บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 12 กลายเป็นคนอกตัญญู

เมื่อมองเห็นหนทางรอดอยู่เบื้องหน้า ทั้งสามคนจึงนำผักที่มีอยู่ในครัวลำเลียงออกมาขาย ภายใน 30 นาทีทำเงินได้ราว 7 หมื่นกว่าหยวน ช่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก

“อาจิ้งเจ้าไปรู้มาจากไหนว่าผักสดสามารถขายได้ราคาดีเช่นนี้”ลี่หลินถามอย่างตื่นเต้น

“ข้าอ่านจากหนังสือพิมพ์พี่สะใภ้ มี 2 โลกที่ต้องการผักของเราคือโลกที่กำลังเกิดสงคราม และโลกของมหาเศรษฐีที่ต้องการรับประทานผักสดที่ไม่มีมลภาวะหรือสารพิษเจือปน

ผู้คนบางจำพวกก็ไม่สามารถไว้ใจผู้ใดได้ ต้องเลือกที่จะหาซื้อผักเหล่านี้ไปปรุงอาหารเอง เรื่องนี้ข้าเพิ่งจะอ่านเจอมา

พี่สะใภ้คงมิได้สังเกตว่าในหน้าร้านออนไลน์ตลาดสดของท่าน ไม่มีผู้ใดนำผักสดๆพวกนี้มาขายเลยนี่ขอรับ”

ในร้านค้าออนไลน์ไม่มีผักสดขาย!!! ในร้านค้าออนไลน์ไม่มีผักสดขาย!!!

ที่นางไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อนเพราะว่านางไม่ได้สนใจจะซื้อผัก เนื่องจากมีผักเต็มสวนหลังบ้านไปหมด!

“จริงของอาจิ้ง ทีนี้พวกเราก็รู้แล้วว่าทำอย่างไรจึงจะสามารถหาซื้อเครื่องเรือนมาตกแต่งบ้านได้แล้วลี่หลิน”หลี่ ซือพูดอย่างมีความหวัง

“จริงของท่าน เช่นนั้นข้าก็จะได้ตั้งกิจการร้านผักอบกรอบไปด้วยในตัว

พร้อมกับประกาศรับซื้อผักจากชาวบ้านไปด้วยเลย นานๆช้าๆพวกเราก็เอาไปวางขายในตัวหมู่บ้านและในตัวเมืองก็แล้วกัน”

“ข้าว่าเป็นความคิดที่ดีเลย”หลี่ซือเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง อย่างน้อยลี่หลินก็คิดทำมาหากินอย่างที่ชาวบ้านปกติทำแล้ว

“เช่นนั้นวันนี้ข้าลองทำผักอบกรอบให้พวกท่านชิมดูแล้วกัน”

ลี่หลินพูดอย่างอารมณ์ดีแล้วเดินเข้าครัวไปหั่นผักสดทั้งหลายเป็นชิ้นบางๆ เตรียมทำขั้นตอนต่อไปแต่กลับมีแขกที่ไม่คาดคิดมาเยี่ยมเยียน

“ลี่หลินแม่และน้องเล็กมาเยี่ยมเจ้า พวกเรานำขนมที่เจ้าชอบมาฝากด้วย”

เสียงของสวีอี้เหมยทำให้ลี่หลินรู้สึกหมดแรงไปชั่วขณะ ปฏิกิริยาของร่างกายนางเป็นเช่นนี้โดยอัตโนมัติ

“ฮูหยินลู่ขอบคุณที่ท่านแวะมาเยี่ยม แต่ลี่หลินกำลังทำอาหารอยู่ในครัว คงไม่สะดวกจะออกมาต้อนรับเท่าใดนัก”หลี่ซือพูดอย่างสุภาพ

“โถ่หลี่ซือพูดอะไรเช่นนั้น ทำเป็นคนอื่นคนไกลเสียอย่างนั้น แม่ก็แค่แวะมาเยี่ยมเยียนพวกเจ้าเท่านั้น เห็นว่ากำลังปลูกบ้านใหม่เลยอยากจะมาดูว่าพวกเจ้ามีอะไรขาดเหลือหรือเปล่า”

สวีอี้เหมยพูดอย่างเป็นธรรมชาติ ส่วนลู่ฟางซินก็กำลังสอดส่องสายตามองรอบๆบ้านว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่

แต่นางรู้สึกผิดหวังยิ่งนักที่พวกเขายังดูยากจนอยู่เช่นวันวาน หรือว่าสมบัติจะถูกย้ายไปไว้บ้านหลังใหม่จนหมดแล้ว

“พี่เขยข้าอยากเข้าไปดูในบ้านหลังใหม่ พาข้าไปชมให้เป็นบุญตาสักหน่อยเถิด”นางพูดพลางส่งสายตาที่มิบังควรมาให้พี่เขย

หากว่าหลี่ซือมีฐานะร่ำรวยกว่านี้สักนิด นางคงไม่ปล่อยให้เขาตกเป็นของลี่หลินโดยง่ายแน่ๆ แต่เมื่อก่อนก็ส่วนเมื่อก่อน

