บทที่ 3 จูบลึกลับ
“ทางนั้น! คนร้ายพุ่งไปทางนั้น!”
“ฝีมือมันร้ายกาจมาก เดี๋ยวข้าตามไปเอง พวกเจ้าจัดการทางนี้ให้ดีก็พอ” กู้เจิ้งจีสั่งเสียงดังฟังชัดก่อนที่จะพุ่งตามหลังบุรุษชุดสีน้ำเงินไป
ม่อชิงฉือจึงหันไปหามือปราบในหน่วยของตนเอง
“พวกเจ้าไม่ต้องห่วงหรอก ข้าว่าหัวหน้ากู้จัดการมันได้ รีบจับพวกที่อยู่นี่ให้หมดเถอะ”
ช่างเป็นเรื่องบังเอิญนักที่สายสืบกู้พบกับขบวนรถม้าที่กำลังจะถูกดักปล้นพอดี นางจึงได้ส่งพิราบสื่อสารเข้าไปแจ้งเหตุการณ์ได้ทันท่วงที
หน่วยมือปราบที่สามวันนี้เป็นเวรลาดตระเวนรอบนอกในตำบลใกล้ๆ จึงได้รีบมุ่งหน้ามาช่วยเหลือ
ทว่าหัวหน้าของโจรกลุ่มนี้ฝีมือร้ายกาจ คงจะมีเพียงกู้เจิ้งจีที่จะปราบคนร้ายผู้นี้ได้
“พี่ชายข้าล่ะ มือปราบม่อ”
“เขาตามหัวหน้าโจรไปทางโน้นแล้ว สั่งว่าไม่ให้พวกข้าตามไปช่วย แต่ให้จับพวกโจรนี่ให้หมด”
เคร้ง! คร้าง! เคร้ง! เคร้ง!
เสียงดาบกับกระบี่กระทบกันแทบจะกลบเสียงร้องถามของกู้เฉียวเหว่ย
นางรีบเข้าไปช่วยม่อชิงฉือต่อสู้กับคนร้าย
“ถ้าอย่างนั้นรีบจับพวกนี้แล้วค่อยตามไปช่วยพี่ใหญ่”
“ได้!”
แม้จะรับปากอย่างนั้นแต่ม่อชิงฉือก็หนักใจไม่น้อย พวกโจรที่มาดักปล้นมีจำนวนมากกว่ามือปราบหน่วยของตนพอสมควร ทั้งยังมีฝีมือดาบอยู่ในระดับดี ยากที่จะกำราบลงได้ง่าย
แคว่ก!
ร่างสูงกำยำของกู้เจิ้งจีที่ลอยทะยานมาจากพุ่มไม้ด้านหลัง ทะยานลงไปในหลุมขวากที่ลึกกว่าสามจั้ง ดีที่วิชาตัวเบาก็ของนับว่าใช้ได้ เมื่อร่างผ่านกิ่งไม้ลงไปชายหนุ่มก็ปรับลมปราณให้ร่างกายค่อยๆ ลอยต่ำช้าลง
ฝ่าเท้าของเขาสัมผัสกับปลายแหลมของแท่งไม้ที่ทำไว้เพื่อดักสัตว์ขนาดใหญ่ ชายหนุ่มพลิกร่างเล็กน้อย ทำให้สามารถไปยืนพิงหลังเข้ากับผนังดินด้านข้างหลุม
“บ้าจริง! ตกหลุมพรางของมันจนได้”
หวังฮั่นที่ทะยานตามมาด้านหลัง เมื่อเห็นว่ากู้เจิ้งจีตกลงไปในหลุมก็รีบ
ทะยานตามบุรุษชุดสีน้ำเงินข้างหน้าไป ร่างในชุดดำชักกระบี่ออกมาก่อนจะลอยตัวด้วยกำลังภายในที่เหนือกว่าลอยไปยืนขวางหน้าหัวหน้าโจรเอาไว้
“เจ้ามิใช่มือปราบนี่?”
ร่างในชุดดำส่ายหน้า “ย่อมไม่ใช่อยู่แล้ว ข้าเป็นนักฆ่าต่างหาก น่าเสียดายที่เย็นนี้เจ้าคงต้องกลายเป็นผีเฝ้าป่านี้เสียแล้วเพราะเขาบังอาจทำให้คนที่ข้าชอบได้รับบาดเจ็บ”
“หือ? คนที่เจ้าชอบ หมายถึงเจามือปราบนั่นน่ะหรือ?”
