บทที่ 7 ข้าแต่งงานกับท่านไม่ได้!
เยี่ยนเหลียนหรงนิ่งไปครู่หนึ่งครุ่นคิดตามคำพูดของไป๋เฉียน แน่นอนว่าเหตุการณ์เมื่อคืนนั้นนางไม่ได้ฝันไป นางโดนหวางอ๋องจับตัวไปจริงๆ ไหนจะตอนที่ไป๋เฉียนสลบเพราะควันปริศนานั่นอีกเล่า คงเป็นแผนของหวางอ๋องในการจับตัวนางไปแก้แค้นให้ท่านหญิงหลินเจิ้นหลานไม่ผิดแน่
"อ๋องชั่ว!" หญิงสาวสบถออกมาเบาๆ ด้วยความกรุ่นโกรธ ทว่าลางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าหรือหวางอ๋องกำลังข่มขู่ให้นางหวาดกลัวเพื่อจะได้ไม่กล้าไปยุ่งกับท่านหญิงเจิ้นหลานอีก
"คุณหนูว่าใครชั่วนะเจ้าคะ" ไป๋เฉียนยกมือขึ้นมาทาบอกด้วยความตกใจ ริมฝีปากอวบอิ่มสั่นระริกไปมาด้วยความเสียใจเพราะคิดว่าเจ้านายกำลังดุด่าตน
"ไม่ใช่เจ้าหรอก" มือบางโบกไปมาเป็นเชิงปฏิเสธ สีหน้าของไป๋เฉียนจึงค่อยๆ ดีขึ้น
"คุณหนูจะลุกเลยหรือไม่เจ้าคะ บ่าวจะได้ไปสั่งให้คนเตรียมรถม้าเอาไว้"
"เตรียมรถม้าทำไมหรือ"
"เมื่อคืนคุณหนูบอกว่าจะรีบไปพบกับคุณชายหานเจียเป่าที่สมาคมการค้ามิใช่หรือเจ้าคะ"
เยี่ยนเหลียนหรงเบิกตากว้างเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนหัวค่ำขึ้นมาได้ นางรีบวิ่งลงจากเตียงสั่งให้ไป๋เฉียนเข้ามาปรนนิบัติตนอาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์เสียใหม่ วันนี้นางจะเข้าไปพบกับหานเจียเป่าที่สมาคมการค้า นางจะไม่ยอมรอให้ถึงเจ็ดวันหรอก เพราะคิดว่าหานเจียเป่าต้องปล่อยให้ท่านพ่อกับท่านพี่ของนางรอเก้อเป็นแน่
เวลาผ่านไปเพียงสองเค่อ เยี่ยนเหลียนหรงและไป๋เฉียนก็มาถึงสมาคมการค้าที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวง ที่แห่งนี้เป็นตึกสูงราวสามชั้น มีผู้คนเดินเข้านอกออกในตลอดเวลา เยี่ยนเหลียนหรงคิดว่าพวกเขาคงเป็นเหล่าผู้ทำธุรกิจในเมืองหลวงไม่ผิดแน่
ทันทีที่ก้าวลงจากรถม้า ร่างบางก็ชะงักฝีเท้าลงทันทีพร้อมหันขวับมองซ้ายขวาด้วยความรู้สึกแปลกๆ
"มีอะไรหรือเปล่าเจ้าคะคุณหนู" ไป๋เฉียนที่เดินติดตามมาเอ่ยปากถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นเจ้านายหยุดเดินกะทันหันพลางหันหน้าไปมาราวกับกำลังสอดสายตาหาอะไรบางอย่าง
"ข้ารู้สึกเหมือนว่ามีคนกำลังมองข้าอยู่"
"ตรงไหนหรือเจ้าคะ ไม่เห็นมีใครเลย" ไป๋เฉียนหันไปมองบ้าง ทว่านางไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติ ไม่มีผู้ใดสนใจพวกนางเลยสักคน
"ช่างเถิด ข้าคงคิดมากไปเอง" เยี่ยนเหลียนหรงบอกปัด คงเป็นเพราะนางหวาดระแวงหวางอ๋องมากเกินไปกระมัง
