บทที่ 4 คนไร้ประโยชน์ [2]
ในตอนที่หนิงหลันคิดอะไรเรื่อยเปื่อย คนที่เข้าใจว่าหลับเขากลับมิได้หลับจริง รั่วไคเฉิงมองแผ่นหลังภรรยาด้วยความสับสน นางเกลียดบุตรสาวอย่างกับอะไรดี ไม่เคยให้รั่วเอินได้แตะต้องเสียด้วยซ้ำ แล้วอะไรทำให้คนที่เกือบจะฆ่าลูกในไส้ตนเองยอมให้นมลูก
ไคเฉิงรีบหลับตาลงอีกครั้งเมื่อภรรยาหยุดให้นมบุตรสาว เมื่อเห็นว่าทั้งภรรยาและบุตรสาวหลับไปด้วยกันอีกรอบ ชายหนุ่มจึงแสร้งขยับตัวทำทีเพิ่งตื่นนอน ได้เวลาต้องตื่นออกไปทำงานแล้ว ไคเฉิงจึงลุกขึ้นเก็บที่นอนแล้วไปล้างหน้าล้างตาพร้อมกับเตรียมตัวเพื่อเข้าป่า กับดักที่เขาวางไว้เมื่อวาน หวังว่าเช้านี้จะได้สัตว์สักตัวติดมือกลับมาบ้าง
นานแล้วที่พวกเขาไม่ได้กินเนื้อเลย มีแต่แผ่นแป้งผัดผักใส่เกลือ และข้าวต้มที่มีแต่น้ำแทบจะหาเม็ดข้าวไม่ได้
ถึงไม่รักไม่ชอบหนิงหลันแต่นางก็เป็นแม่ของลูก ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ความผิดของพวกเขา การจะโทษหนิงหลันไม่ดีก็ไม่ใช่ทั้งหมด ดังนั้นไคเฉิงจึงได้แต่เก็บทุกอย่างไว้ในใจและทนต่อไปเพื่อบุตรสาว
เสียงดังกุกกักจากทางด้านนอกดังขึ้นต่อเนื่อง หนิงหลันรอจนเสียงนั้นเงียบไปนางจึงลุกขึ้นแต่งตัวเสียใหม่ เจ้าตัวน้อยกำลังหลับปุ๋ยอยู่เลย ฉะนั้นนางจะเสียงดังไม่ได้เด็ดขาด ร่างบางค่อย ๆ ขยับตัวลุกจากที่นอน เพื่อเตรียมหุงหาอาหารคอยท่าสามีกลับมา
“ครอบครัวนี้มันยากจนถึงเพียงนี้เชียวหรือ” เคยอ่านนิยายมาก็มากไม่คิดว่าจะมาเจอกับตัว เสื้อผ้า ที่นอนหมอนเก่า ๆ ข้าวของเครื่องใช้แทบไม่มี เป็นห้องโล่ง ๆ อย่าว่าแต่ฟูกนอนเลย แค่เสื่อปูนอนยังขาดเป็นรู เสื้อผ้ายิ่งแล้วใหญ่ ถูกปะจนหาเนื้อเดียวกันไม่ได้ เมื่อมองมาที่ชุดตนเองสวมใส่ ก็ต้องยอมรับว่าเห็นแก่ตัวไม่เกินจริง
หนิงหลันนะหนิงหลัน เจ้าเอาดีแต่ตัวเองจริง ๆ แม้จะไม่ใช่ผ้าที่ดี แต่หากเทียบกับชาวบ้านทั่วไปก็นับว่าดีกว่าหลายขุม
ยิ่งนึกถึงวันข้างหน้าแล้วมันทำให้หนิงหลันไม่อาจปล่อยวางได้ ลูกน้อยของนางจะใช้ชีวิตอย่างไร น่าสงสารที่สุดก็ไคเฉิง เพราะอุบัติเหตุจากการทำงาน ทำให้สภาพเขาไม่ต่างอะไรกับคนพิการขาไม่สมประกอบ แต่เจ้าตัวก็ยังทนทำงานเลี้ยงภรรยาไม่ได้เรื่องไม่เคยปริปากบ่นสักคำ