“ใช่! หัวหน้ามือปราบกู้”
เคร้ง! เคร้ง!
ร่างในชุดดำ ไม่พูดพล่ามทำเพลง ลุยเข้ามาใส่อย่างดุเดือด แค่เพียงหกกระบวนท่า หัวหน้าโจรที่เชื่อมั่นในฝีมือของตนเองก็หงายผลึงตาค้างสิ้นชีพ
“อันที่จริง ฝีมือเจ้าก็ดีน่าจะประลองกันนานกว่านี้หน่อย แต่น่าเสียดาย ข้าจะรีบไปช่วยหัวหน้ากู้”
แสงแดดเริ่มอ่อนลง หวังฮั่นชะโงกหน้าลงไปมองในหลุม เขาเห็นศีรษะหนึ่งตะคุ่มๆ ก็รีบหย่อนเอาเชือกที่มัดเป็นปมๆ เอาไว้หย่อนลงไป
“ม่อชิงฉือ! เจ้ามาช่วยข้าหรือ?”
หัวหน้ามือปราบเงยหน้าขึ้นมอง แสงที่ปากหลุมยังสว่าง ดีที่ยังไม่ค่ำ ทำให้ก้นหลุมพอจะมองเห็นสิ่งที่อยู่รายรอบ ปลายเชือกที่ทำเป็นบ่วงถูกหย่อนลงมา เขามองเห็นอยู่ว่าเชือกถูกมัดเป็นปมอยู่เป็นระยะ
“ข้าไม่ปีนนะ เท้าซ้ายมีแผลน่ะ เดี๋ยวผูกเอวเสร็จแล้ว เจ้าด้วยลากข้าขึ้นไปหน่อยก็แล้วกัน” กู้เจิ้งจีตะโกนขึ้นไป เขาก้มหน้ามัดเอวเรียบร้อยก็เงยหน้าร้องเรียก “ดึงได้แล้ว!”
ครืดๆ ครืดๆ
เชือกถูกลากขึ้นมาจนถึงปากหลุมก็เป็นเวลาพอดีกับที่ฟ้ามืด
ควับ!
ผ้าคาดตาถูกมัดอย่างรวดเร็ว ปลายนิ้วเรียวสกัดจุดทำให้กู้เจิ้งจีไม่อาจเคลื่อนไหวได้
“ม่อชิงฉือ! นี่เล่นอุตริอะไรของเจ้า?”
จ๊วบ!
หัวหน้ามือปราบหนุ่มที่ถูกจับนั่งเหยียดขาถึงกับนิ่งอึ้งเมื่อถูกขโมยจูบที่ริมฝีปากอย่างอุกอาจ
“บัดซบ! เจ้าทำบ้าอะไรนี่?”
ยังไม่ทันจะได้ผุดคำด่าต่อ ริมฝีปากบางของอีกคนก็ทาบลงมา ดูดเม้มที่ริมฝีปากล่างของเขาอย่างนุ่มนวล นิ้วเรียวไล้ปลายใบหูของกู้เจิ้งจีจากบนลงล่างเบาๆ มือปราบหนุ่มถึงขนลุก
ริมฝีปากของเขาก็ลิ้นของคนปริศนาจู่โจม ชายหนุ่มคิดจะงับคนผู้นั้นให้ลิ้นขาดไปเสียแต่กลับถูกมืออีกข้างบีบเข้าที่ปลายคางให้อ้าปากไว้นิ่งๆ รับการจูบเรียกร้องนั้นอยู่ครู่ใหญ่
“เฮือก!” กู้เจิ้งจีหอบหายใจเฮือกหนึ่งอย่างแรงเมื่อมือปริศนานั้นปล่อยเขา “เจ้าเป็นใครกันแน่?”
เสียงฝีเท้าเบาหวิวนั้นทะยานจากไปพร้อมกับเสียงเรียกดังขึ้น
“พี่ใหญ่! พี่ใหญ่!”
“เปิดตาข้าที!”
กู้เฉียวเหว่ยเห็นพี่ชายของนางถูกคนชุดดำก้มๆ เงยๆ บังเอาไว้ก็รู้สึกเป็นกังวล แต่พอเข้ามาใกล้กลับเห็นพี่ชายใบหน้าแดงก่ำ
“เมื่อครู่คนชุดดำผู้นั้นทำสิ่งใดท่านหรือ?”
“เขาช่วยข้าขึ้นมาจากหลุมขวากน่ะ”
“แต่ว่าข้า...ข้าเห็นเขา”
“บอกว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีน่า...รีบคลายจุดข้าเถอะ”
ครั้นเริ่มมองเห็นอีกครั้ง หัวหน้ามือปราบหนุ่มก็มองตามทิศที่คนปริศนาผู้นั้นหลบหนีไป
“เจ้าเห็นคนผู้นั้นชัดหรือไม่?”
“คนชุดดำผู้นั้นดูแปลกๆ นะ ตอนที่เขาช่วยพี่ใหญ่”
“พอๆ พอแล้ว ช่างเถิด ถ้าเจ้าไม่เห็นหน้าเขาก็แล้วไป”
“ข้าจะบอกว่าข้าเห็นเขาทำท่ากำลังจูบท่านอยู่”
เท่านั้นเอง...กู้เจิ้งจีก็ถึงกับหน้าม้าน
“น้องเล็ก! เจ้าตาฝาดไปกระมัง?”
“หือ? แต่ข้าว่า...”
“ไปๆ ไปดูพวกที่โดนจับเอาไว้ได้แล้ว”
กู้เฉียวเหว่ยมองตามพี่ชายไปก็อดจะขำมิได้
“พี่ใหญ่! ที่ข้าเห็นเป็นความจริงใช่หรือไม่?” นางตะโกนไล่หลัง
“พูดมาก!” เสียงตะโกนด่าย้อนกลับมา
ดึกแล้วกู้เจิ้งจียังไม่หลับ เขานอนพลิกกายไปบนเตียง คนปริศนาผู้นั้น น่าจะเป็นคนเดียวกัน ไม่มั่นใจว่าเป็นบุรุษหรือสตรี แต่ที่แน่ๆ คนผู้นั้นน่าจะแอบชอบและแอบช่วยเขามาหลายครั้งแล้ว
เมื่อครั้งก่อน...ครั้งกระนั้น...และครั้งกระโน้นด้วย
‘ข้าต้องสืบให้ได้ว่าเจ้าคือผู้ใด? บังอาจมาจูบแก้ม และครั้งนี้ยังมาจูบปากของข้า’
ชายหนุ่มเผลอยกมือขึ้นลูบริมฝีปากเบาๆ ผิวหน้าร้อนเห่อ จูบเมื่อตอนเย็นยังคงทำให้ลิ้นยังรู้สึกหวาน
“ท่านพี่ ยังไม่นอนอีกหรือเจ้าคะ?”
ครั้นหันไปเห็นอนุภรรยาของตนเองก็หน้าเสีย
“เสี่ยวหลิง เหตุใดเจ้ายังไม่นอน?”
“ข้าได้ยินเสียงกุกกักก็เลยออกมาดูเจ้าค่ะ สีหน้าท่านพี่ไม่ดีเลย กังวลเรื่องใดหรือเจ้าคะ? เงินรางวัลที่ท่านได้มาครั้งนี้เราก็พอจะซ่อมแซมบ้านได้หมดทุกจุดแล้วนี่”
“ข้ามีเรื่องอื่นต้องคิดน่ะ”
เงาดำตะคุ่มที่อยู่บนหลังคามองเห็นสองสามีภรรยานั่งพูดคุยกันอยู่ที่ม้าหินใกล้สระน้ำก็รู้สึกหงุดหงิด ที่ผ่านมา หวังฮั่นลอบเข้ามาดูกู้เจิ้งจีหลายครา เขาเห็นคนทั้งสองนั่งพูดคุยกันอยู่บ่อยครั้งแต่ไม่เคยสองสามีภรรยาเข้าไปนอนห้องเดียวกันเลยสักครา
...ดูเหมือนความสัมพันธ์เชิงลึกของพวกเขาคงจะมีปัญหา...
หวังฮั่นซุ่มดูอยู่ไกลเกินไปจึงไม่ได้ยินสิ่งที่คนทั้งสองพูดคุยกัน เขารอจนกระทั่งกู้เจิ้งจีกับจือหลิงแยกย้ายกันไปยังเรือนนอน
‘คิดแล้วเชียว ท่านกับนางต้องมิร่วมเตียงกัน’
นักฆ่าหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาแอบดูแล้วแอบดูอีกก็ไม่เคยสองสามีภรรยาแสดงความรักต่อกันเลยสักครา พวกเขาทำตัวเหมือนเป็นพี่น้องในครอบครัวเท่านั้น
นี่คือสิ่งทำให้หวังฮั่นคิดว่า...เขามีสิทธิ์จะช่วงชิงกู้เจิ้งจีมาได้!
****************