เยี่ยนเหลียนหรงและไป๋เฉียนเดินเข้าไปในสมาคมการค้า จากคำบอกกล่าวของไป๋เฉียนทำให้ได้รู้ว่าห้องทำงานของหานเจียเป่านั้นอยู่ที่ชั้นสอง เมื่อเดินขึ้นไปถึงก็มีบุรุษวัยกลางคนเดินออกมาสอบถาม เยี่ยนเหลียนหรงจึงแจ้งเจตจำนงค์ในการมาครั้งนี้ให้เขาทราบ เขาบอกให้นางนั่งรออยู่ที่หน้าห้อง ก่อนที่ตัวเขาจะเดินหายเข้าไปข้างใน รอเพียงไม่นานจึงเดินออกมาใหม่
"คุณชายหานอนุญาตให้คุณหนูเข้าพบได้ขอรับ"
ประตูเปิดออกเยี่ยนเหลียนหรงก้าวเข้ามาในห้อง เห็นบุรุษร่างสูงใหญ่กำลังนั่งกอดอกจดจ้องมายังนาง สีหน้าของเขาเครียดขึงแลดูโกรธเคืองนางอยู่หลายส่วน ร่างบางทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ฝั่งตรงข้ามกับเขา หญิงสาวช้อนสายตาขึ้นมองประสานสายตากับคนตรงหน้า
"คุณหนูเยี่ยนมีธุระอะไรกับข้างั้นหรือ" น้ำเสียงของเขาเย็นชาไม่ต่างจากใบหน้า ทว่าหากสังเกตมองดูดีๆจะเห็นแววตาของเขาวูบไหวในยามที่นางสบตากับเขา
เยี่ยนเหลียนหรงคิดว่าหานเจียเป่าคงจะยังหลงเหลือเยื่อใยให้นางอยู่บ้าง ท่าทีปั้นปึ่งที่แสดงออกมาก็แค่กลบเกลื่อนความรู้สึกในใจเท่านั้นเอง
"คุณชายหาน ท่านคงจะรู้แล้วว่าตอนนี้โรงเตี๊ยมของสกุลเยี่ยนถูกสั่งให้ปิดลง"
ชายหนุ่มแค่นเสียงหึออกมาเบาๆ เหตุใดเขาจะไม่รู้ก็ในเมื่อเขาเป็นคนสั่งให้ปิดมันเอง
"ข้ารู้ คุณหนูเยี่ยนมาพบข้าเพราะเรื่องนี้ใช่หรือไม่ เช่นนั้นข้าจะบอกคุณหนูเอาไว้เลยว่าข้าช่วยท่านไม่ได้หรอก" เอ่ยจบร่างสูงก็ลุกขึ้นยืนทำท่าจะเดินออกไปจากห้องเป็นการตัดบท ทันทีที่เขาหันหลัง เยี่ยนเหลียนหรงก็ลอบเบะปากพลางกลอกตามองบนด้วยความหมั่นไส้ในการเล่นตัวของเขา
'อยากเล่นตัวนักใช่มั้ย ได้... นางจะเล่นไปตามบทบาทที่เขาต้องการเอง'
"คุณชายหานอย่าเพิ่งไปเจ้าค่ะ" มือบางคว้าข้อมือหนาเอาไว้พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
หานเจียเป่าเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มองคนตัวเล็กที่จับมือหนาของเขาด้วยความดีใจ แววตาของเขาพราวระยับด้วยความตื่นเต้น แต่กระนั้นก็แสร้งทำเป็นดึงมือออกอย่างเล่นตัว
"คุณชายหาน ข้ารู้ว่าท่านคงเคืองข้าไม่น้อยที่ข้าปฏิเสธแม่สื่อที่สกุลหานส่งมาทาบทามสู่ขอ หากแต่ว่าข้ามีความจำเป็นจริงๆนะเจ้าคะ"
"ความจำเป็นอะไรกัน คุณหนูไม่ถูกตาต้องใจข้าที่ตรงไหน ในเมื่อข้าทั้งหน้าตาดี ฐานะชาติตระกูลสูงส่ง แม้จะไม่ใช่ตระกูลขุนนาง แต่ข้าก็ร่ำรวยไม่แพ้ผู้ใด อีกอย่างฐานะของเราเองก็เท่าเทียมกัน ท่านเองก็ไม่ได้มาจากตระกูลขุนนางเช่นกัน" ฉะนั้นแล้วท่านจะเล่นตัวปฏิเสธข้าไปทำไมกัน ประโยคหลังเขาคิดในใจ ยามนึกถึงเรื่องนี้อารมณ์ก็พลุ่งพล่านขึ้นมาทุกครั้ง ในตอนที่นางปฏิเสธ เขาทั้งโกรธและอับอาย ไม่กล้าสู้หน้าชาวเมืองแคว้นฮั่นไปพักใหญ่
"ข้าแต่งงานกับท่านไม่ได้หรอก"
"เพราะเหตุใดกัน!"
"อันที่จริงข้ามีความลับที่ปิดบังเอาไว้" เยี่ยนเหลียนหรงหลบสายตาลงต่ำ มือบางบีบแน่นเข้าหากันราวกับมีความลำบากใจอยู่มากทีเดียว
"..." หานเจียเป่าจ้องหน้าคนตรงหน้าอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ
"ข้ามีไฝอัปมงคลอยู่ที่ขาหนีบด้านขวา ในตอนที่ยังเด็ก ท่านแม่เคยเชิญหมอดูมาที่จวน หมอดูบอกว่าไฝนี้เป็นไฝปีศาจ หากข้าแต่งงานมันจะกลืนกินชีวิตของสามีข้าเพื่อสังเวยมัน"
"เอาไฝบ้านั่นออกไม่ได้หรือ" คิ้วหนาย่นเข้าหากัน ในเมื่อไฝนั้นมันเป็นสิ่งไม่ดีแล้วนางจะยังเก็บมันเอาไว้ทำไมกัน
"ข้าเองก็อยากเอามันออกใจแทบขาด ทว่าทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะหากข้าทำเช่นนั้นมันจะกินชีวิตข้าแทน"
"...!" หานเจียเป่ารู้สึกอึ้งไปไม่น้อย ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องเช่นนี้มีอยู่จริง
"ข้าเป็นห่วงคุณชายหานจริงๆนะ ไม่อยากให้ท่านต้องจบชีวิตลงเพราะข้า ข้าจึงขอร้องให้ท่านพ่อปฏิเสธแม่สื่อที่ทางสกุลหานส่งมาทาบทามไป" หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นไหว มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลรินออกมาเกลื่อนดวงหน้างามของตนออกอย่างน่าสงสาร
"ไม่มีวิธีแก้เลยหรือ" ชายหนุ่มถามเสียงเบา รู้สึกสงสารคนตรงหน้าไม่น้อยเลย ทว่าเมื่อเห็นเยี่ยนเหลียนหรงผงกศีรษะรับ ความหวังอันริบหรี่ในใจก็มีแสงสว่างขึ้นมาอีกครั้ง แต่เพียงไม่นานมันก็มอดดับลงอย่างรวดเร็ว
"ข้าต้องแต่งงานกับบุรุษที่มีปานดำที่แก้มก้นฝั่งทางด้านซ้ายเท่านั้นเพื่อเป็นการแก้เคล็ดเจ้าค่ะ" เยี่ยนเหลียนหรงเงยหน้าขึ้น ก่อนจะถามต่อว่า
"คุณชายหานมีปานดำตามที่ข้าบอกหรือไม่เจ้าคะ"
"ข้า เอ่อ คือว่า ข้า..."
"อย่าโกหกนะเจ้าคะ เรื่องความเป็นความตายอย่าเอามาล้อเล่น" เยี่ยนเหลียนหรงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง ทำให้หานเจียเป่าเงียบเสียงลงทันใด พลันไม่นานเขาก็ส่ายศีรษะไปมาเป็นเชิงปฏิเสธ
"ข้าไม่มีปานดำนั่นหรอก"
เยี่ยนเหลียนหรงลอบยิ้มอยู่ในใจ เพราะนางรู้ว่าเขาไม่มีนั่นแหละจึงแกล้งสร้างเรื่องโกหกเช่นนั้นขึ้นมา
"ในเมื่อคุณชายหานรู้ความจริงเช่นนี้แล้วว่าสาเหตุที่ข้าปฏิเสธแม่สื่อที่สกุลหานส่งมาเพราะเหตุใด เรื่องโรงเตี๊ยมของสกุลเยี่ยน ข้าขอให้คุณชายหานให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวของข้าด้วยนะเจ้าคะ"
หานเจียเป่านิ่งไปครู่ใหญ่พลางลอบกลืนน้ำลายลงคอ แท้จริงแล้วเป็นเขาเองที่อยู่เบื้องหลังการปลุกระดมคนเพื่อกลั่นแกล้งโรงเตี๊ยมของสกุลเยี่ยนเพื่อเป็นการแก้แค้นที่เยี่ยนเหลียนหรงเคยปฏิเสธแม่สื่อที่สกุลหานส่งไปทาบทาม ทว่าจะให้นางรู้ความจริงเช่นนี้ไม่ได้ เห็นทีปัญหาที่เขาเป็นคนสร้างขึ้นมาจะต้องได้รับการแก้ไขในเร็ววันนี้แล้ว
เยี่ยนเหลียนหรงก้าวออกมาจากห้องทำงานของหานเจียเป่าด้วยใบหน้าสดใส ในขณะที่กำลังก้าวลงบันไดกลับไปยังชั้นหนึ่ง ไป๋เฉียนที่เดินตามมาก็ได้โอกาสเอ่ยถามถึงเรื่องการเจรจาในวันนี้
"สำเร็จหรือไม่เจ้าคะคุณหนู" แม้ว่านางจะอยู่ในห้องทำงานของหานเจียเป่ากับคุณหนูเยี่ยนเหลียนหรง หากแต่นางยืนอยู่ที่มุมห้องจึงไม่รู้ว่าพวกเขาพูดคุยสิ่งใดกัน แต่ดูจากสีหน้ามีความสุขของเจ้านายแล้ว นางก็คาดเดาไม่ยากว่าการเจรจาคงผ่านพ้นสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี หากแต่นางอยากฟังจากปากของเจ้านายให้มั่นใจเท่านั้น
"คุณชายหานรับปากว่าจะช่วยเจรจากับบรรดาผู้ประกอบการโรงเตี๊ยมคนอื่นๆให้ หากทำสำเร็จจะอนุญาตให้โรงเตี๊ยมสกุลเยี่ยนเปิดให้บริการตามปกติ" ปากบางของนางแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อยด้วยความสุขใจที่ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี อย่างน้อยแค่ขอให้โรงเตี๊ยมสกุลเยี่ยนได้เปิดกิจการต่อ นางก็พึงพอใจมากแล้ว
ตุ้บ!
"คุณหนู!" ไป๋เฉียนขานเรียกชื่อเจ้านายเสียงดังด้วยความตกใจ เมื่อมีใครบางคนเดินมาชนนางอย่างจัง
"อ๊ะ!" ร่างบางของเยี่ยนเหลียนหรงเซถลาจนแทบจะตกจากบันได หากแต่ว่านางคว้าราวจับบันไดเอาไว้ได้ทัน หญิงสาวรีบหันหน้ากลับไปมองแลเห็นดรุณีหน้าตางดงามผู้หนึ่งยืนอยู่ มุมปากของนางกระตุกยิ้มเบาๆราวกับตั้งใจ ทว่านางไม่พูดพร่ำสิ่งใดต่อ หลังสร้างเรื่องเสร็จก็เชิดหน้าเดินขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว
