ตอนที่ 11 ใช้เงินจำนวนมาก
ผ่านไป 1 เดือน
การก่อสร้างบ้านก้าวหน้าไปมาก พวกช่างทำงานกันอย่างรวดเร็วทันใจ โดยไม่ถามว่าวัสดุบางอย่างที่หน้าตาแปลกประหลาดเหล่านี้มาจากที่ใด
แต่ความรวดเร็วนี้ทำให้ลี่หลินและหลี่ซือตกที่นั่งลำบาก งบประมาณสร้างบ้านบานปลายไปมากกว่าที่วางแผนกันเอาไว้เสียอีก
สาเหตุเกิดจากลุงหยางแก้แบบแปลนของนาง จากบ้านเดี่ยว 2 ชั้นขนาด 1 ครอบครัวอยู่ เป็นบ้านในชานเมืองสำหรับครอบครัวใหญ่
มีงบ 1 ล้านหยวนก็ยังไม่รู้ว่าจะพอสร้างไหม ลี่หลินแทบอยากจะกัดลิ้นตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด ตอนนี้ปิ่นและเครื่องประดับในตัวเมืองก็ถูกหลี่ซือกว้านซื้อจนแทบหมดแล้ว ต้องเปลี่ยนไปหาซื้อของที่ตัวเมืองอื่นแทน
“หลี่ซือเหตุใดท่านลุงจึงแก้ไขแบบแปลนของพวกเราโดยที่ไม่ขออนุญาตพวกเรานะ ข้านี่อยากจะวิ่งเข้าไปอัดท่านลุงหยางสักป้าบสองป้าบ”
นางพูดอย่างเหลืออด ขณะนี้นางหมดเงินไปกว่า 8 แสนหยวนแล้ว ค่าอุปกรณ์ยังเหลือต้องจ่ายอีกเกือบ 5 แสนหยวน และทั้งหมดนี้ยังไม่รวมค่าเฟอร์นิเจอร์หรือเครื่องเรือนและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ
แผนที่วางเอาไว้ว่าจะสามารถก่อสร้างบ้าน โดยไม่ต้องกังวลใจมลายหายไปกับตา
ลี่หลินพยายามจะสร้างบ้านที่มีขนาดไม่ใหญ่มากเพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตาของผู้คน แต่มันก็ไม่มีประโยชน์เสียแล้ว
“ข้าอยากจะสารภาพว่าข้าก็รู้สึกไม่แตกต่างจากเจ้าหรอก พวกเขาพากันพูดว่าบ้านที่เจ้าออกแบบมันสวยดี
แต่ว่าคับแคบเกินไปจึงพากันขยายพื้นที่โดยที่ไม่ขออนุญาตพวกเราก่อน พอมารู้ทีหลังเช่นนี้ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว”
“ใช่ ข้าได้ฟังเหตุผลมาจากพวกเขาว่าพื้นที่ของเจ้าออกจะกว้างขวาง ไยไม่ปลูกให้มันกว้างๆไปเลยเล่า พอข้าได้ยินแล้วเข่าแทบทรุด”ลี่หลินโอดโอย
“ลี่หลินในยุคที่เจ้าจากมา เขานิยมชมชอบของเก่ากันหรือไม่ ข้าจะได้พาเจ้าไปดูที่ร้านของเก่าแล้วจะได้นำไปขายในระบบกัน”หลี่ซือเสนอแนวคิดที่น่าสนใจ
“ข้าไปแล้วคงไม่มีใครคุมคนงานที่บ้าน ขนาดมีข้าอยู่พวกเขายังแอบทำเรื่องลับหลังพวกเราเช่นนี้ ไม่มีใครมารายงานหรือสอบถามอะไรข้าสักนิด
จนความแตกก็ตอนที่หัวหน้าคนงานมาขอเบิกอุปกรณ์ก่อสร้างเพิ่มจากข้า ข้าจึงต้องบีบคั้นถามเอาความจริงจากเขา
สงสัยว่าความร้ายกาจของข้าคงเริ่มถดถอยลงมาแล้ว พวกเขาจึงไม่เกรงกลัวข้าเหมือนแต่ก่อน
คอยดูเถิดข้าจะไปฝึกด่ามาใหม่ ให้ดูร้ายกาจเหมือนกับลี่หลินคนเก่าเลย”นางแยกเขี้ยวอย่างโมโห
“ฮ่าๆๆ”หลี่ซือหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
จริงอยู่ที่พวกเขี้ยวหมูป่าหรือพวกเขากวางก็ขายดี แต่เขาขึ้นไปล่าสัตว์ได้เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น
พวกสมุนไพรเองก็เคยนำมาขายได้ราคาดี แต่เงินตำลึงมีไม่พอเพราะต้องนำไปจ่ายค่าแรงให้พวกคนงาน ก้อนทองจึงต้องถูกนำไปขายกระจายตามเมืองต่างๆอีกมากกว่า 30 ก้อน พอได้ตำลึงทองมาใช้สอยอยู่มากพอสมควร
ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ต้องประหยัด เพราะข่าวเรื่องการขายก้อนทองของพวกเขาเริ่มแพร่กระจายไปแล้ว
คืนก่อนมีพวกโจรพยายามจะงัดแงะเข้ามาในบ้านแต่โดนเขาจัดการไปได้เสียก่อน
ส่วนลี่หลินเองก็เล่าให้ฟังว่าในช่วงเวลาที่เขาไม่อยู่ มีสตรีชาวบ้านถือวิสาสะเข้ามาในบ้านพร้อมกับแสดงท่าทางน่าเกลียด
นางเดินไปทั่วบ้านและสอดส่ายสายตามองหาสมบัติ แต่เจอเพียงถุงเกลือถุงหนึ่งเท่านั้น ลี่หลินจึงมอบให้นางกลับไปเป็นของขวัญ การกระทำของนางทำให้สตรีนางนั้นหัวเสียแทบแย่
ป้าหยางบอกภายหลังว่าสตรีนางนั้นชื่อ “หรูอี้” เป็นภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้าน พอได้รู้เช่นนั้นลี่หลินจึงกล่าวว่านางไม่แปลกใจเลย ที่พวกเขาจะทำตัวกร่างเช่นนี้
ถ้าตระกูลของพวกเขาสามารถยึดภูเขาทั้งลูกเป็นของตนเองเป็นเวลา 3 วัน พร้อมกับห้ามไม่ให้ผู้ใดออกไปล่าสัตว์ กับแค่การบุกเข้ามาค้นบ้านคนอื่นคงมิใช่เรื่องใหญ่อะไร
ผ่านไปอีก 7 วัน
เหล่าคนงานขอพักงาน 2 วันเพื่อรอให้สีที่ทาแห้งดีเสียก่อน บางคนก็ขอหยุดเพื่อไปทำธุระส่วนตัว
นี่จึงเป็นช่วงจังหวะเหมาะที่นางและหลี่ซือจะขน เอาแผ่นกระเบื้องที่เลือกกันเข้าไว้ออกมาจัดเรียง
อาจิ้งเองก็มาช่วยดูต้นทางให้อีกแรง ตอนนี้เขามีเรี่ยวแรงสามารถเดินเหินไปไหนได้เองแล้ว แต่ต้องใช้ไม้เท้าช่วยค้ำยันเพื่อป้องกันตนเองล้ม
“ระวังนะหลี่ซือเดี๋ยวกระเบื้องจะแตก”
“ข้าเอาวางไว้ตรงนี้ทั้งหมดเลยนะ”หลี่ซือใช้รถเข็นเคลื่อนย้ายกระเบื้องจนหมด แล้วก็ต้องยืนปาดเหงื่อ
โชคดีที่บริเวณบ้านทั้งหมดล้อมรั้วด้วยเหล็กอย่างดี เขาจึงไม่ต้องกลัวของหาย และทุกคนในบ้านก็ยังรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาก
พอเสร็จธุระแล้วพวกเขาก็พากับกลับเข้าบ้านหลังเก่า นั่งจิบน้ำชาและรับประทานขนมปังกัน และกำลังปรึกษาปัญหาสำคัญที่เผชิญหน้าอยู่
“ลี่หลินข้าคงออกไปซื้อของให้เจ้าแบบเดิมไม่ได้แล้ว ข้อแรกของในร้านต่างๆที่ข้าเคยไปซื้อหมดจากร้านแล้ว พวกเขาเองก็ต้องรอสินค้าจากเมืองหลวง
แต่ทองคำก้อนพวกเราไม่ควรนำไปขายอีกแล้วล่ะ เพราะข้าคิดข้ออ้างที่คนยากจนอย่างพวกเรา มีสมบัติมากมายอีกไม่ไหว
พวกชาวบ้านเองก็เริ่มซุบซิบนินทาและมองพวกเราด้วยสายตาที่แปลกไป ไม่รู้ว่ามีใครใส่ร้ายอะไรพวกเราอีกหรือไม่
ถ้าหากเป็นไปได้ ข้าไม่อยากเป็นจุดสนใจของพวกชาวบ้าน อยู่แบบยากจนเหมือนเมื่อก่อน แต่มีความเป็นส่วนตัวดีกว่า ส่วนทางการเองก็เริ่มจะจับตามองพวกเราเช่นกัน
หากพวกเราร่ำรวยมากกว่านี้พวกเขาอาจจะคิดว่าพวกเราสมคบคิดกับพวกโจรภูเขา และพวกเราอาจจะโดนป้ายความผิดไปโดยไม่รู้ตัว”หลี่ซือพูดอย่างอึดอัดใจ
“ข้าเข้าใจแล้วหลี่ซือ ตอนนี้ในบัญชียังมีเงินอยู่อีก 3 แสนหยวนท่านไม่ต้องกังวล จ้างพวกท่านลุงให้จบภายใน 1 เดือน ส่วนที่เหลือพวกเราค่อยๆต่อเติมบ้านกันเองก็แล้วกัน”
