บทที่ 17 เพื่อนรัก เพื่อนร้าย [2]
หลังจากเตรียมน้ำชาและของว่างสำหรับบุรุษทั้งสามเรียบร้อย หญิงสาวจึงยกของว่างไปส่งให้ถึงที่ เพียงแค่เห็นหน้าเจ้าคนชั่วนั่น นางก็รู้สึกสะอิดสะเอียนจนแทบอยากจะอาเจียนออกมาแล้ว
“ชาเจ้าค่ะ” หนิงหลันจัดการรินชาและยกของว่างให้เสร็จสรรพ แต่ก็ต้องเหลือบตามองบุรุษด้านข้างที่กำลังทำตัวไร้มารยาทต่อหน้าทุกคน ต่อหน้าคนสามีเขาแท้ ๆ เจ้าคนหน้าด้านยังกล้าทำตัวไร้มารยาท
“ไม่ได้เจอกันนานเจ้างดงามขึ้นนะ” ฮั่วจินกล่าวชมภรรยาสหายอย่างไม่เกรงใจ มือที่กำลังจับถ้วยชาก็ยังอุตส่าห์ยื่นนิ้วก้อยแตะไปที่มือขาวเนียนของหนิงหลันอย่างอุกอาจ
“ถ้าข้าไม่งดงามสามีจะรักจะหลงได้อย่างไรเจ้าคะ ซ่งหยวนท่านคิดเหมือนข้าหรือไม่” หญิงสาวเหยียดยิ้มปรายตามองผู้เป็นสหายสามี
“ใช่ เจ้าพูดถูก ข้าชอบคำพูดเจ้า ฮ่า ๆ” นี่เป็นครั้งแรกที่หนิงหลันตอบกลับได้ถูกใจเขาที่สุด และเป็นครั้งแรกเช่นเดียวกันที่เขาเห็นไคเฉิงยิ้มไม่หุบ ต่างจากเมื่อก่อนลิบลับ อ่า.... หรือว่าทั้งสองเกิดรักกันขึ้นมาจริง ๆ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดีน่ะสิ
“ข้าขอตัวไปดูรั่วเอินก่อน เชิญพวกท่านพูดคุยกันตามสบายนะเจ้าคะ ขาดเหลืออะไรเรียกข้าได้ตลอดไม่ต้องเกรงใจ” ก่อนจากไปไม่วายกำชับสามี
“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไปดูลูกเถอะ”
คล้อยหลังหนิงหลันเป็นซ่งหยวนที่นั่งหัวเราะไม่หยุด ส่วนฮั่วจินนั่งฮึดฮัดชักสีหน้าไม่พอใจ คาดไม่ถึงว่านางจะกล้าหักหน้าเขาต่อหน้าคนอื่น กล้ามาทำให้เขาเสียหน้าเพราะเจ้ากระจอกนี่งั้นเหรอ
“ไคเฉิง ความเป็นอยู่เจ้าสุขสบายขึ้นมากเลยนะ เห็นเจ้าเป็นเช่นนี้ข้าก็วางใจ ตอนแรกเป็นห่วงอยู่ว่าเจ้าออกจากบ้านมาแล้วจะไม่มีที่ไป” เป็นซ่งหยวนที่ยังคงเป็นห่วงอยู่เสมอ ตัวเขานั้นรู้จักกับไคเฉิงมาตั้งแต่เด็ก สมัยก่อนเขาถูกพวกอันธพาลไล่ตี ก็ได้ไคเฉิงที่คอยช่วยเหลือเอาตัวเข้ารับแทน ไม่อยากจะคิดเลยว่าตอนนั้นหากเป็นเขาที่ถูกซ้อมจะทนได้เท่าเขาหรือไม่
“ต้องขอบคุณอาหลัน ทุกอย่างก็ได้นางจัดการทั้งหมด”
“จิ๊ก ๆ เดี๋ยวนี้เรียกอาหลงอาหลันเสียด้วย” ซ่งหยวนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยล้อเลียนสหายให้อาย ทว่าในระหว่างที่กำลังจิบน้ำดับกระหาย เขาถึงขั้นเทมันดื่มซ้ำหลายต่อหลายครั้งเพื่อความแน่ใจ “เอ๊ะ! นี่มัน”
มันไม่ใช่ชาหรอกหรือ น้ำเปล่าหวานได้ถึงเพียงนี่เชียว ดูจากสีของน้ำใสและไม่มีกลิ่น ทั้งรสเค็มเล็กน้อยไม่เหมือนกับน้ำเปล่าทั่วไป เรียกให้ถูกก็คงจะเป็น น้ำแร่บริสุทธิ์ เมื่อคิดได้ดังนั้นซ่งหยวนจึงคว้ากาน้ำตรงหน้าฮั่วจินมาลองชิมบ้าง ทว่ามันไม่ใช่น้ำแร่เหมือนกาน้ำของเขา ของฮั่วจินเป็นชาจริง ชาชั้นเลิศเชียวล่ะ ส่วนกาน้ำของไคเฉิงนั่นเป็นน้ำแร่เหมือนของเขา
“มีอะไรหรือ”
ทั้งฮั่วจิน ไคเฉิง ต่างถามขึ้นพร้อมกัน ไม่เข้าใจการกระทำของซ่งหยวน เอาแต่เทน้ำจากกาผู้อื่นไปทั่ว
