บทที่ 5 นิดเดียวนะเด็กดี
“เจ้าเลิกให้ข้ากินยาบ้าๆ นี่ได้แล้ว ข้าไม่ได้ออกแรงแขนขาเช่นนี้ อีกไม่นานก็คงกลายเป็นคนพิการแน่”
“ถ้าไม่ให้เจ้ากินยาอ่อนแรง เจ้าก็หนีข้าได้สิ ดีไม่ดีอาจจะคิดฆ่าข้าเสียก่อนจะไปด้วยก็ได้”
“ข้าฆ่าเจ้าแน่! แต่มิใช่ด้วยเรื่องที่หัวหน้าของข้าสั่งมา แต่ที่ข้าคิดจะฆ่าเจ้าในตอนนี้เป็นเพราะเจ้าล่วงเกินข้า”
ไฉปิงหัวเราะหึๆ พร้อมกับทำตาโต
“นั่นเป็นเรื่องที่เจ้าก็ชอบด้วยต่างหาก”
“ข้าไม่ได้ชอบสักหน่อย”
เจ้าของห้องจอมเจ้าเล่ห์หันไปหยิบตำราที่วางไว้บนโต๊ะแล้วขึ้นมานั่งข้างหลิ่วจิง สายตาของนักฆ่าปราดไปมองที่หน้าปก เขาตกใจที่เจ้ายักษ์ชั่วเอาของเช่นนี้มาให้เขาดู
“ตำรานี้เจ้าเอามาทำไมกัน?”
“เอามาให้เจ้าดูน่ะสิ จะได้รู้กันชัดๆ ว่าเจ้าชอบจริงหรือไม่?”
มือเรียวใหญ่พลิกเข้าไปด้านใน หลิ่วจิงพยายามเบือนหน้าหนีแต่ไฉปิงกลับไม่ยินยอมเขายกมืออีกข้างขึ้นจับคางให้เชลยของเขาหักมามอง
“ดูเสียสิ หากว่าเจ้าไม่รู้สึกอันใดจริงๆ ข้าจะไม่ฝืนใจเจ้า”
หลิ่วจิงที่ถูกบีบให้หันหน้ามามองภาพเสพสมตรงหน้ารีบหลับตาเอาไว้
“หากเจ้าไม่ยอมลืมตาข้าจะจูบเจ้าเดี๋ยวนี้”
ได้ยินคำขู่เช่นนั้น ชายหนุ่มหน้าหยกก็รีบลืมตาขึ้นมาทันที เขารู้ว่าไฉปิงเป็นคนพูดได้ทำได้ หากเขาสะกดใจไม่ให้อารมณ์พลุ่งพล่านได้ ไฉปิงก็คงจะไม่ข่มเหงเขา
ทว่าภาพที่ไฉปิงเปิดให้เขาดูนั้น ช่างสดสวยงดงามสมจริงยิ่งนัก บุรุษสองกันถอดเสื้อผ้ากอดจูบลูบคลำกันชวนให้วาบหวามในอก
“เจ้าดูภาพนี้ เหมือนพวกเราเมื่อวานเลย ใช่หรือไม่?”
...ภาพนั้นช่างเหมือนเมื่อวานนี้นัก ตอนที่ส่วนสำคัญของเขาตกอยู่ในเงื้อมือของศัตรู...
หลิ่วจิงเริ่มหายใจติดขัด ภาพบุรุษสองคนยืนอาบน้ำด้วยกันก็เหมือนกับตอนที่เขาเห็นร่างเปลือยของศิษย์พี่
“เจ้าหายใจแรงเช่นนี้ คงจะถูกใจสินะ”
“พูดมาก เจ้ารีบเปิดไปให้จบเล่มเสียที”
ยิ่งเปิดภาพต่อไปเรื่อยๆ อารมณ์ของหลิ่วจิงก็ยิ่งพลุ่งพล่าน เขานึกถึงจูบครั้งแรกที่ไฉปิงมอบให้ รวมทั้งเมื่อวานที่ถูกรังแกก่อนนอน
“ข้ายิ่งดูก็ยิ่งร้อน ขอถอดเสื้อหน่อยดีกว่า”
“อย่า! เจ้าอย่าถอดเสื้อเด็ดขาด!”
ไฉปิงไม่ยอมฟัง เขาถอดเสื้อนอนตัวหนาออก แผ่นอกกว้างกำยำปรากฎตรงหน้า หลิ่วจิงจ้องมองอย่างลืมตัว จะว่าไปแผ่นอกของไฉปิงกว้างกว่า ซ้ำยังดูกำยำกว่าศิษย์พี่ด้วยซ้ำ
“เลือดกำเดาเจ้าไหลแล้ว”
หลิ่วจิงไม่รู้ตัวว่าตนเองทั้งกลืนน้ำลาย ทั้งเลือดกำเดาไหล ไฉปิงหัวเราะหึๆ ในลำคอ ล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าใต้หมอนออกมาเช็ดเลือดให้กับหนุ่มน้อย
นักฆ่าหน้าหยกรู้ว่าตัวเองขายหน้าก็รีบเบือนหน้าหนี แต่ไฉปิงกลับขยับร่างของเขาไปไว้ในอ้อมแขนแล้วหยิบเอาตำราหลงหยางนั้นมากางอยู่ตรงหน้า คนร่างใหญ่เป่าลมเบาๆ ที่หลังใบหูของหลิ่วจิง
ภาพที่พวกเขาเห็นตรงหน้าเริ่มลึกซึ้งกว่าเดิม ท่าทางพวกนั้น ทำให้หลิ่วจิงหายใจแรงขึ้น
“เจ้าหยุดทำเดี๋ยวนี้” เสียงห้ามนั้นดูไม่หนักแน่น
“เจ้าดูภาพนี้สิ ทั้งสองต่างก็ช่วยเหลือกันและกันให้มีความสุข เจ้ากับข้าก็ทำเช่นนี้ได้นะ”
หลิ่วจิงพยายามขืนตัวเพื่อให้หลังที่เอนพิงไฉปิงอยู่ขยับออก แต่ไม่เป็นผล เขารู้ว่ายามนี้ตัวเขาพิงอยู่กับแผ่นอกเปลือยเปล่า แค่คิดร่างกายก็เกิดความอุ่นวูบวาบไปทั่วสรรพางค์กาย
พลันกล่องดวงใจของเขาก็เริ่มตึงขึ้น หลิ่วจิงนิ่วหน้า เขาพยายามข่มใจแต่เจ้าส่วนนั้นกลับไม่ให้ความร่วมมือ
“เจ้าเองก็รู้สึกเหมือนข้าหรือ?”