ลี่หลินไม่มีข้อโต้แย้งใดๆเพราะเวลานี้ พวกชาวบ้านก็เริ่มพูดกันอย่างแพร่หลายแล้วว่าพวกนางปลูกบ้านกันเสียใหญ่โต พอได้เงินสมบัติเดิมมาแล้วก็ใช้เงินจนเกินตัว
จากครอบครัวที่ไม่มีผู้ใดเหลียวแล เริ่มมีคนอยากมาทำความรู้จัก และอยากมาสนิทสนมด้วย
แต่ลี่หลินใช้สกิลนางร้ายที่มีติดตัวมาไล่ตะเพิดพวกเขาไปหมด พอเริ่มมีเงินเข้าหน่อยก็เริ่มมาตีสนิทด้วย คนเหล่านี้มันน่านัก
“ลี่หลินเช่นนั้นเจ้าก็เลิกทำหน้าเศร้าเถิด พวกเรามิได้ทำสิ่งใดผิด หากไม่มีระบบขายของในแหวนครอบครัวของเราก็คงจะไม่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นถึงเพียงนี้”
หลี่ซือพูดพลางยิ้มให้กำลังใจนาง หลายวันที่ผ่านมาทุกคนต้องเหนื่อยกันมาก เพราะลุงหยางจ้างลูกน้องมาจำนวนมากเพื่อเร่งสร้างบ้านของนางให้เสร็จตามกำหนด
จนเวลาล่วงไปถึงสิ้นเดือนก็ครบกำหนด 2 เดือนตามที่ตกลงกัน ไม่น่าเชื่อว่าคฤหาสน์หลังใหญ่จะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ทุกคนได้แต่ยืนอึ้งกันเป็นแถว
แม้จะยังขาดเครื่องเรือนและการตกแต่งภายในอีกมาก แต่ทุกคนก็ฝ่าฟันทำให้มันกลายเป็นความจริงได้
“ขอบคุณมากท่านลุง ข้าไม่คิดว่าบ้านจะเสร็จทันก่อนเข้าฤดูหนาวเช่นนี้”หลี่ซือพูดอย่างตื้นตันใจ
“ไม่เป็นไรหรอก งบประมาณของพวกเจ้าคงจะเกินไปมากข้าต้องขอโทษด้วย
แต่ข้าก็แค่เห็นว่าที่ของพวกเจ้ามีกว้างขวาง แล้วเจ้าไม่คิดเผื่อเจ้าตัวเล็กที่จะเกิดขึ้นในอนาคตบ้างหรือ”
ลุงหยางปล่อยระเบิดทิ้งท้ายเอาไว้ให้คนหนุ่มสาวข้างหลังมองหน้ากันไม่ติด
ที่ผ่านมานางกับหลี่ซือไม่เคยได้นอนห้องเดียวกันเลย อย่าพูดถึงเรื่องลูกเลย แม้กระทั่งมือของนางเขาก็ยังไม่เคยสัมผัส ลี่หลินคิดอย่างอ่อนใจ
แหวนมิติของนางถูกอาจิ้งเอาไปศึกษาดูอยู่ เขาสนใจเรื่องพวกนี้มาก อาจิ้งจึงขอเงินนางไปซื้อหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับเรื่องราวมิติคู่ขนาน ว่าในแต่ละโลกนั้นกำลังมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งตัวนางเองนั้นไม่เคยแม้แต่จะแลมอง
“พี่สะใภ้ พี่ใหญ่ รบกวนพวกท่านเก็บกะหล่ำปลีและผักกาดหัวมาคนละ 1 หัวทีขอรับ”อาจิ้งร้องบอก
“ห้ะ เก็บไปทำไมอาจิ้งในครัวมีเต็มไปหมด”
“เถอะน่าท่านพี่ข้าอยากลองอะไรหน่อย พวกท่านเองก็รีบตามเข้ามาในบ้านเร็วๆเข้านะขอรับ”น้ำเสียงเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ข้างหน้าลี่หลินมีตะกร้าว่างอยู่แล้ว นางจึงเก็บกะหล่ำดอก แครอท แตงกวาและบร็อคโคลี่เข้ามาด้วย พอเต็มตะกร้าแล้วก็รีบเดินมาหาหนุ่มน้อยที่กำลังแสดงสีหน้าดีใจสุดขีด
“นำมาแล้วเราวางขายในระบบเลยขอรับ กะหล่ำปลี 1 หัว ผักกาด 1 หัว ฟักทองของพี่ใหญ่ 1 ผล”พอวางขายในหน้าขายของสด สินค้าทั้งหมดก็ถูกซื้อไปแทบจะในทันที ด้วยจำนวนเงินที่ลี่หลินและหลี่ซือตาลุกวาว 5,650 หยวน!!!
นี่ผักสดธรรมดาๆขายได้ราคาแพงมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ???
