ตอนที่ 8 สตรีที่ไม่มีใครต้องการ
คืนนั้นหลี่ซือนอนไม่หลับเกือบทั้งคืน คำพูด สายตาและท่าทางของลี่หลินไยจึงเปลี่ยนแปลงไปมากถึงเพียงนี้
ในอดีตเขาสงสารนางจึงพยายามให้นางอยู่ด้วยกันที่นี่ แม้จะมิใช่ครอบครัวจริงๆ แต่ก็ถือว่าผูกพันกันจากการแต่งงานกันแล้ว
ครอบครัวลู่ปฏิบัติต่อนางราวกับว่านางมิใช่เลือดเนื้อ เชื้อไขของพวกเขา ผิดกับพี่สาวทั้งสองของนางที่ได้ออกเรือนไปกับชายหนุ่มที่มีตระกูลที่ร่ำรวย
เมื่อไม่เคยได้รับความรักจากบิดาและมารดาเลย เขาจึงไม่แปลกใจที่นางจะเติบโตขึ้นมาเป็นเช่นนี้
ทางฝ่ายลี่หลินเองก็นอนไม่หลับจึงลุกขึ้นมาหยิบกระจกที่หลี่ซือซื้อมาให้ออกมา
ทำใจอยู่ครู่หนึ่งก็นำมาส่องดูหน้าตาของตัวเอง ภาพที่คิดไว้ว่าตนเองต้องเป็นสตรีที่มีหน้าตาอัปลักษณ์ และน่าเกลียดน่ากลัวถูกลบเลือนหายไปจากความคิด
นี่เจ้างดงามเพียงนี้เชียวหรือลี่หลิน แล้วเหตุใดผู้คนจึงได้รังเกียจเจ้านักเล่า
ลู่กังไฉทำราวกับว่านางมิใช่บุตรสาวแท้ๆของเขาอย่างไรอย่างนั้น เรื่องนี้คงต้องโทษมารดาของนางเพราะนอกจากนางจะมีหน้าตาไม่เหมือนสมาชิกที่เหลือของบ้านแล้ว
สวีอี้เหมยยังเคยถูกชาวบ้านครหาว่าคบชู้สู่ชายอีกต่างหาก บิดาของนางคงคิดว่านางเป็นลูกชู้แน่นอนถึงได้ปฏิบัติตนกับนางราวกับว่านางเป็นผู้อาศัยอยู่เยี่ยงนั้น
นางนอนใจลอยคิดไปไกลพักใหญ่ แล้วก็เปิดระบบร้านค้าออนไลน์ขึ้นมา
ปิ่นที่วางขายเอาไว้ขายออกเกือบหมดแล้วทำเงินให้นางได้มากกว่า 50,000 หยวน บัญชีของนางตอนนี้จึงมีเงินราวๆ 80,000 หยวน
มือเรียวจึงปัดไปหาสินค้าที่จะนำมาตอบแทนหลี่ซือได้บ้าง แล้วนางก็ไปสะดุดอยู่ที่หน้าขายอาวุธสารพัดอย่างและเสื้อเกราะ
แม้จะมีราคาแพงแต่ก็มีคุณภาพดี ลี่หลินจึงตัดสินใจซื้อหน้าไม้และมีดครบเซท เสื้อเกราะหนังอย่างดีให้เขารวมราคาแล้วประมาณ 30,000 หยวน
ถ้าเขาถามว่านางนำมาจากที่ใด นางก็จะยอมสารภาพเรื่องแหวนมิติและระบบร้านค้าออนไลน์นี่ให้เขาฟัง
แต่ไหนแต่ไรนางเป็นคนไม่ชอบโกหกผู้อื่นอยู่แล้ว หากต้องอยู่ร่วมกันไปทุกวัน นางจะต้องสรรหาเหตุผลจากไหนเพื่อมาปกปิดความจริงจากเขาอยู่ร่ำไป สู้บอกความจริงไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ยังดีกว่า
“ก็อกๆ ลี่หลินนี่ข้าเองเจ้านอนหรือยัง”
“ข้ายังไม่นอนท่านเข้ามาสิ”หลี่ซือเดินเข้ามาในห้อง เขาสวมเสื้อแขนกุดที่ทำจากผ้าเนื้อบาง ทำให้เห็นกล้ามแขนที่เต็มไปด้วยลอนกล้ามเนื้อสวย
“ข้าอยากมาพูดคุยกับเจ้าเรื่องการสร้างบ้าน เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะไปคุยกับท่านลุงหยางให้เจ้านะ ข้าขอโทษที่ข้าลืมไปว่าเจ้าต้องอยู่กับอาจิ้งสองคนคงจะกลัวน่าดู
