บทที่ 4 งานเลี้ยงต้อนรับ
กู้เจิ้งจีไปที่ร้านรสโอชาอีกครั้ง แต่เสี่ยวเอ้อที่เขาอยากจะเห็นหน้ากลับหายตัวไป เถ้าแก่สือยิ้มน้อยๆ มองหัวหน้ามือปราบหนุ่มรูปงามอย่างมีเลศนัย
“อันที่จริง ข้าน้อยก็หมายมั่นปั้นมืออยากให้เสี่ยวฮั่นอยู่ทำกิจการร้านอาหารกับข้า เขาทำอาหารได้ดีทีเดียว แต่เขาบอกว่าอยากจะเป็นมือปราบมากกว่า ข้าน้อยก็เลยจำต้องปล่อยเขาไป”
“เป็นมือปราบ หวังฮั่นน่ะนะ อยากเป็นมือปราบ?”
“ขอรับ ตอนนี้ก็ไปสมัครสอบเพื่อเข้ารับการฝึกฝนแล้ว”
“เขาจะต่อสู้ได้หรือ? รูปร่างบางอย่างนั้น”
เถ้าแก่สือส่ายหน้า “ไม่ทราบเหมือนกันขอรับ คงต้องรอดูว่าจะผ่านการทดสอบหรือไม่?”
“น่าสนใจจริงๆ จากเสี่ยวเอ้อกลายมาเป็นมือปราบ ข้าไม่เคยเห็นผู้ใดทำได้สำเร็จมาก่อน ถ้าไม่ไปอยู่สำนักศึกษาหรือไม่ก็สำนักฝึกยุทธ์ เห็นทีจะสอบผ่านได้ยาก นี่เถ้าแก่สือ หวังฮั่นรู้หนังสือด้วยหรือ?” ม่อชิงฉือรู้สึกสนใจเรื่องของเสี่ยวเอ้อหนุ่มขึ้นมาอย่างจริงจัง
“ก็เห็นว่าพออ่านออกเขียนได้นะขอรับ”
“อืม...ถ้าหากหวังฮั่นได้เป็นมือปราบจริงๆ ข้าจะขอให้เขามาอยู่หน่วยของเรา หัวหน้ากู้ ท่านว่าดีหรือไม่?”
กู้เจิ้งจีนิ่งขรึม เขาเคยนึกว่าหวังฮั่นอยู่ที่นี่ก็พอจะมาแวะเวียนดูหน้าพอมีกำลังใจ แต่ไม่คิดว่าเสี่ยวเอ้อน่ารักผู้นั้นอยากจะเป็นมือปราบ
“เหตุใดหวังฮั่นจึงอยากเป็นมือปราบเล่าเถ้าแก่สือ?”
“ก็เพราะหัวหน้ากู้นั่นล่ะขอรับ”
“เป็นเพราะข้าหรือ?” ชายหนุ่มทำหน้าเหวอ
“ขอรับ เขาบอกว่าเขาชื่นชมในตัวท่านจึงอยากจะไปเป็นลูกน้อง”
กู้เจิ้งจีถึงกับพูดไม่ออก เขาได้แต่ตะโกนในใจว่าไม่อยากให้หวังฮั่นมาเป็นลูกน้องเลยสักนิดเพราะกฎเหล็กของเขาคือจะไม่มีความสัมพันธ์อื่นใดนอกจากเรื่องงานกับลูกน้องเด็ดขาด
...สิ่งที่วาดหวังไว้พังทะลายลงในพริบตา...
ผ่านไปสามเดือน....
