต้องเคืองมากแน่ ๆ"
"เขาจะได้ยินอะไร นี่มันห้องของข้า จวนก็จวนของข้า เขาหรือเคยเหยียบเข้ามาจวนสกุลหลี่ หากเขามาจริง ๆ ข้าว่าพระอาทิตย์คงได้ขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วกระมัง" หลี่หลานซินโพล่งเสียงดัง
"คุณหนูเบา ๆ เจ้าค่ะ" ถิงถิงยกนิ้วชี้จรดริมฝีปาก
"เจ้ากลัวอะไร คุณชายโม่หรือ ข้าไม่ชอบเขาหรอก ถ้าข้าแต่งงานกับคนเช่นเขาจริง ๆ ข้ายอมกัดลิ้นตัวเองตายเสียยังดีกว่า" หลี่หลานซินกล่าวลอยหน้าลอยตา
ดู ๆ ไปแล้วเจียงห่ายกวงก็ไม่เลว ซ้ำยังดูแลเอาใจใส่นางเป็นอย่างดี ต่างกับโม่จ้าวหยวนที่วัน ๆ เอาแต่หลบหลี่หลานซินราวเห็นตัวเห็บหมัด เช่นนั้นการได้มาเป็นนางร้ายในครานี้ นางจะพลิกชะตาแสนอนาถาให้มีชีวิตอันสดใสขึ้นเอง
นอกบานประตูกลับมีคนยืนอยู่สักพักแล้ว หลี่หลานซินไม่รู้เลยว่าผู้ที่ตนกล่าวถึงได้ยินชัดถนัดหูทุกถ้อยคำ
เดิมทีโม่จ้าวหยวนไม่เคยเหยียบเข้ามายังจวนสกุลหลี่จริง ๆ ตามที่นางกล่าว ทว่ามารดาของเขากลับรบเร้าให้ต้องหอบข้าวของหยูกยามาขอโทษขอโพยเรื่องวันนั้นกับคุณหนูทั้งสองตระกูลให้จงได้ ไม่รู้นางกำลังคิดสิ่งใด
คงหวังว่าโม่จ้าวหยวนจะเลือกใครสักคนเป็นสะใภ้ให้ตระกูลโม่เสียกระมัง เหตุใดมารดาของเขาจึงหมายตาหลี่หลานซินด้วยกันเล่า เห็น ๆ อยู่ว่าสตรีนางนี้ร้ายกาจเพียงใด
เมื่อตนมาถึงจวนสกุลหลี่ บิดาของหลี่หลานซินกลับบอกว่านางเจ็บหนักไม่อาจลุกจากเตียงได้ ติดก็เพียงมารดาของเขาดันกำชับว่าต้องส่งให้ถึงมืออีกฝ่ายเสียด้วย ในเมื่อคำสั่งของมารดาไม่อาจขัด ขาของเขาจึงระเห็จพากายสูงโปร่งยืนจังก้าอยู่หน้าห้องสตรีด้วยความจำใจ ทั้ง ๆ ที่คนด้านในเป็นฝ่ายก่อเรื่องแท้ ๆ น่าเจ็บใจนัก
โม่จ้าวหยวนยืนกรานว่าจะไม่เข้าไปด้านใน เพียงต้องการยื่นให้ถึงมืออีกฝ่ายอย่างแท้จริงเท่านั้น ทว่ากลับทำให้ตนบังเอิญได้ยินเสียงนินทาจากสตรีผู้น่าเดียดฉันท์ด้วยเรื่องเสีย ๆ หาย ๆ พานให้โม่จ้าวหยวนเกิดอารมณ์ขุ่นเคือง เส้นเลือดบนขมับปูดโปน ใบหน้าเขียวคล้ำผุดขึ้นราวระลอกคลื่น
หลี่จิ้งตงได้ยินเช่นกัน เขาถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ประดุจดั่งมีบางอย่างกำลังกีดขวางทางเดินหายใจแทบเกิดลมจับ เริ่มค้นหาคำพูดแก้สถานการณ์ "เอ่อ...คุณชายโม่ อย่าถือสานางเลย ตั้งแต่วันนั้นนางก็สมองกระทบกระเทือน เปลี่ยนไปราวเป็นคนละคน"
โม่จ้าวหยวนกัดฟันกรอด เขากดยิ้มมุมปากพลางขบคิดแผนการบางสิ่ง "ท่านไม่ต้องกังวลใจ บุตรสาวของท่านเป็นสตรียังไม่ออกเรือน ข้าเป็นบุรุษเดิมทีไม่ควรมายืนหน้าห้องของนางด้วยซ้ำ ผู้แซ่โม่เสียมารยาทแล้ว เช่นนั้นของเหล่านี้..."
โม่จ้าวหยวนเหลียวไปยังเบื้องหลัง พยักหน้าหนหนึ่ง ผู้ติดตามของเขาจึงนำข้าวของพะรุงพะรังเหล่านั้นยื่นให้อีกฝ่าย หลี่จิ้งตงเอื้อมมือรับด้วยอาการประหวั่นน้อย ๆ พลางคลี่ยิ้มเหือดแห้ง แล้วจึงส่งต่อให้บ่าวรับใช้ด้านหลัง
"ขะ...ขอบคุณ คุณชาย"
โม่จ้าวหยวนผินหน้ามอง เขาแค่นยิ้มเสียงเบา "ท่านไม่ต้องเกรงใจ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน คงไม่พบนางแล้วเกรงว่าอาจทำให้คุณหนูหลี่ลำบากใจ"
กล่าวจบเจ้าของร่างสูงจึงค้อมศีรษะเล็กน้อย พลันสะบัดกายจากไปเดี๋ยวนั้น ดวงตาคมหรี่ต่ำลง ม่านคมกริบสาดประกายสังหารในบัดดล ในใจพลอยหงุดหงิด มุมปากเผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม
หลี่หลานซิน! เสาะบุปผาหาต้นหลิวเช่นนั้นหรือ เจ้าบอกหากได้แต่งงานกับข้าจะกัดลิ้นตนเองตายใช่หรือไม่ เช่นนั้นเจ้าก็เตรียมกัดลิ้นตนเองได้เลย
เชิงอรรถ
^
เสาะบุปผาหาต้นหลิว หมายถึง การเที่ยวสตรีในหอคณิกา หรือ เที่ยวผู้หญิง