ทว่าตอนนี้นางเริ่มอยากแย่งเขามาจากพี่สาวของตนล่ะ หน้าตาของเขาดูผุดผ่องขึ้น ร่างกายก็ดูเหมือนจะใหญ่โตขึ้นจากแต่ก่อน แค่มองภายนอกก็จินตนาการถึงกล้ามเนื้อมัดสวยที่เรียงตัวอยู่ภายใต้อาภรณ์สีดำได้แล้ว

ไม่ว่าจะมองดูตรงไหนก็ล้วนแล้วแต่น่าสัมผัสไปทุกส่วน ไม่น่าเชื่อว่าหลี่ซือจะกลายเป็นบุรุษที่น่าหลงใหลเช่นนี้

“เท่าที่ข้าจำได้พวกท่านขับไล่ข้าออกไปจากตระกูลลู่แล้วนี่นา เหตุใดวันนี้จึงอยากจะมาญาติดีกับข้าอีกเล่า”เสียงของลี่หลินดังขึ้นด้านหลัง ทำให้ลู่ฟางซินละสายตาไปจากพี่เขยอย่างเสียดาย

“โถ่ลี่หลิน จริงอยู่ที่พ่อเจ้าดึงดันจะตัดเจ้าออกจากครอบครัว แต่แม่และน้องเล็กมิได้เห็นด้วยสักหน่อย พวกเราก็ยังห่วงใยความเป็นอยู่ของเจ้าอยู่นะ

เจ้าปลูกบ้านใหญ่โตเช่นนี้ คงจะได้สมบัติเก่ามาจำนวนมาก หากเจ้ามีน้ำใจจะแบ่งแม่และน้องบ้างเพื่อแสดงความมีน้ำใจแม่ก็ไม่รังเกียจหรอกนะ”สวีอี้เหมยพูดด้วยรอยยิ้มที่เสแสร้งยิ่งนัก

“โครม”มีดทำครัวถูกขว้างจากมือของนาง แรงปะทะจากมีดทำให้โต๊ะตัวเก่าๆที่พวกเขานั่งอยู่พังลง

“ความสัมพันธ์ของข้าและพวกท่านได้พังลงแล้วดังเช่นโต๊ะตัวนี้ ก่อนหน้านี้ท่านไม่เคยสนใจข้า

ข้าหนีจากความยากลำบากและยากจนนี้กลับบ้าน พวกท่านขับไล่ข้าประหนึ่งข้าเป็นหมูเป็นหมา ปฏิบัติราวกับว่าข้าไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของพวกท่าน

นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะเจรจาดีๆกับพวกท่าน รีบออกไปเสียก่อนที่ข้าจะลงไม้ลงมือกับท่านมากไปกว่านี้”

ลี่หลินโกรธจนตัวสั่น พวกปลิงพวกนี้ช่างหน้าด้านหน้าทนเหลือเกิน คิดจะกลับมาทำดีกับนางตอนนี้คงจะสายเกินไปแล้ว

“เหอะ จองหอง คิดว่าข้าอยากมาเหยียบบ้านผุๆพังๆหลังนี้ของพวกเจ้าเหรอ ข้าก็แค่มาตามที่สามีของข้าสั่งมาก็เท่านั้น

ความจริงแล้วพวกเจ้าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรมันก็เรื่องของพวกเจ้า ถึงเจ้าไม่ไล่ข้าก็ไม่อยากอยู่แม้แต่นิดเดียว

ข้าเหม็นกลิ่นสาบคนเนรคุณอย่างเจ้าเหลือทน เห็นเจ้าโตขึ้นมาอกตัญญูเช่นนี้ตอกย้ำว่าข้าและสามีคิดไม่ผิด ที่ปฏิบัติต่อเจ้าเยี่ยงสัตว์เดรัจฉานมาโดยตลอด ฟางซินกลับกันเถอะ”

สวีอี้เหมยเผยโฉมหน้าที่แท้จริงแล้วก็สะบัดก้นเดินออกจากประตูไป ลู่ฟางซินมิวายหันมาหยิบตะกร้าขนมของฝากกลับออกไปด้วย

“เดี๋ยวก่อนฟางซิน”ลี่หลินจับไหล่ของน้องสาวเอาไว้

“มีอะไรอีก”นางหันมาถามอย่างรำคาญ

“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่….เพลี้ยะ”ฝ่ามือของนางประทับตราลงไปที่ใบหน้าอัปลักษณ์ของน้องสาว แรงขนาดที่ทำให้ลู่ฟางซินเซถลาล้มลง

“เพลี้ยะ เพลี้ยะ เพลี้ยะ”ลี่หลินตบนางลงไปอีกไม่ยั้ง และต่อยเข้าไปที่ท้องด้วยหมัดหนักๆอีกหนึ่งครั้ง ระยะหลังมานี้นางแข็งแรงขึ้นมากเพราะต้องทำงานทุกวัน

หมัดที่ต่อยลงไปทำให้ลู่ฟางซินถึงกับหน้าดำหน้าแดง เอามือกุมท้องด้วยความเจ็บปวด พูดไม่ออกไปพักใหญ่

“ถือเป็นค่าความเสียหายที่เจ้า พี่ใหญ่และพี่รองใส่ความข้าจนถูกท่านพ่อตีจนปางตาย

ท่านแม่เองก็รู้ความจริงดีแต่ว่าท่านรักนางมากนี่เจ้าค่ะ คราวนี้ต้องมาเห็นบุตรสาวสุดที่รัก ถูกข้าตีเช่นนี้ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง

ความจริงข้าอาจจะไม่ใช่ลูกของท่าน ท่านอาจจะแค่เก็บข้ามาเลี้ยงก็เป็นได้ พวกท่านถึงได้ตบตีข้าตลอด บางวันก็ไม่ให้ข้ากินข้าว บางวันข้าก็ถูกขังกรงถูกกระทำเหมือนสัตว์เลี้ยงของพวกท่าน”ลี่หลินตะโกนออกมา

พวกชาวบ้านจึงมามุงดูกันเป็นแถว สวีอี้เหมยเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้ามาพยุงบุตรสาวของตนออกไป

“ฝะฝากเอาไว้ก่อนเถอะ ข้าไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่”นางพูดอย่างอาฆาตแค้น

“ฉึบ ฉึบ ฉึบ”เสียงลูกดอกปักเข้าที่ใจกลางหุ่นฟางที่อยู่หน้าบ้าน

“หากท่านหรือผู้ใดกล้าแตะต้องภรรยาข้า ข้าจะไม่ละเว้นชีวิตของมันผู้นั้นไว้แม้แต่คนเดียว” หลี่ซือพูดอย่างเหี้ยมเกรียม

“เจ้ามีปัญญาทำอะไรได้ล่ะไอ้นายพรานกระจอก ปลูกบ้านหลังโตแล้วคิดว่าเจ้าเหนือกว่าพวกเราอย่างนั้นหรือ”ชาวบ้านคนหนึ่งตะโกนออกมาอย่างอดไม่ได้

“ใช่ สตรีร้ายกาจเช่นนางมีดีอะไรให้ต้องปกป้องกัน เจ้าปล่อยให้นางทำร้ายน้องสาวตัวเอง โดยไม่คิดห้ามแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน”

“ใช่ๆๆ”กลุ่มคนเหล่านั้นพากันส่งเสียงเห็นด้วย สวีอี้เหมยเห็นว่าผู้คนเริ่มเข้ามาสนับสนุนนางแล้ว จึงเริ่มได้ใจพูดต่อไปว่า

“เหอะ ข้าคลอดเจ้าออกมาด้วยความเจ็บปวด ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องกตัญญูกตเวทีต่อข้า เร็วรีบไปนำก้อนทองมาให้ข้าสักสองสามก้อนเร็ว”

“สิบก้อนเอามาสิบก้อนเลย โทษฐานที่นางตบตีข้า”ลู่ฟางซินรีบร้องบอก

“พวกท่านดูเอาเถิด พวกท่านก็คงรู้ดีว่าพวกเขารังเกียจข้ายิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น ทั้งตัดขาดข้าออกจากตระกูล ทั้งขับไล่ไสส่งสารพัด

ข้าแต่งงานกับหลี่ซือมาได้ครึ่งปีแล้ว แต่พวกเขาเพิ่งมาหาข้าวันนี้ มาคราวนี้ยังตั้งใจมาขูดรีดเงินทองจากข้าไปจนหมดสิ้น

เช่นนี้ยังกล้าเรียกตนเองว่าเป็นมารดาข้าอีกเหรอ หากข้าเป็นลูกอกตัญญูท่านก็เป็นมารดาที่ไร้ยางอาย ใช่หรือไม่เจ้าคะท่านแม่

หากพวกท่านอยากได้สมบัติมากถึงเพียงนั้นก็ต้องข้ามศพข้าไปก่อน ส่วนพวกท่านที่ปากมากมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นก็ตายไปด้วยกันเสียเถิด”ลี่หลินถือปืนออกมาแล้วลั่นไกใส่ฝูงชนข้างหน้าไม่ยั้ง

“ปัง ปัง ปัง “เสียงปืนทำให้ผู้คนแตกตื่นและวิ่งหนีเอาชีวิตรอดกันอุตลุด นางเพิ่งเข้าใจคำว่าฝุ่นตลบก็วันนี้

เมื่อผู้คนหนีกันออกไปหมดแล้ว ร่างบางทรุดตัวลงอย่างเหนื่อยล้า ก่อนจะสะอื้นเบาๆด้วยความเจ็บปวดใจ

น่าสมเพชเหลือเกินที่เมื่อครู่นี้ นางแอบมีความหวังว่าพวกเขาจะห่วงใยนางจากใจจริงสักครั้ง แม้แค่เพียงครั้งเดียวก็ยังดี แต่ความหวังนั้นปลิวหายไปในสายลมอย่างรวดเร็วเหลือเกิน

เหตุผลที่ท่านแม่และน้องเล็กมาที่นี่ก็เพราะต้องการเงิน และเงิน เป็นเพียงเหตุผลเดียวที่พวกเขาระลึกถึงนาง ในฐานะของสมาชิกครอบครัวคนหนึ่งเท่านั้นเอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel