บทที่ 10 จุดแตกหัก [1]
“ฮือออ ท่านแม่ท่านป้าหลันแย่งของกินข้า”
บุตรชายเพียงคนเดียวของถังหลิวร้องไห้โฮวิ่งไปฟ้องมารดา หลังจากถูกป้าสะใภ้แย่งของกินจากมือไปต่อหน้าต่อตา
“อะไรนะ กล้าดีอย่างไรมาทำลูกข้า” ถังหลิวโมโหเลือดขึ้นหน้า คิดจะพาบุตรชายไปเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ทว่าตนเพียงคนเดียวไม่อาจจะสู้สองผัวเมียนั่นได้
ถังหลิวเกิดเปลี่ยนใจรีบจูงมือบุตรชายตรงไปหาแม่สามี หมายจะใช้เรื่องคนบ้านเล็กกินใช้อย่างฟุ่มเฟือยไม่ช่วยกันประหยัด ไม่ทำตามคำสั่งของแม่สามี เป็นเช่นนี้แล้วพวกนั้นจะต้องโดนหนักเป็นแน่ สะใจข้าเสียจริง ได้เห็นดีกันแน่หนิงหลัน
“ท่านแม่ ข้ามีเรื่องจะบอกท่านเจ้าค่ะ รู้หรือไม่พวกบ้านเล็กเดี๋ยวนี้ทำเหมือนคำพูดของท่านไม่มีความหมาย ข้าเห็นพวกเขาใช้ของฟุ่มเฟือยทำอาหารกินวันละสามมื้อ แถมยังเลือกเอาแต่ของดี ๆ ไปทำด้วยเจ้าค่ะ” ได้ทีถังหลิวรีบใส่ไฟเป็นการใหญ่ หมายให้แม่สามีเป็นผู้ลงมือจัดการ
“ว่าอะไรนะ มิน่าเล่าเดี๋ยวนี้ข้าไม่เห็นล่าเนื้อมาได้เลยสักวัน ที่แท้ก็เอาเก็บไว้กินเอง แล้วยังมาขอเบิกอย่างอื่นกับข้าทุกเดือน เรื่องนี้จะต้องเป็นฝีมือนังหนิงหลันเป็นแน่ คงจะคอยเป่าหูให้ลูกข้ากล้าขัดคำสั่ง” เดิมทีนางรั่วซิวก็ไม่ค่อยชอบสะใภ้ใหญ่อยู่แล้ว และยิ่งอีกฝ่ายทำอะไรไม่เคยเห็นหัวตน ก็ยิ่งตอกย้ำถึงความเกลียดชังที่มีต่อสะใภ้คนนี้มากขึ้น
“ยังมีอีกเรื่องเจ้าค่ะ วันนี้ฮุ้ยเอ๋อร์ร้องไห้วิ่งมาหาข้า บอกว่าท่านพี่สะใภ้แย่งขนมจากเขาเจ้าค่ะ เรื่องนี้ท่านแม่ต้องจัดการให้ข้านะเจ้าคะ ฮุ้ยเอ๋อร์ต้องตกใจมากแน่ ๆ เจ้าค่ะ” ถังหลิวดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตา ร้องไห้สะอึกสะอื้น พร้อมกันนั้นนางได้ผลักให้บุตรชายเข้าไปอ้อนท่านย่าอีกแรง
“จริงหรือฮุ้ยเอ๋อร์”
“จริงขอรับท่านย่า อยู่ ๆ ท่านป้าหลันก็มาดึงจากมือข้าไปเลยขอรับ แล้วยังด่าว่าข้าไม่มีมารยาทด้วย”
เด็กชายซบหน้าลงกับตักท่านย่า ทำทุกอย่างตามที่มารดาสอนได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่ข้อเดียว ถังหลิวถึงกับแอบยิ้มด้วยความภูมิใจ สมกับที่นางเลี้ยงมาเองกับมือ เก่งมากลูกแม่
“ชักจะมากเกินไปแล้ว กล้าดีอย่างไรมาทำหลานข้า เจ้าไปดูซิไคเฉิงกลับมาหรือยัง ถ้าเขากลับมาแล้วบอกให้บ้านนั้นมาหาข้า” นางรั่วซิวโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ อย่างไรวันนี้ต้องจัดการให้เด็ดขาด ทำเช่นนี้เท่ากับว่าไม่เห็นหัวนางที่เป็นทั้งแม่และแม่สามีด้วยซ้ำ