สมกับเป็นเศษเสี้ยวด้านมืดจริง ๆ ร้ายไม่มีที่ติ ลูกผัวไม่สนใจ วัน ๆ คอยหาแต่วิธีมีผัวใหม่เพื่อให้ตัวเองได้อยู่สุขสบาย
หนิงหลันนั่งถอนหายใจพร้อมกับมองหน้าลูก เอาเถอะ จากนี้นางจะช่วยให้พวกเขาสองคนได้อยู่อย่างสุขสบาย กับสามีที่ได้เป็นผัวเมียกันก็เพราะถูกสหายชั่วหลอกมอมเหล้า คนรอบกายเขาหาคนดีไม่ได้สักคน
หญิงสาวใช้โอกาสที่บุตรสาวยังนอนหลับอุตุหลังจากกินอิ่ม รีบออกไปหุงข้าวทำอาหารไว้รอสามี ทว่าต้องพบปัญหาใหญ่ ข้าวสารเรียกได้ว่าไม่เหลือไว้กรอกหม้อ แม้จะเทจนไม่เหลือสักเม็ดมันก็ได้แค่หนึ่งกำมือเท่านั้น
“แค่นี้มันจะไปอิ่มอะไร คนพวกนั้นไม่คิดจะแบ่งบ้านนี้บ้างเลยหรือ” หญิงสาวเหลือบมองไปยังบ้านอีกหลังที่ปลูกอยู่ข้างกัน ไม่สิ ตรงที่พวกตนอาศัยหลับนอนเรียกว่าบ้าน มันคือห้องเก็บฟืนดี ๆ นี่เอง คนพวกนั้นอยู่อย่างสุขสบายงานการไม่รู้จักทำ รอคอยให้สามีนางทำงานคนเดียว
ยิ่งได้รับรู้ก็ยิ่งไม่อาจทนต่อไปได้ คนรอบข้างเขามีแต่พวกเหลือบไรทั้งนั้น คอยแต่จะหาผลประโยชน์
ไม่ได้การแบบนี้ต้องแยกบ้าน
ระหว่างจุดไฟทำอาหารในหัวก็เอาแต่คิดเรื่องแยกบ้านตลอดเวลา อย่างไรต้องสลัดปลิงดูดเลือดพวกนี้ออกไปจากชีวิตให้ได้ก่อน จากนั้นค่อยหาอะไรสักอย่างทำ เรื่องเงินนางไม่เป็นห่วงที่มีอยู่ใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด แต่ถ้าไม่สร้างอาชีพขึ้นมาเลย อนาคตอาจจะลำบากหากมีคนถามถึงที่มาที่ไป
ที่สำหรับทำอาหารเป็นเพียงแค่กันสาดยื่นออกมาด้านนอก เพื่อไว้กันแดดกันฝนทุกอย่างทำไว้เพียงลวก ๆ เท่านั้น ไม่เข้าใจเลยว่าทั้งที่ไคเฉิงก็เป็นลูกแท้ ๆ แต่กลับถูกเลี้ยงเหมือนคนใช้
“จิ๊ก ๆ สงสัยวันนี้ห่าฝนคงจะตกครั้งใหญ่กระมัง คนไร้ประโยชน์ลุกขึ้นมาทำงาน” ถังหลิวยืนกอดอกจีบปากจีบคอพูดประชดพี่สะใภ้ใหญ่ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นทำงานบ้าน อะไรเข้าสิงถึงได้เข้าครัวแต่เช้ากัน
ถังหลิวภรรยาตงหานน้องชายของไคเฉิงมีฐานะเป็นสะใภ้เล็ก นางเป็นไม้เบื่อไม้เมากับหนิงหลันตั้งแต่ยังไม่แต่งเข้าบ้านสกุลรั่ว จากศัตรูคู่อาฆาตกลายมาเป็นสะใภ้ร่วมสกุล กระนั้นทั้งสองกลับไม่เคยญาติดีกันได้เลยสักครั้ง