บ้านหลังนี้นอกจากจะไม่แน่นหนาแล้ว ยังไม่มีรั้วรอบขอบชิดที่แสดงถึงความปลอดภัยอีก
เงินที่เจ้าให้ข้ามาข้าจะพยายามหามาใช้คืนเจ้าให้เร็วที่สุด ข้าสัญญา”เขาพยายามอธิบายให้นางฟัง โดยที่มิได้สังเกตเห็นแววตาของนางที่กำลังมองมายังเขา
หลี่ซือยามนี้หน้าตาหล่อเหลาเหลือเกินนะ เขาเป็นคนดี เป็นสุภาพบุรุษและรักครอบครัวมาก ขนาดเข้ามาพูดคุยกับนางเขายังไปนั่งเสียไกล มิหนำซ้ำยังเปิดประตูห้องเอาไว้อีก
เข้ามานั่งใกล้ๆข้าอีกนิดข้าก็ไม่กัดท่านหรอก เกรงว่าข้าอาจจะอยากทำอย่างอื่นมากกว่า
“ข้ากับท่านมิใช่สามีภรรยากันหรือหลี่ซือ”นางถามแล้วมองหน้าเขาอย่างจริงจัง
ประโยคคำถามที่เรียบง่ายทำให้เขาพูดอะไรไม่ถูกไปครู่หนึ่ง
“เจ้าก็รู้ว่าที่ข้ารับเจ้ามาเพราะต้องการให้เจ้าดูแลอาจิ้งเท่านั้น ส่วนที่เจ้ากลายเป็นภรรยาข้าภายหลังเพราะว่าบิดาของเจ้า รบเร้าให้ข้าต้องตกแต่งกับเจ้าเท่านั้นเอง”
“ท่านพ่อทำเช่นนั้นก็ถูกแล้ว ข้าเป็นสตรีส่วนท่านเป็นบุรุษ เมื่ออยู่ร่วมใต้หลังคาเดียวกันเช่นนี้ ย่อมต้องแต่งงานกันให้ถูกต้องอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าท่านจะรู้สึกไม่พึงพอใจก็ตาม”
ประโยคหลังนางพูดเสียงเบาและก้มหน้าลงคล้ายกำลังเก็บซ่อนความรู้สึกบางอย่าง
ตอนแรกนางตั้งใจจะขอโทษเขาถึงสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย ที่เจ้าของร่างเดิมเคยทำกับพวกเขาไว้
แต่เมื่อเขากล่าววาจาตรงไปตรงมาเช่นนี้กับนาง นางจึงตระหนักได้ว่าเขาเองก็มิได้ต้องการนางเช่นกัน
“ข้าจะทิ้งตำลึงทองไว้ให้ท่านทั้ง 18 ก้อนทอง แล้วจะเดินทางจากไปตั้งแต่เช้าตรู่ คราวนี้ไม่จำเป็นต้องตามหาข้าอีก”
ลี่หลินพูดจบแล้วก็เดินไปที่ประตูเป็นเชิงไล่ให้หลี่ซือ ออกไปจากห้อง เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ดูเหมือนว่าเขาจะทำให้นางเสียใจเข้าให้แล้ว
“ขอบคุณที่เจ้าช่วยเอาผ้าปูที่นอนของข้าและอาจิ้งไปซัก ขอบคุณที่ช่วยทำความสะอาดบ้านให้ด้วย
ลี่หลินถ้าข้าพูดอะไรให้เจ้าไม่พอใจเจ้าก็บอกข้ามาเถิด ข้าจะได้อธิบายให้เจ้าฟัง”เขาเอื้อมมือมาจับแขนนางไว้ แต่นางสะบัดมือเขาทิ้งไปอย่างไม่ไยดี
“อธิบายว่าอะไรหรือ? ท่านจะให้ข้าอธิบายว่า ฮึก ไม่มีใครต้องการข้า ฮึก อย่างนั้นเหรอ ขนาดข้าแต่งงานกับท่านแล้ว ท่านยัง ฮึก ยังไม่ต้องการยอมรับว่าข้า เป็นภรรยาของท่านอีกอย่างนั้นเหรอ”
ลี่หลินพยายามอดกลั้นความรู้สึก แต่ดูเหมือนยิ่งพูดยิ่งกลั้นทำนบน้ำตาไม่ให้ออกมาไม่ไหวแล้ว
ชีวิตของนางไม่มีที่ไปแล้วจริงๆ กลับบ้านในภพเดิมก็กลับไม่ได้เพราะว่าตายไปแล้ว
กลับบ้านเดิมที่นี่ก็ไม่มีใครต้อนรับ จะให้อยู่ที่นี่ต่อไปก็อยู่ในฐานะผู้ดูแลอาจิ้งเท่านั้น ไม่มีใครต้องการสตรีที่ร้ายกาจเช่นนางจริงๆสักคน
