ข้าจะล่อลวงมือปราบ (BL)

60.0K · จบแล้ว
ซีฟางกั๋วเจีย/เอสเต้
23
บท
779
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

หวังฮั่นนักฆ่าอันดับแปดแห่งกลุ่มสิบนักฆ่าคุณธรรมแฝงกายไปเป็นมือปราบเพื่อต้องการใกล้ชิดกับกู้เจิ้งจีหัวหน้ามือปราบสุดหล่อ แต่คนผู้นั้นมีอนุภรรยาแล้ว ซ้ำยังเป็นที่หมายปองของสตรีมากมาย แม้หวังฮั่นจะได้เป็นมือปราบสมดังตั้งใจ ทว่าหัวหน้ากู้กลับมีกฎเหล็กจะไม่ยอมมีสัมพันธ์ส่วนตัวกับลูกน้องในหน่วยมือปราบที่สามของตน...หวังฮั่นจำต้องสร้างความปั่นป่วนให้หัวหน้าเสียแล้ว! ============== นิยายวายจีนโบราณเรื่องนี้ ต่อมาจากเรื่อง "ข้าจะล่อลวงนักฆ่า"

นิยายรักโรแมนติกนิยายจีนโบราณนิยายสืบสวนสอบสวนนิยายYaoiนิยายกำลังภายในนิยายย้อนยุค

บทที่ 1 โจรขโมยจูบ

“เจ้ามาใหม่หรือ?”

“ขอรับ ข้าเพิ่งสมัครมาทำงานได้สองวันนี้เอง” เสี่ยวเอ้อหนุ่มยิ้มละไม ใบหน้าของเขาน่ารักจนทุกคนต้องหันมามองซ้ำ

“มิน่า ข้าไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อน ไปจัดอาหารอย่างเดิมมาให้ข้าก็แล้วกัน”

ชายหนุ่มรูปร่างสูงกำยำ ใบหน้าคมคาย คิ้วรูปกระบี่ปลายเฉียงขึ้นเล็กน้อยบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“หัวหน้ากู้ ท่านไม่เบื่อบ้างหรือ? ข้าเห็นท่านกินอาหารแบบเดิมแบบทุกวันเลยนะขอรับ” มือปราบม่อทำหน้าฉงน

“ก็เจ้าไม่ยอมสั่งเสียที ข้าขี้เกียจจะดูรายการอาหาร รีบสั่งจะได้กินก่อนเจ้าอย่างไรเล่า?”

“อ้าว! นี่ท่านคิดจะกินให้อิ่มก่อนข้าแล้วรีบไปสืบคดีอีกแล้วใช่หรือไม่? คราวก่อนก็ทีหนึ่งแล้วนะ ท่านไปก่อนก็จับคนร้ายได้ก่อน รับเงินรางวัลนำจับไปคนเดียว”

“ม่อชิงฉือ เจ้ามัวแต่ลีลาอยู่นั่น คดีนี้เงินรางวัลตั้งห้าร้อยตำลึง หากเจ้าไปตามข้าไม่ทันก็ไม่ได้รับส่วนแบ่งเช่นเดิม รู้ไว้ด้วย”

หวังฮั่นเสี่ยวเอ้อคนใหม่ถือถาดนำอาหารหนึ่งจานสองถ้วยมาวางต่อหน้ามือปราบผู้หล่อเหลา เสี่ยวเอ้อผู้น่ารักอดจะยิ้มมุมปากมิได้

‘ในที่สุดก็ได้เห็นหน้าท่านใกล้ๆ เสียที’

ม่อชิงฉือมองตามแผ่นหลังตั้งตรงของหวังฮั่นแล้วเอียงศีรษะมากระซิบ

“หัวหน้ากู้ ข้ารู้สึกว่าเสี่ยวเอ้อผู้นั้นสนใจท่านนะ”

“คนใด?”

“คนมาใหม่เมื่อครู่อย่างไรเล่า?”

“มิใช่กระมัง? เขามาใหม่ก็คงจะพยายามจดจำลูกค้าอยู่” หัวหน้ามือปราบหน่วยที่สามแสร้งก้มหน้าตักน้ำแกงเข้าปากราวกับมิได้สนใจฟัง

หวังฮั่นหลบออกไปทางหลังร้าน คดีที่หัวหน้ากู้พูดถึงเขาเองก็ตามสืบอยู่เช่นกัน บุตรชายคหบดีสกุลหลานที่อยู่ตำบลฝูโจวถูกคนร้ายจับตัวไปตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น สำนักมือปราบเมืองหลวงส่งคนหน่วยที่หนึ่งกับสองออกไปไล่ล่าคนร้าย ทว่าตอนนี้ยังหาตัวไม่พบ

บุรุษในชุดมือปราบวิ่งลิ่วไปเพียงลำพัง เขาอุตส่าห์ควบม้าออกมาจากเมืองหลวงมุ่งหน้ามาทางตะวันออกเกือบสามสิบลี้ตามที่สายสืบในหน่วยของเขาบอก

“พวกมันจับคุณชายหลานเอาไว้ในเรือนนั้น” สายสืบของมือปราบบุ้ยบ้ายไปทางเรือนร้างพังๆ ที่ปิดเอาไว้มิดชิด

“ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“เมื่อตอนเช้าตรู่นี่เอง เมื่อวานข้าตามหาร่องรอยพวกมันจนพบเรือนนี้เข้า เห็นว่ามันเหมาะจะซ่อนตัว ไม่น่าเชื่อว่าอีกครึ่งชั่วยามพวกมันก็เข้ามาที่นี่จริงๆ”

กู้เจิ้งจีฟังแล้วขมวดคิ้วมุ่น “เหตุใดเจ้าจึงรออยู่ที่นี่ถึงครึ่งชั่วยาม?”

“เอ่อ...ข้า”

“พูดมา...” น้ำเสียงของหัวหน้าสุดหล่อคล้ายจะหงุดหงิดนิดๆ

สายสืบสาวน้อยยกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆ “ปัดโธ่! พี่เจิ้งจี ท่านจะบีบคั้นข้าทำไม? ก็ได้ๆ ข้าง่วงนอนน่ะสิ”

“ก็แค่นั้น ข้าคิดแล้วเชียวว่าเจ้าตามพวกเขามาไม่ได้หลับได้นอน คงจะไปแอบงีบที่ใดสักแห่ง ว่าแต่เจ้านอนอยู่ที่ไหนหรือ?”

เด็กสาวชี้ขึ้นไปยังต้นไม้ใหญ่พุ่มใบหน้า “ข้าผูกเปลนอนอยู่ข้างบนน่ะสิ”

กู้เจิ้งจีเงยหน้าขึ้นมองแล้วพยักหน้า “ใช้ได้ นับว่าที่ข้าสอนเจ้าไป ไม่สูญเปล่า นอนอย่างนี้ล่ะถึงจะปลอดภัย”

กู้เฉียวเหว่ยทำหน้าปลาบปลื้มที่พี่ชายชื่นชม “ขอบคุณพี่ใหญ่”

“เจ้าปลอดภัยก็ดีแล้ว หากข้าจับตัวพวกมันได้ เงินรางวัลจะแบ่งให้เจ้าสามส่วนก็แล้วกัน”

เด็กสาวทำตาโต นางยิ้มกริ่มพลางนึกถึงกระบี่ของช่างสกุลอ๋าวที่วางจำหน่ายหน้าร้านอาวุธในเมืองหลวง อุตส่าห์ลดราคาไปตั้งห้าสิบตำลึงนางก็ยังไม่มีปัญญาจะซื้อ

“ท่านรีบเข้าไปเถิด ก่อนที่พวกมันจะคิดพาคุณชายหลานหนีไปเสียก่อน”

สายสืบหญิงรีบบอกพี่ชาย ฝีมือของนางมีแค่พอป้องกันตัวและใช้หลบหนี ยังไม่มากพอที่จะช่วยพี่ชายเข้าจับกุมคนร้าย หากผลีผลามเข้าไปจะกลายเป็นภาระให้กู้เจิ้งจีต้องป้องกันอีก ภารกิจการช่วยคุณชายหลานอาจจะล้มเหลวและนั่นหมายถึงเงินรางวัลนำจับอาจจะหลุดลอยไป

“เจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่คอยสกัดพวกมันตามเดิมก็แล้วกัน”

“เจ้าค่ะ”

ร่างในชุดดำที่ซุ่มดูการพูดคุยของสองพี่น้องสกุลกู้ ตามหลังกู้เจิ้งจีไปโดยทิ้งระยะห่างพอสมควร ในฐานะนักฆ่าอันดับแปดของกลุ่มสิบนักฆ่าคุณธรรม หวังฮั่นถูกฝึกให้สะกดรอยโดยที่เหยื่อยากจะรู้ตัว

เขากระโจนขึ้นไปบนหลังคา ยอบกายลงค่อยๆ แนบร่างลงกับกระเบื้องดินเผาแล้วค่อยๆ ดึงเอาแผ่นกระเบื้องออก ส่ายตามองลงไปข้างล่าง

‘เอ๊ะ! โดนพวกมันดักจนได้’

กู้เจิ้งจีซวนเซล้มลง คนร้ายสามคนกรูกันเข้าไปหิ้วปีกของหัวหน้ามือปราบขึ้นนั่งบนเก้าอี้ ใช้ผ้าคาดปิดตา มัดมือและเท้าของเขาเข้ากับเก้าอี้อย่างแน่นหนา

“ลูกพี่ เราน่าจะฆ่ามันเลยนะ”

“ไม่ได้ๆ เราแค่คิดจะขโมยของ แต่นี่กลับต้องพลาดพลั้งจับคนมาด้วยกลายเป็นความผิดพลาดใหญ่โตจนต้องถูกตามล่า แค่นี้ยังไม่ลำบากหรือไร?”

“เราไม่ได้อยากจับมันมาสักนิด คุณชายหลานผู้นี้มันแอบตามเรามาเองต่างหาก ถ้าไม่จับมันไว้มันก็จะแหกปากเรียกคนมาจับเรา ข้าเลยจำต้องมัดแล้วลากมันมาด้วยนี่ล่ะ”

“เออๆ ตอนนี้มัดมันสองไว้แล้วเราก็รีบหนีกันเถอะ ข้าได้ยินว่าตอนนี้คหบดีหลานกำลังตั้งรางวัลนำจับพวกเราห้าร้อยตำลึง พวกมือปราบก็พากันแห่ออกมาตามหาเรากันยกใหญ่”

“ถ้าอย่างนั้น เจ้ามือปราบผู้นี้ก็คิดจะมาจับเราน่ะสิ”

“ก็ใช่น่ะสิ ไปกันเถอะ ทิ้งมันสองคนไว้ที่นี่ล่ะ”

หัวขโมยทั้งห้ารีบพากันหิ้วข้าวของเดินไปทางด้านหลังเพื่อจะขึ้นม้า ทว่ากลับมีร่างในชุดดำปิดหน้ามิดชิดลอยลงมาจากหลังคายืนขวางหน้าเอาไว้

“เจ้า...เจ้าใส่ชุดอย่างนี้มิใช่ว่า...”