“ก็ยังดีกว่าคนที่คิดว่ามีประโยชน์ แต่ก็ไม่ได้มีประโยชน์” หนิงหลันพูดขึ้นลอย ๆ โดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย ครั้นจะปล่อยผ่านก็เกินกว่าจะห้ามใจไหว ข้าก็ว่าข้าอยู่ของข้าดี ๆ แล้วนะ เป็นเจ้าที่หาเรื่องเอง
“นี่เจ้า... กล้าดีอย่างไรเอาข้าไปเปรียบเทียบกับคนน่ารังเกียจเช่นเจ้า” คำพูดคำจาเหลือร้าย เช่นนี้อย่างไรที่ทำให้ตนไม่เคยจะญาติดีด้วย อยากจะเข้าไปจิกหัวแล้วตบให้หายโมโหยิ่งนัก นับวันหนิงหลันยิ่งปากขอเราะราย แต่เมื่อเหลือบไปเห็นข้าวสารในถังเก็บ นางก็ถึงกับยิ้มเยาะออกมาด้วยความสะใจ
“เส้นปากยึดหรืออย่างไร” ประเดี๋ยวคว่ำประเดี๋ยวเหยียดตรง คำพูดแค่นี้ไม่นับว่าเป็นคำด่าพูดไปนางก็ไม่รู้สึกเจ็บหรอก เทียบไม่ได้กับโลกก่อนเสียด้วยซ้ำ
“เส้นปากเจ้าน่ะสิยึด ไม่อยากเสวนา เชิญกินข้าวต้มที่มีแต่น้ำจืดชืดไร้รสชาติต่อไปเถอะ” ข้าวไม่มีจะกินยังปากดีอีกหรือ เชิญอดตายกันไปเถอะ
ถังหลิวรีบสะบัดหน้าเดินเข้าเรือนใหญ่ไปทันที นางล่ะไม่ชอบใจเอาเสียเลย ไม่เข้าใจเหตุใดท่านแม่และท่านพี่ไม่ไล่คนพวกนี้ออกไป อยู่ไปก็เปลืองอาหารเปล่า ๆ
เมื่อคนหาเรื่องจากไป หนิงหลันจึงตั้งหน้าตั้งตาทำอาหารต่อ ข้าวสารหนึ่งกำมือจะไปพอให้กินอิ่มท้องได้อย่างไร นางจึงเติมข้าวไว้ให้เต็มถัง ข้าวต้มวันนี้จะไม่ใช่ข้าวที่มีแต่น้ำอีกต่อไป
นอกจากข้าวแล้วยังมีข้าวโพด ถั่วลันเตา เห็ดหอม ครั้นจะเพิ่มเนื้อเข้าไปก็ดูจะเป็นเรื่องยาก เอาไว้ค่อยปรับไปทีละอย่าง ที่นี่การมีเนื้อกินได้สักมื้อบ้านหลังนั้นต้องรวยพอสมควร ถึงจะพอซื้อเนื้อมากินได้ ชาวบ้านส่วนมากเมื่อล่าสัตว์ได้ก็มักจะนำเนื้อไปขาย แทนที่จะเก็บไว้กินเอง
“ไข่สักสองฟองก็แล้วกัน มีแต่ข้าวกับผักจะอร่อยได้อย่างไร” ว่าแล้วก็ตอกไข่ลูกใหญ่ ๆ ลงไปถึงสองฟอง เติมรสชาติด้วยผงปรุงรสก็เป็นอันเสร็จ ยามเจ้าคนทึ่มกลับมาจะได้กินให้อิ่มไม่ต้องทนหิวเหมือนทุกวัน
หลังจากทำข้าวต้มเสร็จหนิงหลันจึงยกหม้อข้าวเข้าไปในบ้าน เอาไว้ด้านนอกก็เกรงว่าจะมีคนไม่หวังดีเอาไปทิ้งเสียก่อน พอดีกับเจ้าตัวน้อยตื่นนอน เพียงแค่เห็นหน้ามารดารั่วเอินก็ร้องอ้อแอ้ทักทายมาทันที
“แอ้ อั๊ยย”
หญิงสาวถึงกับส่ายหน้า นอกจากหิวก็มีขับถ่ายนี่แหละที่ทำให้เจ้าตัวน้อยส่งเสียงเรียกได้คล่องนัก