“ฮั่วจินชากานี้เจ้าจะกินหรือไม่” ครั้นจะทิ้งก็เสียดาย หากให้ซื้อกินเองอย่างไรก็คงไม่มีโอกาสได้กินบ่อย ๆ
“เฮอะ! เอาไปเถอะ ข้ากลืนไม่ลงหรอก” เขาแสดงออกได้ชัดว่าไม่ต้องการดื่มชาพวกนี้ ระดับคุณชายผู้ร่ำรวยอย่างเขาไม่มีทางกระเดือกชาราคาถูก ๆ ได้หรอก
“ไคเฉิง ข้าขอน้ำทั้งสองกานี่กลับด้วยได้หรือไม่” ซ่งหยวนยิ้มอย่างพึงพอใจ เจ้าโง่นั่นไม่กินน่ะดีแล้วเสียของ
“ได้สิ เจ้าชอบหรือประเดี๋ยวข้าจะไปขออาหลันเอามาเพิ่ม”
“ไม่เป็นไรข้าขอแค่นี้ก็พอแล้ว ขอบใจเจ้ามาก ว่าแต่เจ้าดื่มเช่นนี้ทุกวันหรือ”
“ใช่ ทำไมหรือมันก็แค่น้ำเปล่าธรรมดา หากเจ้าอยากได้เอาไปกินดับกระหายระหว่างทางตักเพิ่มได้นะ โอ่งตรงนั้นเจ้าเอาไปได้เท่าที่ต้องการเลย”
ใบหน้าใสซื่อของสหายเดาได้เลยว่าเขาคงไม่รู้ตัวสินะว่าตนเองกินน้ำแร่บริสุทธิ์อยู่ทุกวันน่ะ ซึ่งเป็นของล้ำค่ามากกว่าชาที่แพงแสนแพงพวกนั้นเสียอีก ซ่งหยวนลุกพรวดพุ่งตัวไปถึงโอ่งลวดลายมังกรขนาดสูงเท่าเอว เป็นไปได้หรือไคเฉิงจะมีน้ำแร่ให้กินมากขนาดนั้น ใช่ว่าจะมีไว้ครอบครองได้ง่าย ๆ ขนาดคนในวังยังต้องจ่ายเงินมหาศาล แต่ก็ยังมีได้แค่ถังใบเล็ก ๆ ซ่งหยวนเปิดฝาออกก่อนจะใช้ขันที่ทำจากผลน้ำเต้าแห้งตักขึ้นชิม เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่เขาคิดถูกต้องหรือไม่
“เช่นนั้นข้ากรอกใส่ถุงน้ำเพิ่มสักหน่อยแล้วกัน” อายก็อายที่ทำตัวหน้าด้าน แต่ว่ามารดาเขาจำต้องใช้ต้มยารักษาโรคประจำตัว เขาเป็นกังวลอยู่ว่าจะต้องหาจากที่ใดดี สวรรค์ดีจริงที่ตัดสินใจมาหาไคเฉิงวันนี้ เอาไว้มีโอกาสเขาจะต้องขอบคุณให้ได้
หลังจากนั้นฮั่วจินและซ่งหยวนได้อยู่พูดคุยเล็กน้อยจึงขอตัวกลับ แต่ก่อนเดินทางกลับฮั่วจินจึงทวงหนี้ที่ไคเฉิงได้ยืมเขาไปเมื่อปีก่อน เดิมทีเงินแค่นี้ตัวเขาไม่ได้สนใจ แต่หากจะโทษก็คงโทษที่สองผัวเมียนั่นทำตัวน่าหมั่นไส้เกินไป
“จริงสิไคเฉิง เงินหนึ่งตำลึงที่เจ้ายืมข้า น่าจะคืนข้าได้แล้วกระมัง”
“ข้าขอเวลาเจ้าสักหน่อยได้หรือไม่ ข้าสัญญาเดือนหน้าจะคืนให้เจ้าครบแน่นอน” เมื่อพูดถึงเงินที่หยิบยืมมา ไคเฉิงถึงกับหน้าเสีย รู้ดีว่ายืมมาก็ต้องคืนแต่ว่าเขาจะหาเงินมากขนาดนั้นมาได้อย่างไรแค่หนึ่งเดือน
“แค่เงินหนึ่งตำลึงข้าใช้หนี้แทนไคเฉิงเอง” ซ่งหยวนสุดจะทนกับนิสัยเสียของฮั่วจิน กับเรื่องแค่นี้คิดเล็กคิดน้อย ยามเรียกใช้ไม่เห็นจะให้ค่าตอบแทน นี่หรือเรียกว่าสหายน่ะ หลังจากนี้คงต้องอยู่ให้ห่างคบหาไปก็รังแต่จะทำให้รำคาญใจ
“ไม่ได้ ๆ ข้ายืมข้าก็ต้องใช้เอง เจ้าไม่ต้องห่วงข้าหามาได้อยู่แล้ว”
“ก็ดี อย่าได้เกินเวลานัดล่ะ ไม่เช่นนั้นข้าจะคิดดอกเบี้ยเป็นเท่าตัว”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
ไคเฉิงได้แต่ยิ้มรับไม่มีคำโต้แย้ง หลังจากเดินไปส่งสหายทั้งสอง ชายหนุ่มก็เอาแต่เงียบเอาแต่คิดถึงเรื่องหนี้สิน ไม่กล้าบอกหนิงหลันด้วยไม่อยากให้นางต้องมากังวล เขาจึงได้แต่เก็บทุกอย่างไว้คนเดียว