หากเลือกได้หลี่ซือก็คงไม่ต้องการนางเช่นกัน ดูเหมือนว่าไม่ว่านางจะไปที่ใด ก็ไม่มีใครต้องการนางสักคน
นางก็แค่...อยากได้การยอมรับจากคนอื่นบ้างก็เท่านั้น
หลี่ซือเห็นนางร้องไห้ออกมาก็ทำอะไรไม่ถูก นางผลักเขาให้ออกไปจากห้องแล้วนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในห้องเพียงลำพัง
ด้านหลี่ซือพยายามเคาะประตูให้นางเปิดออกมาเท่าใดนางก็ใจแข็งไม่ยอมเปิดให้เขาแม้แต่ครั้งเดียว
“ลี่หลินข้าขอโทษ ข้ามิได้ต้องการให้เจ้าเสียใจ ที่นี่คือบ้านของเจ้าได้โปรดอย่าจากไปไหนเลย
ข้ารู้ว่าข้าเป็นสามีที่ไม่ดีเลยหากว่าเจ้าจะให้โอกาส ข้าก็จะลองพยายามดู….สักครั้งหนึ่ง
หากข้ายังปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดีหรือว่าทำให้เจ้าเสียใจอีก เจ้าอยากจะหย่าขาดจากข้าข้าก็จะยินยอม”หลี่ซือพูดเสียงดัง
เขาพูดทุกอย่างที่เขาคิดออกมาทั้งหมดแล้ว เมื่อนางไม่ยอมเปิดประตูออกมา เขาจึงเดินกลับไปนำหมอนที่ห้องของตน มานอนเฝ้าที่หน้าประตูห้องของนางแทน
ลี่หลินเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปแล้วก็ล้มตัวลงนอน ความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรง ยากที่จะต้านทานไหว
นางมีสิทธิ์อะไรไปคาดหวังว่าเขาจะอยากเป็นสามีของนาง ชาวบ้านทั่วไปยังทนมองหน้านางมิได้เลย
ว่าแต่ข่าวลือที่ว่านางเป็นสตรีที่ร้ายกาจนั้น พวกเขาได้ล่วงรู้ความจริงบ้างหรือไม่ว่ามันเป็นฝีมือของนางหรือเปล่า พวกเขาไม่เคยให้โอกาสนางได้อธิบายความจริงบ้างไหม
ท้ายที่สุดเจ้าของร่างเดิมก็ยอมจำนนต่อความอยุติธรรมของสังคม และเลือกที่จะกลายเป็นสตรีที่แข็งกร้าวและใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา
เพราะอะไรนะหรือ เพราะว่าไม่มีผู้ใดเปิดใจยอมรับฟังนางสักคนอย่างไรเล่า
พอได้พบกับหลี่ซือนางจึงคิดว่าเขาอาจจะเปิดใจยอมรับนางก็เป็นได้ แต่กลายเป็นว่าหลี่ซือมิได้คิดอะไรเกินเลยกับนางแม้แต่นิดเดียว เขาก็เพียงแค่มีเมตตาและสงสารชีวิตที่แสนรันทดของนางก็เท่านั้น
มิเป็นไรเวลานี้ท่านไม่ชอบข้าก็มิเป็นไร พวกเรายังมีเวลาศึกษาดูใจอีกตั้งมาก
ลี่หลินตัดสินใจว่าจะไม่หนีปัญหาแล้ว จะตั้งหลักอยู่ที่บ้านหลังนี้ต่อไป ถึงจะหนีไปก็ใช่ว่าจะได้รับการยอมรับจากผู้คน ชื่อเสียงของนางฉาวโฉ่ไปทุกหนแห่ง ใครๆก็รู้
พ่อแม่เด็กบางคนยังเคยเอาชื่อนางไปขู่บุตรของพวกตนว่าถ้าหากไม่หยุดร้องไห้ นางจะมาหักคอพวกเด็กๆในยามค่ำคืน พูดราวกับว่านางเป็นผีเป็นสางอย่างไรอย่างนั้น
“นอนก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยไปคุยกับหลี่ซือใหม่”
