บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 คุณชายตระกูลโม่ที่ว่าคือพญามัจจุราชมาเกิด (2/2)

โม่จ้าวหยวนมาถึงสถานที่เกิดเหตุแล้ว หลี่หลานซินอยู่ด้านในจริง ๆ ดูเหมือนคุณชายเจียงห่ายกวงนั้นช่วยเหลือนางสำเร็จ หลี่หลานซินขดกายอยู่ในอ้อมแขนของเจียงห่ายกวงพลางกระแอมไอเสียยกใหญ่ จากใบหน้าเกลี้ยงเกลางดงามกลับเปื้อนเขรอะไปด้วยคราบเขม่าจนดูไม่จืด โม่จ้าวหยวนหรี่นัยน์ตา ลอบสังเกตความผิดปกติอยู่ชั่วครู่

อาภรณ์สีมรกตตัวนี้คล้ายกับสตรีต้องสงสัยไม่ผิดเพี้ยน นางแอบย้อนกลับมาสร้างเรื่องให้ตนเองต้องเจ็บตัวอย่างนั้นหรือ บ้าระห่ำเกินไปหน่อยหรือไม่ โม่จ้าวหยวนสาวเท้าเข้าใกล้พวกเขา พลางลดดวงตาจ้องหลี่หลานซินเขม็งเกร็ง

หลี่หยางหงในร่างของหลี่หลานซินช้อนดวงตาขึ้นทันได้ประสานเข้ากับนัยน์ตาคมปลาบพอดิบพอดี นางรีบหลุบเปลือกตาลงเดี๋ยวนั้น หัวใจกระเพื่อมไหว เหงื่อกาฬแตกพลั่ก แล้วจึงแสร้งไอเพื่อกลบเกลื่อน

แค่ก แค่ก

ชะ...ใช่หมอนี่หรือเปล่า โม่จ้าวหยวน หน้าตาและท่าทางดูเหมือนจะใช่นะ

หลี่หยางหงตบตีกับความคิดตนอยู่ในใจ ต่อไปนี้นางจะใช้นามของหลี่หยางหงไม่ได้อีกต่อไป คงต้องเปลี่ยนมาใช้หลี่หลานซินเต็มตัว

หลี่หยางหงเป็นนักเขียนถ่ายทอดอารมณ์และลักษณะของตัวละครผ่านตัวอักษรเท่านั้น ใช่นางสามารถมองออกในปราดเดียวว่าผู้ใดเป็นผู้ใด แต่ดูเหมือนคนตัวสูงซึ่งกำลังยืนค้ำหัวเขม้นมองนางอยู่นั้น ศีรษะชี้ขึ้นฟ้า สองเท้าย่ำบนดินช่างตรงตามอุดมคติการเป็นพระเอกของนักเขียนไปเสียทุกอย่าง ต้องเป็นเขาไม่ผิดแน่ กระนั้นแววตาแข็งกร้าวเมื่อได้สบดวงตากลับส่งผลให้สันหลังรู้สึกชาวาบโดยไร้สาเหตุ

นี่น่ะหรือพ่อพระเอก สีหน้าเย็นชาชะมัด เราเขียนเขาเป็นคนแบบนี้จริง ๆ เหรอ

นางสลัดความคิดฟุ้งซ่านนั้นทิ้งอย่างรวดเร็ว จะใช่เขาหรือไม่ก็ตาม ตอนนี้เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ไม่มีนักเขียนที่ชื่อหลี่หยางหงอีกต่อไป

"ทะ...ท่านพ่อเจ้าคะ ข้าหายใจไม่ออก"

"โถ่เอ๊ย หลานซิน หลานซิน ไม่เป็นไรนะลูก ใจเย็น ๆ หายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกช้า ๆ " หลี่จิ้งตงพยายามปลอบบุตรสาวของตน นางค่อย ๆ ทำตามแต่โดยดี พยายามหายใจเข้าหายใจออกเนิบช้า

อันที่จริงแล้วนางกำลังสู้อยู่กับจิตใจที่ร้อนรนเมื่อได้ปะทะสายตากับคุณชายโม่เสียมากกว่า หากถูกเขาจับได้ขึ้นมา ชีวิตนางร้ายผู้นี้คงมิอาจรักษาไว้ได้เสียแล้ว ซ้ำยังไม่รู้ว่าหากหลี่หลานซินตายไปจริง ๆ ดวงจิตของหลี่หยางหงจะตายไปด้วยหรือเปล่า เช่นนั้นเพื่อความปลอดภัยนางจะต้องเสแสร้งแกล้งเป็นคุณหนูมารยาร้อยเล่มเกวียนผู้นี้ต่อไปให้ถึงที่สุด

เจียงห่ายกวงปัดป่ายปอยผมที่หล่นปรกหน้าปรกตาออกให้นาง "ไม่เป็นไรนะหลานซิน เจ้าไม่เป็นไรแล้ว"

หลี่หลานซินพยักหน้าหงึกหงัก ทว่านางไม่กล้ามองเลยไปเบื้องหลังสักนิด เพลานี้มีบุรุษผู้หนึ่งยืนปั้นหน้าขมึงทึงราวคาดคั้นนางอยู่ ปากมิได้เปล่งวาจาทว่าดวงตากลับบ่งบอกทุกสิ่ง

โม่จ้าวหยวนผู้นี้เป็นพญามัจจุราชหรืออย่างไร ทำตัวประดุจเตรียมกระชากวิญญาณของนางออกจากร่างไปเดี๋ยวนั้น หากตนกล่าวอธิบายต่อเขาว่าวิญญาณที่อยู่ในกายหยาบนี้ไม่ได้เป็นคนลงมือ คงได้ถูกกล่าวหาว่าทำชั่วจนสติเลอะเลือน

หลี่หลานซิน ไฉนเป็นสตรีดวงกุดเช่นนี้เล่า โชคยังดีที่มีพระรองผู้น่ารักอยู่เคียงข้าง เพียงแต่พระรองก็ต้องห่วงใยนางเอกมิใช่หรือ ไฉนเขาจึงมาช่วยนางร้ายกันเล่า ฉุกนึกมาถึงตรงนี้ก็ให้ต้องเข้าใจ หลี่หลานซินและเจียงห่ายกวงเป็นสหายบ้านใกล้เรือนเคียง สหายจะห่วงกันมีที่ใดแปลกกันเล่า

"นางเป็นเช่นไรบ้าง" เสียงทุ้มเอ่ยเย็นเยียบ

โม่จ้าวหยวนสาวเท้าเข้าใกล้ตั้งแต่เมื่อใดก็สุดจะรู้ ส่งผลให้หลี่หลานซินสะดุ้งโหยง นางหลับตาปี๋และแสร้งเป็นลมล้มตึงทันควัน

เจียงห่ายกวงและหลี่จิ้งตงเบิกตากว้างตะลึงลาน "หลานซิน!"

เจียงห่ายกวงรีบช้อนร่างของนางขึ้น เขาหมุนกายทันได้ประจันหน้ากับโม่จ้าวหยวน "ท่านไม่เห็นหรือคุณชายโม่ นางคงเป็นคนทำกระมัง จึงได้รับบาดเจ็บจนหมดสติไปเช่นนี้"

โม่จ้าวหยวนเลิกคิ้ว เขาลดดวงตามองสตรีบนอ้อมแขนของอีกฝ่าย พลางเดาะลิ้นในปาก "อ้อ นางหมดสติหรือ เช่นนั้นมิสู้ให้นางเข้าไปรักษาตัวที่หอรับรองของข้าก่อนดีหรือไม่"

หลี่หลานซินได้ยินคำเสแสร้งจากชายหนุ่ม หัวใจเกิดเต้นระทึกราวถูกตีกระหน่ำ คิ้วของนางขมวดเข้าด้วยกันเสียจนอีกฝ่ายจับพิรุธได้ โม่จ้าวหยวนยกยิ้มมุมปากด้วยความเจ้าเล่ห์แสนกล

ยิ่งเห็นสีหน้าไม่อนาทรร้อนใจเช่นนั้นอารมณ์ของเจียงห่ายกวงจึงเดือดพล่าน "ไม่จำเป็น! ข้าจะพานางกลับจวนสกุลหลี่"

เจียงห่ายกวงอุ้มคนร่างเล็กไว้บนอ้อมแขน พลันสาวเท้าขึ้นเบื้องหน้าส่งผลให้ไหล่พวกเขากระทบกัน โม่จ้าวหยวนซวนเซเล็กน้อย ทว่าเขากลับยังอารมณ์เย็นประดุจหุบเขาน้ำแข็ง

หลี่จิ้งตงเห็นสถานการณ์ตึงเครียดขึ้นทุกขณะ เขาจึงกล่าวขอโทษขอโพยเสียยกใหญ่ "คุณชายโม่ อย่าได้ถือสาหาความนางเลย ไว้นางหายดีเมื่อใดท่านอยากตรวจสอบอย่างไรก็ย่อมได้"

โม่จ้าวหยวนยิ้มเย็นเยียบ น้ำเสียงคล้ายเป็นมิตรทว่าราวอาบด้วยยาพิษก็ไม่ปาน "เถ้าแก่หลี่เกรงใจไปแล้ว"

เขาเหลียวมองตามแผ่นหลังของเจียงห่ายกวงซึ่งเริ่มห่างไกลไปเรื่อย ๆ หลี่หลานซินคิดว่าตนหลีกพ้นแววตาคมกริบได้แล้ว นางจึงลอบเบิกดวงตาขึ้นหนึ่งฝั่งเพื่อสังเกตสถานการณ์ ผู้ใดจะทันรู้ว่าอีกฝ่ายกลับมองมายังนางเช่นเดียวกัน ดวงตาที่เบิกขึ้นรีบหลับลงเดี๋ยวนั้น

แย่แล้ว หลี่หยางหง ไม่สิแกคือหลี่หลานซินแล้ว หากอีตาคุณชายโม่จับได้จบเห่แน่

เรื่องราวอลหม่านชั่วช้าสามานย์เช่นนี้นางไม่ได้เป็นคนก่อเสียหน่อย ไฉนจำต้องคอยแบกรับกรรมแทนนางร้ายด้วยเล่า ทว่าจะกล่าวเช่นนี้ย่อมไม่ถูกต้องเสียทีเดียว ในเมื่อหลี่หยางหงเป็นผู้สร้างตัวละครขึ้นเองทั้งหมด จะบ่ายเบี่ยงว่าไม่ใช่ความผิดของตนได้อย่างไร นึกไปก็ชวนปวดกบาลนัก สวรรค์กำลังลงทัณฑ์นักเขียนผู้โง่เขลาเช่นนางอยู่หรือ

เชิงอรรถ

^

ศีรษะชี้ขึ้นฟ้า สองเท้าย้ำบนดิน หมายถึง ใช้บรรยายร่างสูงตระหง่าน มองดูแล้วเป็นคนไม่ธรรมดา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel