ตอนที่ 5 ขายปิ่นหยกครั้งแรก
ในครัวมีแป้งขาวอยู่เพียงเล็กน้อย มีไข่ไก่เหลืออยู่ 2 ฟอง ข้าวสารอีกครึ่งถัง ลี่หลินจึงเดินออกไปดูสวนผักที่อยู่หลังบ้านที่หลี่ซือปลูก พวกมันเติบโตอย่างเต็มที่เพราะได้รับการดูแลอย่างดี มีผักหลากหลายชนิดกว่าที่นางคาดเอาไว้เสียอีก
“ก๊อกๆ”เสียงเคาะประตูที่หน้าบ้านทำให้นางต้องเดินออกไปดู
“ผู้ใดกัน”
“ป้าหยางเอง ป้านำไข่ไก่และเนื้อหมู 1 ชั่งมาให้ วางเอาไว้หน้าบ้านเจ้า มาเอาไปทำอะไรกินก็แล้วกัน”เสียงของสตรีวัยกลางคนตะโกนอยู่อีกฝากหนึ่งของประตู
“แอ๊ด”แต่พอนางเปิดออกไปดูกลับไม่พบผู้ใด พอมองออกไปนอกรั้วก็เห็นสตรีร่างท้วมนางหนึ่งกำลังวิ่งกลับบ้าน
นี่ข้าน่ากลัวมากถึงเพียงนี้เชียวเหรอ?
ลี่หลินหยิบเนื้อหมูและไข่ที่ป้าหยางนำมาให้ไปทำอาหารให้หวังจิ้งรับประทานเช้านี้
แม้จะมีหมั่นโถวที่หลี่ซือทำทิ้งเอาไว้ แต่นางอยากทำอาหารเผื่อไว้ในช่วงกลางวันด้วย หวังจิ้งยังเด็กต้องรับประทานเนื้อใหม่มากหน่อย
ถึงนางจะทำอาหารไม่ค่อยเก่งนัก แต่ถ้าอาหารง่ายๆนางย่อมทำได้อยู่แล้ว
ในครัวแห่งนี้ไม่มีเครื่องปรุงอย่างอื่นนอกจากเกลือ แล้วแบบนี้อาหารจะออกมามีรสชาติอย่างไรละเนี่ย
“พี่สะใภ้นี่เป็นห่อสัมภาระส่วนตัวของท่านขอรับ พี่ใหญ่ไปตามเก็บเอามาให้”หวังจิ้งเดินเกาะมาตามราวไม้ที่หน้าห้องของเขาแล้วบอกนาง ร่างผอมแห้งหอบจนตัวโยนเมื่อต้องออกแรง
“อาจิ้งข้าจะไปนำรถเข็นมาให้เจ้ารอครู่หนึ่ง”นางพูดอย่างตื่นตกใจ ครู่เดียวนางก็จัดแจงให้เขานั่งบนรถเข็นแล้วไสมาอยู่ในห้องครัวด้วยกัน
“เนื้อตัวของเจ้าเป็นรอยช้ำเป็นจ้ำหมดเลย เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
“คือว่าข้าหกล้มเองขอรับ แผลพวกนี้ไม่นานก็หายพี่สะใภ้อย่าห่วงเลย”เขาตอบด้วยเสียงแผ่วเบา
เสี้ยวหนึ่งของความทรงจำแวบขึ้นมาว่าเป็นนางเองที่เป็นผู้สร้างร่องรอยบาดแผลพวกนี้ให้เด็กชายตัวน้อย ไยเขาจึงไม่พูดความจริงว่านางเป็นผู้รังแกเขากัน
เหตุผลหนึ่งที่เจ้าของร่างเดิมเลือกที่จะหนีไปเพราะไม่อยากดูแลเด็กชายผู้นี้ แต่ในความคิดเห็นของนาง หวังจิ้งหรืออาจิ้ง มิได้ป่วยเป็นโรคร้ายแรงอะไร
เขาเพียงแต่ร่างกายไม่แข็งแรง ซูบผอมมาก หลี่ซือเองก็พยายามหายาสมุนไพรมาต้มบำรุงให้น้องชายอย่างสม่ำเสมอ
“พี่จะเอาของไปเก็บในห้องก่อน เจ้ารออยู่ตรงนี้ครู่เดียว”
“ได้ขอรับพี่สะใภ้ ข้าจะไม่ขัดคำสั่งท่านแน่นอน”อาจิ้งรีบขานรับด้วยเนื้อตัวสั่นเทา ความเกรงกลัวว่าจะถูกทุบตียังฝังใจเขาอยู่
ร่างบางเดินถือห่อสัมภาระไปอย่างใจลอย น้ำตาสีใสพาลไหลออกมาจากดวงตาคู่งามเมื่อใดไม่อาจจะทราบได้ ท่าทางของอาจิ้งยังคงติดตาของนางอยู่อย่างชัดเจน
“ลู่ลี่หลินเจ้านี่มันปิศาจชัดๆคนอย่างเจ้ามันควรจะตายไปจากโลกใบนี้เสีย” นางทรุดตัวลงบนเตียงเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว พลางแกะห่อผ้าที่อาจิ้งนำมาส่งให้
ภายในมีเสื้อผ้า 2 ชุดและกล่องเก็บเครื่องประดับอยู่จำนวนหนึ่ง เท่าที่จำได้เป็นปิ่นหยกล้ำค่าของพี่สาวของนางทั้ง 2 คน
เจ้าของร่างเดิมเกลียดพี่สาวของนางมาก คิดอยากจะแก้แค้นจึงขโมยออกมา อย่างน้อยปิ่นหยกทั้งสองชิ้นนี้ก็ยังมีประโยชน์
นางจึงรีบเปิดหน้าร้านค้าขายของทั่วไปทันที จ่ายค่าธรรมเนียมไป 200 ก้อนทอง นำหยก 1 ชิ้นไปตั้งขายในระบบทันที
แล้วเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อว่าจะมีผู้ซื้อหรือไม่ ราคาที่ขายเป็นราคาที่ระบบตั้งให้โดยอัตโนมัติ
นางเป็นแม่ค้าหน้าใหม่จึงตั้งราคาได้ที่ราคากลาง โดยวัดจากคุณภาพของสินค้าจริง
ปิ่นหยกแท้ชิ้นนี้ถูกขายในราคา 8,500 หยวน
“โห แพงจริงๆ” ไม่รอช้านางก็ใส่ปิ่นหยกอีกชิ้นหนึ่งลงไป แต่ระบบต้องการให้นางทำการเลื่อนขั้น
เพื่อสามารถวางขายของได้อีก 1 ชิ้นภายใน 1 วัน และเพื่อจะได้ซื้อตะกร้าวางสินค้าเพิ่มอีก 1 ชิ้นด้วย
เลื่อนขั้นเป็นแหวน Level 2 ค่าใช้จ่าย 300 ก้อนทอง
“หน้าเลือดจริงๆ” แต่จะทำอย่างไรได้นอกจากจ่ายเลื่อนขั้นแหวนไป
ไม่ถึงเสียววินาทีปิ่นหยกชิ้นที่ 2 ก็ถูกขายไปได้ที่ราคา 7,300 หยวน
โอ้โห ไม่กี่วินาทีก็ทำเงินได้ 15,800 หยวนแล้ว ตอนนี้นางมีเงินแล้วก็สามารถซื้อเครื่องปรุงต่างๆ
เพื่อทำอาหารเลิศรสให้อาจิ้งลิ้มลองได้แล้ว ลี่หลินคิดอย่างมั่นใจก่อนเดินออกจากห้องไป
“อ้าว หลี่ซือท่านกลับมาแล้วหรือ เหตุใดจึงกลับมารวดเร็วนัก”
“ลี่หลิน….วันนี้ข้าคงขึ้นไปล่าสัตว์มิได้แล้ว พวกตระกูลหรูยึดว่าภูเขาลูกนั้นเป็นของเขา แล้วไม่ยอมให้ผู้ใดขึ้นไปล่าสัตว์โดยเฉพาะช่วง 3 วันนี้ ข้าคงต้องเลื่อนเวลาขึ้นเขาออกไปอีก” หลี่ซือพูดอย่างกลัดกลุ้ม
พวกตระกูลหรูเป็นพวกที่มีอิทธิพลมากพอสมควรในหมู่บ้านนี้ ไม่มีใครอยากขัดใจหรือมีข้อโต้แย้งกับพวกเขาหากยังรักชีวิตอยู่
“เช่นนั้นก็ช่างมันถัดไปอีก 3 วันท่านค่อยไปเถิด วางของลงแล้วมาช่วยข้าจัดโต๊ะที ข้าจะทำกับข้าวก่อน”
นางสั่งให้เขาวางสัมภาระลงแล้วเตรียมจะทำอาหารให้ทุกคนได้รับประทานพร้อมกัน
ผ่านไป 2 เค่อ
อาหารก็ส่งกลิ่นหอมออกมา ผัดแตงกวาใส่ไข่ และหมูสามชั้นทอดน้ำปลา
อาหารมื้อนี้ทำให้สองคนพี่น้องเจริญอาหารเป็นอย่างมาก จากที่กล้าๆกลัวๆไม่ยอมรับประทานอาหารเพราะเกรงว่านางจะใส่ยาพิษลงไป กลับรับประทานกันเสียจนพุงกาง ข้าวที่นางหุงหม้อใหญ่หมดไม่เหลือแม้แต่เม็ดเดียว
“ข้าเพิ่งรู้ว่าเจ้าทำอาหารเป็นด้วย”หลี่ซือเอ่ย
นานมากแล้วที่เขาไม่ได้รับประทานอาหารดีๆแบบนี้ ถึงจะล่าเนื้อหมูป่ามาได้ แต่ก็ไม่เคยทำอาหารออกมามีรสชาติอร่อยถึงเพียงนี้
อร่อยเสียจนเขาแทบกัดลิ้นเลย ลี่หลินหุงข้าวสวยปริมาณมากเช่นนี้ต้องใช้ข้าวสารเป็นจำนวนมาก เขาจะต้องรีบหางานทำให้จงได้เพื่อให้ทุกคนได้มีชีวิตที่ดี
“ข้าลองฝึกทำดูโชคดีที่ออกมากินได้”
“ข้าจะไปหารือกับท่านลุงหยางว่าจะรับจ้างตัดไม้ และสร้างบ้านให้พวกเจ้านายในอำเภอ เผื่อจะหารายได้เข้าบ้านอีกทาง”
“ท่านลืมเรื่องที่ข้าไหว้วานเสียแล้วหรือ”นางถามเสียงเรียบแต่กลับทำให้เขาตื่นตระหนก
เขาลืมเรื่องที่นางฝากฝังเอาไว้ไปเสียสนิทเลย เพราะมัวแต่กังวลว่าต้องกลับมาบอกนางเรื่องนี้
อันที่จริงเรื่องที่เขากังวลมากกว่าก็คือ ช่วงที่เขาไม่อยู่บ้านอาจิ้งจะถูกนางทำร้ายอีกหรือไม่
“ข้าจะเข้าเมืองบ่ายวันนี้แล้วกัน ไปหางานทำในเมืองและไปทำธุระให้เจ้าด้วย”
“ดีเลย ถ้าขายของที่ข้าฝากไปได้แล้ว ข้ารบกวนท่านช่วยเลือกปิ่นหยกมาให้ข้าสัก 5 ชิ้นนะ เอาที่ราคาไม่แพงมากไม่เกินหนึ่งร้อยอีแปะ”
“ได้ อีกสักพักหนึ่งข้าจะนั่งเกวียนออกไป”
หลังจากที่หลี่ซือออกไปนางก็นำผ้าปูที่นอน หมอนและเสื้อผ้าของทุกคนออกมาซัก ด้วยผงซักฟอกที่ซื้อมาจากระบบ
ไสรถเข็นพาอาจิ้งออกมารับอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกทำให้เขาดูมีความสุขมากขึ้น แต่เมื่ออากาศเริ่มเย็นลงนางก็พาเขาเข้ามาพักผ่อนในห้องแทน
เครื่องเรือนในห้องของเขาช่างน้อยยิ่งนัก มีเพียงเตียงนอนและเก้าอี้นั่ง 1 ตัวเท่านั้น
แต่เครื่องเรือนในบ้านกลับดูน้อยยิ่งกว่า จนคล้ายกับว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านร้างอย่างไรอย่างนั้น
อาจิ้งเอ๋ยเจ้าของเดิมของร่างนี้ผิดต่อเจ้ายิ่งนัก แต่ข้าจะหาทางชดเชยในสิ่งที่ไม่ดี ที่นางเคยทำเอาไว้กับพวกเจ้าสองคนพี่น้องให้จงได้
ครอบครัวของพวกเราต้องมีชีวิตที่ดีขึ้นในเร็ววันนี้ ข้าสัญญา ลี่หลินลูบศีรษะของอาจิ้งอย่างเอ็นดูก่อนจะออกไปจัดระเบียบและทำความสะอาดบ้านใหม่ทั้งหมด
แม้บ้านจะเก่าและไม่ค่อยมีเครื่องอำนวยความสะดวกสบาย แต่ก็ควรต้องสะอาดเพื่อสุขอนามัยที่ดีของทุกคน
ถึงหลี่ซือจะหางานทำไม่ได้นางก็ไม่รู้สึกเป็นกังวลแต่อย่างใด เนื่องจากในห่อผ้าของนางยังเหลือของมีค่าอื่นๆให้ขายอีกมาก
ด้วยเงินจำนวนที่มีอยู่น่าจะทำให้บ้านหวังใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายไปไม่ต่ำกว่า 3 เดือน