หน่วยมือปราบที่สามแห่งสำนักมือปราบเมืองหลวงก็ได้ต้อนรับมือปราบหนุ่มคนใหม่ที่ถูกส่งมาจากสำนักฝึกอบรม
พลันที่ได้เห็นหน้าหนึ่งในลูกน้องทั้งสิบ กู้เจิ้งจีถึงกับตกตะลึง รูปร่างปราดเปรียว ใบหน้าน่ารักของเสี่ยวเอ้อหนุ่มแห่งร้านรสโอชาก็ปรากฏตรงหน้า
ม่อชิงฉือมองเห็นหวังฮั่นก็จำได้ เขารีบเดินมายืนตรงหน้า
“เจ้าแน่จริงๆ หวังฮั่น สอบเป็นมือปราบสำเร็จจนได้”
“ขอรับ”
“นี่เจ้าชื่นชมหัวหน้ากู้ขนาดนี้เชียวหรือ? ถึงกับตั้งใจมาสอบเป็นมือปราบเพื่อมาทำงานกับเขา”
“ขอรับ” อดีตเสี่ยวเอ้อหนุ่มยกยิ้มมุมปาก ค้อมศีรษะอย่างนอบน้อม
กู้เจิ้งจีตีหน้าขรึม จากนี้ไปเห็นทีต้องรักษาระยะห่างกับหวังฮั่นให้ดี เขาไม่อยากสนิทกับลูกน้องคนใดมากเกินไป ประเดี๋ยวจะทำให้เกิดความอิจฉาริษยาในหมู่เพื่อนร่วมงาน
แม้จะบอกตนเองเช่นนั้น แต่สุดท้ายกู้เจิ้งจีก็อดไม่ได้ เขาคอยชำเลืองมองดูคนร่างบอบบางสูงโปร่งใบหน้าน่ารักนั้นอยู่บ่อยๆ หวังฮั่นเป็นคนยิ้มง่ายแม้จะไม่พูดมาก ทำให้คนรอบข้างชื่นชอบ
“ในหน่วยที่สามของเราจะแบ่งมือปราบออกเป็นสี่กลุ่มเพื่อความสะดวกในการวางแผนจับกุมคนร้าย นอกจากมือปราบแล้ว เรายังมีสายสืบเฉพาะหน่วยของเราอีกสิบคน แต่สายสืบบางคนจะไม่แสดงตัว ทำหน้าที่ส่งข่าวเท่านั้น พวกเจ้าจึงไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าพวกเขา”
หวังฮั่นนึกถึงกู้เฉียวเหว่ย น้องสาวของกู้เจิ้งจี นางคงจะทำหน้าที่สายสืบที่ไม่เปิดเผยหน้าตาด้วยเช่นกัน ดูเหมือนจะทำงานภายใต้การสั่งการของพี่ชายเพียงเท่านั้น
“วันนี้ข้าจะจัดเลี้ยงต้อนรับมือปราบหน้าใหม่ เลิกงานแล้วให้ม่อชิงฉือเป็นคนพาไปก็แล้วกัน”
“ได้ขอรับหัวหน้ากู้ เดี๋ยวข้าจะพาพวกเขาไปเอง”
ม่อชิงฉือเป็นรองหัวหน้าหน่วย แต่เพื่อมิให้เรียกยุ่งยาก เขาจึงให้ทุกคนเรียกเขาเพียงมือปราบม่อ
เป็นครั้งแรกที่หวังฮั่นได้เข้ามาในบ้านสกุลกู้อย่างสง่าผ่าเผยในฐานะแขกรับเชิญ สายตาของเขาพุ่งตรงไปยังโต๊ะกลางสวนที่ถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ
กู้เจิ้งจีในชุดสง่างามยืนรอต้อนรับพร้อมผายมือเชิญทุกคนให้นั่งบนเก้าอี้ที่เรี่ยพื้น ด้านหน้ามีโต๊ะเตี้ยๆ วางอยู่
“คืนนี้บ้านสกุลกู้ยินดีต้อนรับทุกท่าน”
บิดาของกู้เจิ้งจีมิใช่ขุนนางหรือข้าราชสำนัก พวกเขาจึงมิได้เรียกที่นี่ว่าจวน บ้านของหัวหน้ามือปราบหนุ่มมีขนาดกลางๆ ไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป เมื่อนับจากคนที่อยู่อาศัยก็นับว่ายังเหลือเฟือ
“พวกท่านคงหิวแล้ว เดี๋ยวข้าจะให้สาวใช้นำอาหารออกมาเลยก็แล้วกันนะเจ้าคะ” กู้เฉียวเหว่ยยืนยิ้มอยู่ข้างพี่ชาย
อนุภรรยาคนงามของกู้เจิ้งจีเอาแต่ยืนยิ้ม เป็นเพราะนางมิใช่ฮูหยินเอกจึงมิอาจออกนอกหน้าทำตัวเยี่ยงเจ้าของบ้าน
หวังฮั่นรู้สึกว่าจือหลิงผู้นี้สงบเสงี่ยมยิ่งนัก
มือปราบที่มาใหม่พร้อมกับหวังฮั่นเอียงหน้ามากระซิบ
“ข้าว่าอนุภรรยาของหัวหน้ากู้นับว่าเป็นหญิงงามผู้หนึ่ง มิน่าเล่า ข้าจึงได้ยินว่าท่านหัวหน้าไม่นิยมการเที่ยวหอคณิกา นอกจากไปสืบคดี”
อีกคนก็เอียงหน้ามาสนับสนุน “จริงด้วย หากข้ามีภรรยางดงามอย่างนี้ก็คงจะไม่สนใจหญิงอื่นเช่นกัน น่าอิจฉาหัวหน้ากู้ยิ่งนัก”
หวังฮั่นไม่ได้แสดงความคิดเห็น เขาพยักหน้าน้อยๆ คล้ายจะคล้อยตาม ในใจรู้สึกหงุดหงิดที่พยายามสืบความสัมพันธ์ของสองสามีภรรยามาตั้งนานก็ไม่ชัดเจนเสียที
...อยากรู้นักว่ากู้เจิ้งจีคิดเช่นไรกับจือหลิง?...
