บทที่ 5 ท่านหมออู๋
หัวหน้ามือปราบขมวดคิ้ว เขายังไม่เห็นหวังฮั่นสอบถามทางไปห้องส้วมกับผู้ใด เหตุใดจึงรู้ว่าต้องเดินไปทางนั้น?
“เอาน่า เจ้าส่งบ่าวรับใช้ตามไปดูแลเขาหน่อยก็แล้วกัน ในเมื่อเขาเป็นแขกก็คงต้องการความช่วยเหลือล่ะ เผื่อว่าเขาจะหาสุขาไม่เจอ”
กู้เฉียวเหว่ยเห็นด้วย นางจึงหันไปสั่งบ่าวรับใช้ให้ตามไป ครู่หนึ่งก็ได้รับรายงานที่ตรงกับความคาดหมาย
“นายท่าน มือปราบหวังไปที่สุขาขอรับ”
กู้เจิ้งจีพยักหน้ารับ เขาเริ่มสงสัยในตัวมือปราบหวังเข้าให้แล้ว
‘หวังฮั่นทำตัวเหมือนคุ้นเคยกับบ้านของข้าเยี่ยงนี้ เห็นทีจะต้องจับตามองเขาเป็นพิเศษ’
ครั้นเดินกลับมานั่งที่โต๊ะอาหารของตน หวังฮั่นรู้สึกเหมือนตนเองถูกคนจับตามอง เขาจึงหันไปดู สายตาคมกล้าของบุรุษที่นั่งอยู่โต๊ะเจ้าภาพคอยเหลือบมองเขาอยู่เป็นระยะ
นักฆ่าหนุ่มรู้สึกสะดุดใจจึงได้รินสุราเสหันไปชนจอกกับสหายที่นั่งอยู่ข้างๆ นางระบำที่ถูกว่าจ้างมาจากหอสังคีตเล่นดนตรีและร่ายรำชวนให้มือปราบหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เพลิดเพลิน
อนุจือคอยกำกับบ่าวรับใช้และสาวใช้ให้ดูแลแขกที่มาร่วมงานอย่างดีที่สุด หวังฮั่นพยายามเงี่ยหูฟังมือปราบที่ทำงานมาก่อนพูดคุยกันถึงเรื่องในครอบครัวของกู้เจิ้งจี พอพวกเขาร่ำสุราไปหลายกาก็เริ่มหันไปกระเซ้าหัวหน้าหน่วย
“เมื่อใดหัวหน้ากู้จะมีคุณชายกู้ตัวน้อยสักทีเล่าขอรับ? นี่ท่านก็มีอนุภรรยามาตั้งปีกว่าแล้วนะ พวกข้ารอคอยจะฉลองให้ท่านอยู่”
ดวงตาของกู้เจิ้งจีทอประกายอึดอัดเพียงแว่บแล้วก็ทำหน้านิ่ง
“น่าจะยังหรอกมือปราบซ่ง ข้ายังไม่วางใจเลย อยากให้น้องรองกับน้องเล็กได้คู่ครองที่ดีเสียก่อน”
“น้องชายของท่านเป็นทหารในค่ายฉู่จิ้งมิใช่หรือ? ป่านนี้อาจจะพบรักกับแม่นางแถวๆ เมืองโน้นแล้วก็ได้นะขอรับ”
“ข้าก็หวังว่าจะได้ยินข่าวดีของเขาเช่นกัน”
ม่อชิงฉือยิ้มกว้าง “เอาน่าๆ มือปราบซ่ง ท่านอย่ามัวมาสนใจเรื่องของหัวหน้ากู้นักเลย ท่านไม่เห็นหรือไรว่าคุณหนูละแวกนี้หลายคนอยากจะมาเป็นฮูหยินในบ้านนี้กันจะแย่ อีกไม่นานหัวหน้ากู้ของพวกเราอาจจะมีลูกหัวปีท้ายปีก็ได้”
“จริงด้วย ข้าลืมไป ไม่แน่ว่าท่านหัวหน้าอาจจะรอแต่งฮูหยินเสียก่อน ขออภัยจริงๆ ขอรับที่ข้าลืมเรื่องนี้ไป”
ยิ่งฟังใบหน้าของหวังฮั่นก็ยิ่งอึมครึม
‘จริงสิ ข้าลืมไป...เขายังไม่แต่งฮูหยินเอก จือหลิงเป็นแค่อนุภรรยา เขาจึงมิได้รักใคร่ไยดีนางมากนัก’
พวกขุนนางในเมืองหลวงส่วนใหญ่ยังคงนิยมแต่งอนุภรรยาเข้าบ้านเพิ่มเติมเพื่อที่จะได้มีทายาทสืบสกุลมากขึ้น ปัจจุบันหมิงฮ่องเต้ทรงมีเพียงฮองเฮาเป็นภรรยาเพียงผู้เดียว ทำให้ขุนนางยุคใหม่มักจะมีเพียงฮูหยินคนเดียว
มือปราบซ่งยังไม่ยอมแพ้หันไปยิ้มให้กู้เจิ้งจี
“ท่านหัวหน้าขอรับ ไม่ว่าจะเป็นคุณหนูจงหรือคุณหนูหว่านต่างก็เป็นสตรีที่คู่ควรกับท่านทั้งนั้น หากว่าท่านแต่งฮูหยินเมื่อใด ข้าต้องยอมควักเงินเก็บมาใส่ซองมากเป็นแน่”
แปะ! แปะ!
ทุกคนปรับมือเฮฮา ร้องอวยพรให้กู้เจิ้งจีแต่งฮูหยินโดยเร็ว
“แต่งเลย! แต่งเลย!”
หวังฮั่นหันไปมองดูจือหลิง เขาคิดว่านางจะต้องเศร้าใจหากกู้เจิ้งจีแต่ภรรยาเอกเข้าบ้าน ทว่าสิ่งเห็นกลับตรงกันข้าม
‘นี่นางไม่หึงหวงสามีเลยหรือไร? ขนาดข้าได้ยินยังไม่พอใจ’
จือหลิงยิ้มกริ่มหันไปตบมือหัวเราะกับกู้เฉียวเหว่ย
กู้เจิ้งจีมองดูใบหน้าบึ้งตึงของมือปราบคนใหม่ด้วยความดีใจอยู่ลึกๆ ดูเหมือนหวังฮั่นสนใจในตัวเขาอยู่ไม่น้อยเพราะลอบชำเลืองมาทางเขาอยู่บ่อยๆ
แต่ตอนนี้เสี่ยวเอ้อน้อยผู้นั้นกลายมาเป็นลูกน้องของเขาแล้ว กฎเหล็กของเขาไม่อาจจะถูกทำลายลง
สามวันต่อมาเป็นวันหยุดงานของกู้เจิ้งจี เขารู้สึกกลัดกลุ้มกับความรู้สึกที่ร้อนรุ่มข้างในจนต้องไปหาสหายคนสนิทที่มีบ้านอยู่เลยสวนบึงหงส์ สวนสาธารณะขนาดใหญ่ของเมืองหลวง
“เจ้ามาหาข้าถึงที่นี่ เห็นทีคงมีเรื่องที่จัดการไม่ได้”
“อืม...ยากจริงๆ”
“อู๋หยาง เจ้าเคยพบคนที่ถูกใจจนคิดถึงทั้งวันทั้งคืนแล้วหรือไม่?”
ท่านหมออู๋ที่กำลังถือจอกน้ำชาจ่อที่ริมฝีปากถึงกับชะงัก หมอหนุ่มผู้หล่อเหลาวางจอกนั้นลงกับโต๊ะแล้วจ้องหน้าสหายอย่างจริงจัง
“เจ้าเจอคนผู้นั้นแล้วหรือ?”
กู้เจิ้งจีถอนหายใจหนักหน่วง “ใช่! ทีแรกที่ข้าเห็นเขา เขาเป็นเพียงเสี่ยวเอ้อผู้หนึ่งของร้านรสโอชา แต่ตอนนี้เขากลายมาเป็นลูกน้องในหน่วยมือปราบของข้า”
“ไอหยา! ถ้าอย่างนั้นก็แย่เลยสิ กฎเหล็กของเจ้าคือไม่ยุ่งเกี่ยวเชิงชู้สาวกับลูกน้องมิใช่หรือ?”
“นี่ล่ะ! สิ่งที่ข้าหนักใจ แม้ข้าจะชอบเขามากแต่ข้าก็ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับมือปราบในหน่วยของข้า”
“เจ้าทำสีหน้าเยี่ยงนี้คงจะชอบเขามากทีเดียว”
“อืม...ข้าชอบเขามาก ตอนที่เขาหายหน้าไปฝึกเป็นมือปราบสามเดือน ข้าก็ยังคงคิดถึงเขาอยู่เรื่อย แต่ไม่คาดว่าเขาจะมาเป็นมือปราบในหน่วยของข้า”
“แล้วเขาเล่า? เขาชอบเจ้าหรือไม่?”
“ข้าเห็นเขาชำเลืองมองข้าอยู่บ่อยครั้ง เถ้าแก่ที่ร้านรสโอชาก็บอกกับข้าว่าเขาชื่นชมข้ามากจนอยากเป็นมือปราบเหมือนข้า”
มือเรียวขาวของอู๋หยางตบลงบนบ่าสหายหนักๆ
“ยิ่งเขาชื่นชมเขาก็ยิ่งต้องระมัดระวังตัวให้ดี เพราะหากเจ้าแสดงตัวว่าชอบเขาแล้วเขาไม่ได้ชอบเขาจะทำให้มองหน้ากันไม่ได้”
“นั่นล่ะ ที่ข้าหนักใจ เห็นทีข้าเองอาจจะต้องทำใจเรื่องคนผู้นี้ไปเสีย”
“เจ้าทำหน้าอย่างนี้ ข้าว่ามันคงจะทำไม่ได้ง่ายๆ อย่างที่คิด”
“แล้วเจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร?”
“เจ้าก็ต้องหาทางพิสูจน์ให้ได้ว่าเขาเองรู้สึกชอบเขาในแบบเดียวกัน”
สีหน้าของกู้เจิ้งจีไม่ได้ดีขึ้น ทำให้ท่านหมออู๋ทำหน้าฉงน
“ข้าก็ให้คำแนะนำเจ้าแล้วนี่ ยังมีสิ่งใดขัดข้องในใจเจ้าอีก?”
“เออ...ข้ายังมีอีกเรื่องหนึ่ง”
“ยังมีเรื่องบุรุษใดอีกหรือ?”
“ข้ายังไม่แน่ใจว่าคนผู้นั้นเป็นบุรุษหรือสตรี?”
“เอ๋? ไหนเล่ามาซิ”
กู้เจิ้งจีจึงเล่าเรื่องของคนลึกลับที่มักจะเข้ามาช่วยเหลือเขาในยามที่ออกสืบคดีอยู่หลายคราว แต่ระยะหลังมักจะฉวยโอกาสเอาเปรียบเขาอยู่เรื่อย
“น่าแปลกจริง ยังมีคนอย่างนี้อยู่ด้วย มาช่วยและคอยลวนลามเจ้า แต่กลับไม่ยอมเปิดเผยตัวตน”
“ข้าก็อย่างจะรู้นักว่าเขาเป็นผู้ใด?”
ดวงตาของอู๋หยางกลอกกลิ้งไปมา
“ไม่แน่ว่าคนผู้นั้นอาจจะเป็นคนใกล้ชิดของเจ้า”
กู้เจิ้งจีไล่ชื่อคนที่เขานึกสงสัยให้อู๋หยางฟัง ตั้งแต่ม่อชิงฉือ คุณหนูจง คุณหนูหว่าน ไปจนชื่อสุดท้ายที่ผุดขึ้นในหัว
“หรือว่าจะเป็น...หวังฮั่น”
“หากเขาสามารถไปช่วยเจ้าจับโจรได้ทุกคราว ย่อมต้องมีวรยุทธ์ แค่เจ้าลองสืบดูว่าคุณหนูทั้งสองมีวรยุทธ์หรือไม่? ก็ช่วยตัดตัวเลือกออกไปได้แล้ว”
“จริงของเจ้า เรื่องนี้ข้าฝากเจ้าช่วยสืบได้หรือไม่? ข้าว่าดูๆ ไปแล้วเจ้าว่างที่สุด”
“ทำไมเจ้าไม่ให้น้องสาวเจ้าไปสืบเล่า? นางก็เป็นสายสืบมิใช่หรือ?”
“ได้อย่างไร? เจ้าก็รู้เรื่องของเราสองคนเป็นความลับ”
“ก็ได้ๆ”
อู๋หยางเป็นเพียงคนเดียวที่รู้เรื่องที่กู้เจิ้งจีเป็นต้วนซิ่วเพราะอู๋หยางเองก็เป็นเช่นเดียวกัน พวกเขาสองคนเคยเรียนร่วมชั้นกันในวัยเด็ก ครั้นย่างเข้าอายุสิบสอง อู๋หยางที่แน่ใจว่าตนเองชอบบุรุษเพศก็ได้พบตำราหลงหยางในหีบเก็บที่ห้องเก็บของท้ายคฤหาสน์ของตน เขาจึงแอบเอามาดู
ต่อมาช่วงอายุสิบสาม อู๋หยางสนิทกับกู้เจิ้งจีด้วยความอยากระบายความอึดอัดเขาจึงเล่าให้กับกู้เจิ้งจีฟังและขอให้กู้เจิ้งจีเก็บเป็นความลับ พร้อมกับนำเอาตำราหลงหยางที่เขาซ่อนเอาไว้มาให้กู้เจิ้งจีได้ดูด้วย
...ภายหลัง กู้เจิ้งจีจึงได้แน่ใจว่าเขาเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับสหาย...
“ว่าแต่วันนี้ เจ้าจะไปหอหลบจันทร์กับข้าหรือไม่?”
หอหลบจันทร์ที่อู๋หยางหมายถึงก็คือสถานที่ลับสำหรับพวกชายรักชายในเมืองหลวง มีบุรุษรูปร่างอ้อนแอ้นที่เต็มใจจะให้บริการทางเพศอยู่มากมาย และยังเป็นที่นัดพบเพื่อเลือกคู่สำหรับบุรุษที่เป็นต้วนซิ่วด้วย
แม้ในเมืองหลวงแคว้นหมิงยามนี้จะมิได้รังเกียจคู่รักเพศเดียวกัน แต่หลายคนก็ยังไม่อยากเปิดเผย
“เจ้ามีนัดกับผู้ใดเอาไว้หรือ?”
*********************