“ข้าเป็นนักฆ่า”

“ไอหยา!” คนทั้งห้าถึงกับผงะ

พวกมันมีวรยุทธ์กันคนละเล็กละน้อย อาศัยความใจกล้าลอบเข้าคฤหาสน์สกุลหลานเพราะหวังจะขโมยของมีค่า แต่ก็ไม่คิดว่าตอนนี้กลับต้องหนีหัวซุกหัวซุน

“เอาอย่างไรดี?” เจ้าคนที่ยืนอยู่ซ้ายสุดหันไปปรึกษาสหายทั้งสี่

พวกมันหันมามองบุรุษสูงโปร่งในชุดดำที่ถือกระบี่ด้วยท่วงท่าที่ดูแล้วชวนคนหัวลุก ต่างคนต่างก็กลืนน้ำลายเหนียวๆ แทบไม่ลงคอ

...เป็นครั้งแรกที่พวกมันได้เจอกับนักฆ่าตัวเป็นๆ...

“ว่าอย่างไร? จะให้ข้าเชือดคอพวกเจ้าก่อน หรือว่าจะยอมให้ข้าจับกุมโดยดีจะได้ไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ”

เคร้ง! เคร้ง! คร้าง!

คนทั้งห้าพร้อมใจกันโยนดาบลงพื้นพร้อมกันและยกมือขึ้นเหนือศีรษะ

“ข้ายอมแล้ว!”

หวังฮั่นถอนหายใจและส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา เขาเก็บกระบี่เข้าฝัก ควักเอาขวดกระเบื้องสีน้ำตาลออกมาแล้วสาดผงสีดำใส่หน้าของคนร้ายทั้งห้าอย่างรวดเร็ว ร่างพวกมันผล็อยร่วงลงพื้นแทบจะพร้อมกัน

“เฮ้อ! หากริจะเป็นโจรก็น่าจะเป็นมืออาชีพกว่านี้หน่อย”

หวังฮั่นย้อนกลับไปในเรือนร้าง เขาเดินไปเชยคางของกู้เจิ้งจีที่คอพับอยู่บนเก้าอี้แล้วเดินไปดูบุรุษอีกคนที่นอนกลิ้งอยู่ที่พื้น ครั้นพลิกร่างที่นอนคว่ำมาดูก็พบว่าคุณชายหลานผู้นั้นนับว่าเป็นบุรุษหน้าตาดีผู้หนึ่ง

“อืม...เห็นทีคงต้องวีรสตรีมาช่วยบุรุษรูปงามน่าจะดี”

หัวหน้ามือปราบหนุ่มที่พยายามหลบผงนิทราที่ถูกซัดมาแต่ยังไม่วายจะโดนเข้าไปเล็กน้อย เขาจึงได้หมดสติไปชั่วขณะหนึ่ง ชายหนุ่มรู้ว่าตนเองถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ ทั้งยังมองไม่เห็นสิ่งใดก็ค่อยๆ ทบทวนความทรงจำ

...เขาน่าจะถูกมัดเอาไว้บนเก้าอี้และที่สำคัญถูกปิดตาเสียด้วย...

เสียงฝีเท้าที่เบากว่าคนฝึกวรยุทธ์ทั่วไปทำให้กู้เจิ้งจีพอจะเดาได้ว่าคนที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าเขาค่อนข้างจะร้ายกาจ

หวังฮั่นหันกลับมามองบุรุษที่ถูกมัดไว้นั่งคอตกอยู่ด้วยความเป็นห่วง เขาใช้มือข้างหนึ่งประคองใบหน้าของห้วหน้ามือปราบขึ้น แต่พอปล่อยใบหน้านั้นก็เอียงลงเช่นเดิม

กู้เจิ้งจีไม่ยอมเอ่ยปากออกมาเพราะอยากจะรู้ว่าคนตรงหน้าคิดจะทำสิ่งใด มือของเขากำลังพยายามแกะเชือกออกทีละนิด แต่กลับเกิดสิ่งที่คาดไม่ถึง

...ใบหน้าของเขาถูกประคองขึ้นด้วยสองมือเรียวและริมฝีปากนุ่มก็ประทับที่แก้มซ้ายและแก้มขวา...

‘หะ! เจ้าโจรชั่ว! กล้าจูบแก้มข้าเยี่ยงนี้หมายความว่าอย่างไร?’

*******************