สาวใช้และบ่าวรับใช้พากันเดินถือถาดอาหาร ถ้วยน้ำชา และสุรามาต้อนรับแขกอย่างเป็นระเบียบ เหล่ามือปราบหน้าใหม่ล้วนตื่นเต้นที่ได้เห็นอาหารบนโต๊ะ พวกเขาไม่คิดว่าหัวหน้าหน่วยของตนจะเลี้ยงดูด้วยอาหารที่น่ารับประทานเช่นนี้
ม่อชิงฉือเห็นแววตาของรุ่นน้องมือปราบก็ยิ้มกริ่ม
“พวกเจ้าดูเสียว่าหัวหน้ากู้ของเราใจดีเพียงใด? อาหารในงานเลี้ยงคืนนี้ล้วนแล้วแต่คัดสรรมาเป็นพิเศษ เป็ดอบน้ำผึ้งเลิศรสของครัวสกุลกู้ ข้ารับรองว่าพวกเจ้าจะติดใจ”
“จริงขอรับ มือปราบม่อ ข้าไม่คิดว่าจะมีแต่ของน่ากินเช่นนี้”
กู้เจิ้งจีมองเห็นสายตาของคนที่นั่งอยู่ท้ายสุดดูเหมือนจะมิได้ยินดียินร้ายกับอาหารตรงหน้า
‘หวังฮั่น...เจ้าอยู่ร้านอาหารคงจะได้กินของพวกนี้บ่อยแล้ว จึงมิได้รู้สึกตื่นเต้นอย่างเช่นผู้อื่น’
ร้านรสโอชาแม้จะมิใช่ภัตตาคารเลิศหรูแต่ก็นับเป็นร้านใหญ่ในละแวกนี้ อาหารขึ้นชื่อก็ราคาสูงพอสมควร กู้เจิ้งจีเคยได้ยินมาว่าอาหารจานใดที่ลูกค้ากินเหลือและไม่ทำเลอะเทอะพวกเสี่ยวเอ้อจะเก็บไว้กินต่อ แน่นอนว่าพวกเขาล้วนเคยกินอาหารดีๆ กันบ่อยๆ
ม่อชิงฉือยืดอกขึ้นก่อนจะยกจอกสุราชูระดับริมฝีปากของตน
“ที่หน่วยของพวกเราได้รับประทานอาหารเลิศรสอยู่บ่อยๆ ก็เป็นเพราะฝีมือของหัวหน้ากู้ในการตามจับคนร้ายในคดีสำคัญๆ ได้อยู่เรื่อย คดีพวกนั้นมักจะมีเจ้าทุกข์คอยให้รางวัลนำจับเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับมือปราบ ดังนั้นหัวหน้ากู้จึงพิชิตเงินและเก็บเอาไว้แบ่งปันเลี้ยงอาหารพวกเราอย่างไรล่ะ”
มือปราบทั้งหมดส่งเสียงฮือฮา กู้เจิ้งจีจึงลุกขึ้นยืน ทำให้ลูกน้องทั้งหน่วยต้องลุกขึ้นยืนด้วย
“มือปราบม่อกล่าวชมเกินไป ทุกครั้งที่ข้าทำภารกิจตามจับคนร้ายได้สำเร็จ พวกเจ้าหลายคนเองก็มีส่วน ทั้งช่วยสืบหาเบาะแสหรือไม่ก็ชี้เป้าคนร้าย ดังนั้นถือว่าส่วนหนึ่งเป็นฝีมือของมือปราบในหน่วยที่สาม”
“เอ้าพวกเรา! มาดื่มให้กับหัวหน้ากู้ที่แสนจะเก่งกาจของพวกเรากันเถอะ”
“เอ้า! หน่วยที่สามสุดยอด!”
“หน่วยที่สามสุดยอด!” เสียงทุกคนดังขึ้น
มือที่ถือสุราของบุรุษแต่ละคนชูขึ้นเหนือศีรษะพร้อมกัน
“ดื่ม!” กู้เจิ้งจีร้องสั่งเสียงดัง
ทุกคนกระดกจอกสุราเทพรวดเข้าปากก่อนจะนั่งลงอย่างพร้อมเพรียง
“ข้าขอไปสุขาก่อนนะ” หวังฮั่นกระซิบบอกสหาย ก่อนจะวิ่งพรวดพราดออกไปทางด้านหลัง
กู้เจิ้งจีมองตาม เขารู้สึกสงสัยที่หวังฮั่นลุกเดินไปทางห้องส้วมในบ้านของเขาราวกับคนรู้เส้นทางเป็นอย่างดี ชายหนุ่มเอี้ยวตัวไปทางน้องสาว
“เจ้าไปดูให้ข้าทีว่าหวังฮั่นจะไปที่ใด?”
“พี่ใหญ่ เขาเดินไปทางนั้นก็ต้องไปสุขาน่ะสิ เขาเพิ่งเคยมาบ้านเรานะเจ้าคะ เขาจะไปเดินสะเปะสะปะได้อย่างไร?”
********************