“เจ้าค่ะท่านแม่” จากนั้นถังหลิวรีบไปดักรอพี่สามี เสียดายก็แต่ตงหานไม่อยู่ นานครั้งถึงจะกลับมาเยี่ยมบ้าน ไม่เช่นนั้นคงได้เห็นเรื่องสนุกด้วยกันแน่
เมื่อเห็นพี่สามีกลับจากทำงานในช่วงค่ำ ถังหลิวเดินแกมวิ่งเข้าหาพี่สามีทันที
“ท่านแม่เรียกเจ้าค่ะ ต้องไปทุกคน เดี๋ยวนี้!” ถังหลิวกอดอกเชิดหน้าออกคำสั่ง
“เก็บของเสร็จประเดี๋ยวพวกข้าไป”
ทว่าคนที่ตอบกลับไม่ใช่ไคเฉิง แต่เป็นหนิงหลันที่กำลังไกวเปลกล่อมบุตรสาวที่กำลังจะเคลิ้มหลับ ดีนะลูกสาวข้าไม่สะดุ้งตื่น ไม่เช่นนั้นละก็ได้เห็นดีกัน
“เสร็จแล้วก็รีบ ๆ หน่อยล่ะ ให้ผู้ใหญ่รอนานไม่มีมารยาท” ถังหลิวเบ้ปากไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ นางยังคงมองหนิงหลันตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาดูมีเลศนัย คิดจะเอาคืนอีกฝ่ายให้สาสมที่บังอาจมารังแกบุตรชายสุดที่รัก ก่อนจะสะบัดหน้าเดินหนีกลับบ้านใหญ่ไป
ทว่าแทนที่หนิงหลันจะได้โต้กลับก็ต้องชะงักเมื่อถูกสามีปราม หลังจากถังหลิวออกไปหญิงสาวหันกลับไปต่อว่าคนข้างกายทันที
“เหตุใดต้องห้าม ไม่ตอบโต้คนพวกนั้นจะหาว่าเรากลัวนะเจ้าคะ” แม้แต่น้องสะใภ้อย่างถังหลิวยังไม่ไว้หน้าพี่สามีเลยสักครั้ง ที่ผ่านมาเขาใช้ชีวิตแบบใดกันไม่สู้บ้างหรือไร
“เราจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ อย่างไรก็อย่ามีเรื่องกันเลย” ถ้าเกิดมีเรื่องกันขึ้นมาจริง ท่านแม่ไล่ออกจากบ้าน ลำพังตัวเขาไม่เป็นไรแต่รั่วเอินที่ยังเล็กนี่สิ อย่างไรต้องอดทนให้ได้จนกว่าลูกน้อยโตพอรู้ความ ค่อยหาวิธีขยับขยายต่อไป
“ออกก็ออกสิเจ้าคะ ข้าเลี้ยงท่านกับลูกได้แล้วกัน” หญิงสาวกอดอกทำหน้ามุ่ย ไม่แปลกที่เขายังเป็นกังวล นางยังไม่ได้บอกเรื่องบ้านใหม่ให้เขารู้ ไคเฉิงเป็นเช่นนี้ตนเข้าใจดี
เรื่องครอบครัวเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อน ดูอย่างตัวนางกับแม่ในโลกก่อน ถึงแม่จะทำเรื่องเลวร้ายแค่ไหน ขายบ้านหนีไปกับสามีใหม่ ทิ้งให้ตนอยู่ห้องเช่าใช้ชีวิตตามลำพังตั้งแต่อายุสิบสาม ทั้งที่ผู้หญิงคนนั้นทำกับลูกสาวตนเองอย่างไม่น่าให้อภัย แต่นางก็ยังรอให้แม่กลับมาหาอยู่ดี และพร้อมให้อภัยทุกเมื่อ
“ไปหาท่านแม่กันเถอะ เรื่องอื่นค่อยว่ากัน”
“เจ้าค่ะ”
หญิงสาวเดินตามหลังสามีไปติด ๆ ปล่อยบุตรสาวให้นอนรออยู่ในห้องเกรงว่าตื่นขึ้นมาไม่เจอใคร เจ้าก้อนของนางอาจจะตกใจร้องไห้ นางจึงกำชับให้เจ้าภูตน้อยดูแลหลานให้ดี หากเกิดอะไรขึ้นให้เรียกนางได้ทันที
ครั้นไปถึงกลับพบว่านางรั่วซิวนั่งทำหน้าถมึงทึงรอท่าอยู่แล้ว ด้านหลังยังมีสะใภ้เล็กคอยบีบนวดให้อย่างเอาใจ ข้างกันนั้นมีฮุ้ยเหอเด็กชายจอมเกเรนั่งนวดขาให้ท่านย่าเช่นกัน
