บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 โดนจับได้

จู่ๆเยี่ยนเหลียนหรงพลันรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งกาย เมื่อมีสายลมพัดวูบผ่านผิวกายไปอย่างรวดเร็ว แตกต่างจากหลินเจิ้นหลานที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้อย่างรวดเร็วพร้อมแย้มริมฝีปากออกจากกันด้วยความตื่นเต้น

"เสด็จพี่!"

เยี่ยนเหลียนหรงรู้สึกงุนงงไม่น้อย ท่านหญิงเจิ้นหลานเรียกใครกัน นางไม่เห็นใครสักคน ทว่าระหว่างที่คิดเช่นนั้นสายลมวูบไหวก็ค่อยๆเป็นรูปเป็นร่างและเปลี่ยนเป็นตัวคน เมื่อนั้นจานใส่ขนมหมาฮัวก็หล่นจากมือแตกกระจายอยู่บนพื้นดังเพล้ง! ดวงตากลมโตของนางจ้องเขม็งไปยังบุรุษตรงหน้าตาไม่กะพริบจนแทบจะถลนออกมานอกเบ้าเมื่อเห็นว่าคนผู้นั้นเป็นใคร

"หลานเอ๋อร์" มือหนาวางลงบนเรือนผมนุ่มของคนตรงหน้าเบาๆด้วยความเอ็นดู เมื่อนางวิ่งเข้ามากอดแขนของเขาเอาไว้

"เสด็จพี่มาหาข้าหรือเพคะ" หญิงสาวถามผู้เป็นพี่ตาแป๋ว แม้จะไม่ได้เป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกันจริงๆ ทว่าเขาและนางสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็กๆ ด้วยเพราะบิดาเป็นสหายรักกัน และเมื่อโตขึ้นก็เคยร่วมดื่มน้ำสาบานว่าจะเป็นพี่น้องกันตลอดไป

"ข้าแวะมาเยี่ยมเจ้าได้ข่าวว่าโดนกลั่นแกล้งจนตกน้ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด" วาจาของเขาทำให้เยี่ยนเหลียนหรงถึงกับลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เมื่อเห็นสองพี่น้องสนทนากันโดยที่ไม่สนใจนาง นางคิดว่าหวางอ๋องคงไม่รู้ว่านางยืนอยู่ตรงนี้ ร่างบางค่อยๆหมุนกายหันหลัง เดินย่องตรงไปที่ประตู ทว่าเดินไปได้เพียงสามก้าวก็ถูกเรียกไว้เสียก่อน

"คุณหนูเหลียนหรงจำเสด็จพี่ได้หรือไม่ พวกท่านเคยพบเจอกันเมื่อตอนเด็กๆ จำได้ว่าตอนนั้นท่านอายุหกหนาว ส่วนท่านพี่อายุสิบหนาวแล้ว"

เยี่ยนเหลียนหรงชะงักฝีเท้าลง และหมุนกายหันหน้ากลับมาพลางส่ายศีรษะไปมาเบาๆและส่งยิ้มจืดเจื่อนให้ท่านหญิงเจิ้นหลาน นางจะจำได้อย่างไรกัน ในเมื่อนางเพิ่งเคยพบเจอเขาเป็นครั้งแรกไม่กี่วันก่อน

"จำไม่ได้งั้นหรือ ไม่เป็นไร มารู้จักกันใหม่ก็ได้" หลินเจิ้นหลานเดินไปคว้าข้อมือของเยี่ยนเหลียนหรงให้เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าหวางจื่อชางพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว

"เสด็จพี่นี่คือคุณหนูเยี่ยนเหลียนหรงสหายข้า คุณหนูเยี่ยนคนผู้นี้คือหวางอ๋องพี่ชายของข้าเอง"

"คารวะหวางอ๋องเพคะ" เยี่ยนเหลียนหรงยอบกายคารวะผู้สูงศักดิ์กว่า แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมา นางถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นเขากำลังมองนางอยู่

หวางจื่อชางส่งสายตาดุคมจ้องสตรีร่างบางตรงหน้าพลางกัดฟันดังกรอด นางหลอกเขาจนอยู่หมัด หลังจากที่ได้พบกันเมื่อสามวันก่อน ทันทีที่กลับถึงตำหนักจื่อเถา เขาก็สั่งให้ฉางชินไปสืบประวัติหงอี้หยวนมาให้ แต่ผ่านไปเกือบสองวันก็ไม่พบประวัตินาง แม้กระทั่งที่อยู่อาศัยก็ไม่มี เดิมทีแล้วฉางชินทำงานว่องไวและไม่เคยพลาด หวางจื่อชางรู้สึกหัวเสียยิ่งนักกว่าจะรู้ว่าโดนนางหลอก นางก็หายเข้ากลีบเมฆไปเสียแล้ว แต่ไม่นึกว่าจะมาเจอกันโดยบังเอิญเช่นนี้

"นี่หรือคนที่ทำร้ายน้องสาวข้าจนตกน้ำจนเกือบตาย"

'เอาแล้วไง' เยี่ยนเหลียนหรงรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆยิ่งนัก นอกจากเขาจะจับได้ว่านางโกหกแล้ว เขายังรู้ว่านางคือคนที่ทำร้ายท่านหญิงเจิ้นหลานอีกด้วย นางจะรอดเงื้อมมือของเขาได้หรือไม่!

"เสด็จพี่ คุณหนูเหลียนหรงขอโทษข้าแล้วเพคะ" มือบางแตะข้อศอกพี่ชายเบาๆเป็นการปราม ทว่าหวางจื่อชางกลับแค่นยิ้มหยัน เปล่งเสียงหึออกมาเบาๆในลำคอ

"ขอโทษแล้วเจ้าหายเจ็บหรือไม่"

วันนี้อากาศไม่ร้อนและไม่หนาว ทว่ากลับมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามกรอบดวงหน้างามจนเยี่ยนเหลียนหรงต้องยกมือขึ้นปาดมันออก

อยู่ต่อคงไม่ดีแน่ ยามนี้นางต้องหาทางรอด!

"ท่านหญิงเจิ้นหลาน ข้ารู้สึกเวียนศีรษะยิ่งนัก คงต้องขอตัวกลับก่อน"

หลินเจิ้นหลานผงกศีรษะรับ หลังจากนั้นเยี่ยนเหลียนหรงจึงรีบตรงดิ่งไปที่ประตู แม้จะไม่ได้หันกลับไปมองแต่นางกลับรู้สึกเสียวสันหลังวาบ ราวกับมีใครกำลังจดจ้องมองตามนางอยู่ ทันทีที่ก้าวพ้นประตู นางจึงรีบสาวเท้าออกตัววิ่งอย่างรวดเร็ว เยี่ยนเหลียนหรงคิดว่านางต้องรีบกลับไปถึงจวนสกุลเยี่ยนโดยเร็วที่สุดจึงจะปลอดภัย เพราะสกุลเยี่ยนมีผู้คุ้มกันหลายสิบคน พวกเขาต้องปกป้องคุ้มครองนางได้แน่

เยี่ยนเหลียนหรงสั่งให้พลขับรถม้าพานางกลับมาที่สกุลเยี่ยนอย่างรวดเร็วราวกับติดปีก ครั้นพอก้าวเข้ามาถึงภายในจวนก็ทอดถอนลมหายใจออกมาเบาๆด้วยความโล่งใจ เมื่อไม่เห็นมีผู้ใดตามมาอย่างที่นึกกลัว หวางอ๋องคงไม่ถือโทษโกรธนางกระมังที่ทำให้น้องสาวสุดที่รักของเขาต้องเจ็บตัว

เสียงบทสนทนาดังขึ้นมาให้ได้ยินแว่วๆ คิ้วเรียวย่นเข้าหากันเล็กน้อยด้วยความแปลกใจที่ผู้เป็นพ่อกับพี่ชายกลับมาถึงจวนสกุลเยี่ยนก่อนฟ้ามืด ทว่าทันทีที่นางก้าวเข้ามาในห้อง คนทั้งสองต่างพากันชะงักไปเล็กน้อยพร้อมบทสนทนาที่เงียบลง

"หรงเอ๋อร์กลับมาแล้วหรือ" เยี่ยนปิ่งซงเดินเข้ามาหาบุตรสาว ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยน ทุกอย่างดูปกติดีแต่อดีตนางเอกแถวหน้าเบอร์หนึ่งของวงการอย่างนางเหตุไฉนจะดูไม่ออกว่าเขากำลังแกล้งทำกลบเกลื่อน

"ท่านพ่อ ท่านพี่ ที่โรงเตี๊ยมของเราเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่"

ชายต่างวัยทั้งสองคนหันมาสบตากันเล็กน้อย ก่อนที่เยี่ยนหรงซานจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากตอบ

"ไม่มีอะไรหรอก ทุกอย่างปกติดี หิวหรือไม่ได้เวลามื้อเย็นแล้ว เราไปกินข้าวกันเถิด" ร่างสูงผุดลุกขึ้นจากตั่งนั่งทำท่าจะเดินออกไปจากห้องพร้อมบิดา แต่คนทั้งคู่ไม่เห็นเยี่ยนเหลียนหรงเดินตามมา พวกเขาจึงหยุดและหันกลับมาหานาง

"หรงเอ๋อร์ไปกินข้าวกันเถอะลูก"

"ข้ารู้นะว่าท่านพ่อกับท่านพี่กำลังมีเรื่องโกหกปิดบังข้าอยู่" ร่างบางก้าวเข้ามาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าของคนทั้งสอง ยกมือกอดอกประสานสายตากับคนทั้งคู่ เยี่ยนปิ่งซงทำหน้าตาเลิ่กลั่กก่อนจะหลบสายตาลงต่ำ ในขณะที่เยี่ยนหรงซานลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

"ท่านพ่อหลบตาข้า น้ำเสียงตอนที่พูดสั่นไหวไม่มั่นคง ส่วนท่านพี่รู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังมือสั่นอยู่ ไหนจะเหงื่อที่หน้าผากของท่านอีกเล่า"

เยี่ยนหรงซานสะดุ้งขึ้นเล็กน้อยพลางรีบใช้มืออีกข้างกอบกุมมือข้างที่กำลังสั่นไหวของตนเอาไว้ พร้อมยกมือขึ้นปาดเหงื่อออกจากหน้าผากของตนอย่างรวดเร็ว

"บอกข้ามาเถอะว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น" หญิงสาวพยายามทำใจเย็นเพื่อสอบถามเรื่องราว แต่คนทั้งสองยังคงเงียบ นางจึงกล่าวขึ้นอีกหน

"ข้าไม่ใช่คนในครอบครัวของพวกท่านหรืออย่างไร เหตุใดถึงมีเรื่องปิดบังกันเล่า"

เยี่ยนเหลียนหรงแกล้งเบะปากเข้าหากัน ทำท่าเสียอกเสียใจเต็มประดา หลังจากที่วิญญาณได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้หลายวัน ทำให้ได้รู้ว่าเยี่ยนเหลียนหรงเป็นที่รักใคร่ของบิดาและพี่ชายอยู่มาก พวกเขาทะนุถนอมนางราวกับไข่ในหิน ไม่ว่าจะต้องการสิ่งใดล้วนหามาให้เสมอ

"หรงเอ๋อร์อย่าร้องไห้ พ่อยอมบอกเจ้าแล้วก็ได้" เยี่ยนปิ่งซงร้องห้ามบุตรสาว เขาไม่อยากเห็นน้ำตาของนางเลยแม้แต่น้อย เพราะมันทำให้เขารู้สึกปวดใจมากเหลือเกิน

เยี่ยนเหลียนหรงช้อนสายตาขึ้นมองสบตาของผู้เป็นพ่อ ปากบางที่เบะเข้าหากันในตอนแรกค่อยๆคืนกลับมาเป็นปกติ

"ข้าไม่ร้องก็ได้เจ้าค่ะ เช่นนั้นท่านพ่อกับท่านพี่บอกข้ามาเถิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น"

เยี่ยนปิ่งซงใช้ศอกสะกิดบุตรชายเบาๆ ทางฝ่ายเยี่ยนหรงซานจึงถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนที่เขาจะเปิดปากเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น

"เจ้าของกิจการโรงเตี๊ยมอื่นๆกำลังรวมตัวกันร้องเรียนสมาคมการค้า พวกเขาไม่พอใจที่โรงเตี๊ยมของเราเปิดให้เข้าพักคืนแรกโดยไม่คิดเงิน" น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึมลง ใบหน้าบอกถึงความเคร่งเครียด เยี่ยนเหลียนหรงได้ยินเช่นนั้น หัวใจของนางพลันกระตุกวาบ

"แล้วตอนนี้โรงเตี๊ยมของเราเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ"

"สมาคมการค้าสั่งให้เราปิดโรงเตี๊ยมไว้ชั่วคราว เราจะเปิดโรงเตี๊ยมไม่ได้จนกว่าจะมีคำสั่งอนุญาตให้เปิด" เยี่ยนปิ่งซงเสริมขึ้น

ปึง! มือบางทุบลงบนโต๊ะด้วยความโมโหทันทีที่ผู้เป็นพ่อพูดจบประโยค

"แกล้งกันชัดๆเลย!" แม้ในยุคปัจจุบันนางจะเป็นดารา แต่ทางบ้านก็ทำธุรกิจหลายอย่างมีหรือจะไม่รู้ว่านี่คือการกลั่นแกล้งทางธุรกิจ เมื่อฝ่ายตรงข้ามเห็นกิจการของอีกฝ่ายไปได้ดีกว่า

"ตอนนี้ทางเราทำได้แค่เพียงรอคำสั่งจากสมาคมการค้า วันนี้ท่านพ่อกับข้าลองไปพบคุณชายหานเจียเป่าดูแล้ว แต่โดนบอกปัด คุณชายหานบอกว่าจะว่างมาพบข้ากับท่านพ่อในอีกเจ็ดวันข้างหน้า" เยี่ยนหรงซานกล่าวด้วยความหนักใจ รู้อยู่เต็มอกว่าการคุยกับหัวหน้าสมาคมการค้าผู้นั้นไม่ง่ายเพราะเคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน หากแต่ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้จริงๆ เพราะกิจการโรงเตี๊ยมรวมถึงกิจการอื่นๆที่เกี่ยวกับการค้าขายล้วนอยู่ภายใต้การดูแลของสมาคมการค้า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel