บทที่ 7 ของเหลือ [1]
หนิงหลันก่อกองไฟเพื่อเตรียมทำอาหารในมื้อต่อไป อาหารกลางวันที่นางจะทำคือเต้าหู้ผัดผักรวม ของหวานคือข้าวโพดย่างเม็ดอวบรสหวาน วัตถุดิบทั้งหมดล้วนได้มาจากสวนผักในมิติวิเศษทั้งนั้น
ระหว่างนั่งรอให้ข้าวโพดสุก สายตาก็เอาแต่เหลือบมองไปทางบ้านใหญ่ เห็นพวกนั้นอยู่กันอย่างสุขสบายพานรู้สึกขัดใจไปหมด แม้บ้านตระกูลรั่วจะเป็นเพียงบ้านชั้นเดียวเก่า ๆ ไม่ต่างอะไรกับบ้านหลังอื่น แต่กลับทำตัวโอ้อวดคนอื่นเขาไปทั่ว ก็แค่บุตรชายคนเล็กมีหน้าที่การงานดีกว่าคนอื่นในหมู่บ้าน ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วไม่เคยเหลียวแลทางบ้านด้วยซ้ำ ปล่อยให้สามีนางเป็นหัวหน้าครอบครัวหาเลี้ยงทุกคน
ตั้งแต่พ่อสามีตายจาก คนพวกนั้นเอาที่ดินซึ่งเป็นสมบัติตกทอดกันมาไปขายจนหมด เหลือเพียงบ้านหลังนี้ไว้เท่านั้น นับแต่นั้นมาสองแม่ลูกก็เอาแต่ใช้เงินมือเติบ ตงหานบุตรชายคนเล็กพอมีความรู้อยู่บ้าง จึงได้ทำงานเป็นพ่อบ้านประจำจวนเศรษฐีอยู่ในเมือง ทว่ากลับไม่เคยส่งเสียทางบ้านเลยสักครั้ง ทำให้ถังหลิวมีแต่จะขอจากแม่สามีอยู่ร่ำไป
ตงหานต่างจากไคเฉิงโดยสิ้นเชิง แตกต่างกันอย่างไรน่ะหรือ อย่างแรกที่มองข้ามไม่ได้คือหน้าตาและรูปร่าง ลำพังความหล่อเหล่าสู้สามีนางไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บ ไม่เหมือนกันเลยสักอย่างยิ่งความสัมพันธ์ในครอบครัวยิ่งแล้วใหญ่ พวกเขาปฏิบัติกับไคเฉิงราวกับไม่ใช่ลูกหรือพี่ชาย คงจะไม่ใช่อย่างที่นางคิดไว้กระมัง
“เจ้าเอาข้าวของพวกนี้มาจากที่ใด ไปขโมยมาจากบ้านใหญ่ใช่หรือไม่” ทันทีที่เห็นอีกฝ่ายเอาของทุกอย่างออกมาวาง ถังหลิวรีบออกมาจากที่ซ่อน ชี้หน้าต่อว่าเป็นการใหญ่ คนบ้านเล็กมีสิทธิ์อะไรได้กินของดี ๆ โดยที่ไม่แบ่งบ้านใหญ่ เรื่องนี้จะต้องถึงหูแม่สามี
“หาว่าข้าขโมยมีหลักฐานหรือไม่” แค่คิดถึงผี ผีก็มา ตายยากเสียจริง
“ข่ะ ข้า แค่ข้าวจะกรอกหม้อยังไม่มี หากไม่ขโมยมาจะเอามาจากที่ใด” คนหาเรื่องเอาแต่อึกอักพูดไม่ออก แต่ถึงอย่างไรตนก็มั่นใจอย่างไรบ้านเล็กไม่มีทางหาของแบบนี้ได้แน่นอน
“ไม่มีหลักฐานก็อย่ามาปรักปรำคนอื่นสิ แค่คำพูดพล่อย ๆ ไม่มีคนเชื่อหรอก” อุตส่าห์อยู่แต่ในบ้านไม่ออกไปไหนแล้วแท้ ๆ ก็ยังจะเจอกับมารอยู่ร่ำไป หนิงหลันบ่นกระปอดกระแปด เข้าใจแล้วว่าเหตุใดหนิงหลันคนเก่าถึงได้ไม่ชอบหน้าถังหลิวนัก
“ข้าพูดความจริง ของทุกอย่างต้องเป็นท่านแม่แบ่งให้เท่านั้น พวกขี้ขโมย”
“คนอะไรด่าตัวเองก็ได้ด้วย อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่าเจ้าแอบเอาส่วนของบ้านข้าไปบ้านตัวเองหมด เปลี่ยนของไม่ดีมาให้บ้านข้าแทน วันก่อนเจ้ายังโกหกท่านแม่ว่าไข่เน่าทุกฟอง แท้จริงแล้วเจ้าแอบมาเปลี่ยน” สุดจะทนกับพฤติกรรมไม่ดีของอีกฝ่าย เรื่องราวพวกนี้เดิมทีหนิงหลันคนก่อนไม่ได้ใส่ใจ และไม่รับรู้แม้แต่น้อย แต่ที่นางรู้นั่นเป็นเพราะเจ้าภูตน้อยรายงานความชั่วของบ้านนั่นเสียละเอียดยิบต่างหาก
“เจ้าพูดอะไร ไหนหลักฐาน อย่ามากล่าวหาข้านะ”
“หลักฐานก็ของที่บ้านเดิมเจ้าอย่างไร ไปพิสูจน์กันไหมล่ะ คนที่บ้านเจ้าแทบไม่มีงานทำเลยทั้งเดือนมีหรือจะมีเงินมากพอซื้อไข่เป็นสิบ ๆ ฟองได้น่ะ” หน็อยเอาของดี ๆ กลับบ้านตนเองหมด แล้วเอาของเหลือของไม่ดีให้บ้านข้า
“ข้าไม่ไป ข้าไม่ได้ทำสักหน่อย ข้าไปดีกว่าเถียงกับเจ้าก็ไม่ได้อันใด” เพราะกลัวเรื่องที่ทำไว้ไปถึงหูแม่สามี ทำให้ถังหลิวหยุดโต้เถียง เห็นทีจะดูแคลนหนิงหลันไม่ได้เสียแล้ว ตนหรือมั่นใจแล้วว่าไม่มีผู้ใดเห็นแท้ ๆ เมื่อเถียงสู้อีกฝ่ายไม่ได้ถังหลิวจึงล่าถอยกลับไปที่ของตน
หลังจากทุกอย่างสงบลง หนิงหลันจึงรีบลงมือทำอาหารต่อให้เสร็จ นอกจากเรื่องอาหารนางก็ยังต้องป้อนข้าวเจ้าก้อน เด็กคนนี้ก็เลี้ยงง่ายเหลือเกินบอกอะไรก็รู้ความไปเสียหมด หลังจากกินอิ่มแล้วปล่อยนางเล่นของเล่น พอเล่นเหนื่อยเจ้าตัวน้อยจึงหลับไปอีกครั้ง พอดีกับเสียงกุกกักดังมาจากนอกเรือน รู้ได้ทันทีว่าสามีกลับมาแล้ว
“กลับมาแล้วหรือ มากินข้าวกันเถอะ” หนิงหลันยื่นถ้วยข้าวพร้อมตะเกียบให้สามี
“จะไม่สิ้นเปลืองเกินไปหรือ เจ้ากินเถอะข้ายังไม่หิว” ไคเฉิงมองอาหารตรงหน้าด้วยความไม่สบายใจ หากกินวันละสามมื้อข้าวสารและของที่หามาได้คงไม่พอ เขายื่นถ้วยข้าวคืนพร้อมกับขยับไปนั่งใกล้บุตรสาว
“ไม่กินจะมีแรงทำงานได้อย่างไร”
“เจ้าต้องให้นมเอินเอินกินให้อิ่มเถอะ ข้ากินวันละมื้อก็พอแล้ว” เขานั้นกินข้าวปั้นสามลูกที่ภรรยาให้มาแล้ว รอกินมื้อเย็นก็ไม่เป็นไร ระหว่างรอให้ภรรยากินเขาจะทำหน้าที่ดูแลลูกให้เอง
“ข้าให้ท่านกินท่านก็ต้องกิน จะขัดใจข้าหรือ” นางแสร้งทำเป็นไม่พอใจ เดิมทีหนิงหลันคนเดิมมักจะเอาแต่ใจ ที่ผ่านมาไคเฉิงยอมทำตามเพราะรำคาญ ครั้งนี้นางจะทำให้เขารำคาญเช่นกัน แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด อีกฝ่ายยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง “เช่นนั้นท่านก็ควรกินข้าวโพดที่ข้าอุตส่าห์ทำให้ อาหารพวกนี้ข้าทำไว้เยอะท่านหิวเมื่อไรก็ค่อยมากินแล้วกัน ถ้าไม่กินพรุ่งนี้ข้าจะเอาไปเททิ้งเอง”