หลิ่วจิงเพิ่งรู้สึกตัวว่าไฉปิงวางมือเรียวขาวของเขาไว้บนตักของฝ่ายและยามนี้ก็มีบางสิ่งที่ขยายตัวจนเอียงมาถูกมือของเขาแล้ว
“เอามือข้าออกจากมันเร็ว!”
“เจ้าก็ยกออกเองสิ สองมือของข้าก็กางตำราให้เจ้าดูอยู่นี่อย่างไร?”
มือของหลิ่วจิงคล้ายกับถูกไฟอุ่นๆ ลวก ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นหายใจฟืดฟาด ใบหน้าก็ไฉปิงเอนเข้ามา ปลายจมูกเป็นสันของคนข้างหลังถูกไถแนวข้างแก้มจนผิวหน้าของหลิ่วจิงร้อนผ่าว
เขาก้มลงมองที่หน้าตักของตนเอง เมื่อเห็นร่างกายตนเองคึกคักอย่างนั้นก็พลันตกใจ ไฉปิงอมยิ้มมองตาม
“ข้าบอกแล้วว่าที่จริง เจ้าชอบแบบนี้ ตัวเจ้าเมื่อเห็นบุรุษเต็มไปด้วยมัดกล้ามล่ำสันแล้วรู้สึกอึดอัดอยู่ภายใน ใคร่อยากจะระบาย ใช่หรือไม่?”
หลิ่วจิงไม่ตอบ เขานิ่วหน้าด้วยความทรมาน อยากจะใช้มือช่วยให้สิ่งที่อัดอั้นถูกปลดปล่อยออกมา ไฉปิงอ้าปากงับใบหูแล้วใช้ลิ้นดุนดัน หลิ่วจิงร่างกายกระตุกเบาๆ เขาส่ายหน้าด้วยความรัญจวนใจ
“พูดสิ! เจ้าอยากให้ข้าช่วย” น้ำเสียงกระเส่าที่เป่าอยู่ซอกคอ ยิ่งทำให้หลิ่วจิงยากจะกดข่ม
เมื่อเห็นว่าหลิ่วจิงไม่ตอบ ซ้ำยังครางเบาๆ ในลำคอ ไฉปิงก็วางหนังสือบนหัวเข่าของนักฆ่าแล้วสอดมือเข้าไปในสาบเสื้อของเชลย ลูบไล้หน้าอกของหลิ่วจิงขึ้นลงช้าๆ
“เจ้า...เจ้า...”
ไฉปิงรู้แล้วว่าหลิ่วจิงยากจะต้านทานแรงปะทุจากภายใน เขาจูบไล่ตามซอกคอ ปลดเปลื้องเสื้อนอนของหนุ่มหน้าหยกแล้วดูดเม้มเบาๆ ที่หน้าอกอีกฝ่าย
“เจ้ายังอยากให้ข้าหยุดอยู่หรือไม่?”
หลิ่วจิงจ้องหน้าของไฉปิง ใบหน้าและลำคอแดงก่ำ หายใจเร็ว
“ยังจะถามอีก...” เสียงตอบนั้นแตกพร่า
บุรุษร่างใหญ่ประคองให้คนให้อ้อมกอดนอนราบลงกับพื้นเตียง กุมเอามือเรียวขาวขึ้นมาทาบบนหน้าอกแกร่งของตนแล้วลูบขึ้นลง ก่อนจะเลื่อนลงต่ำไปยังเบื้องล่าง เชือกที่กางเกงถูกดึงออก มือของหลิ่วจิงถูกจับให้ซุกเข้าไปข้างใน
“ข้าอยู่ในกำมือเจ้าแล้ว”
ใบหน้าของหลิ่วจิงแดงขึ้นไปกว่าเดิม เขารับรู้ถึงขนาดและความแข็งแกร่งของไฉปิง ร่างจึงสะท้านน้อยๆ มือของเขาถูกยกขึ้นมาประสานกับมือที่ใหญ่กว่า
ริมฝีปากของคนที่เขาคิดจะฆ่าจูบวนเวียนต่ำลงไปตามแนวลูกคลื่นกล้ามเนื้อ หลิ่วจิงสะดุ้งเฮือกเมื่อเขาตกอยู่ในกำมือของคนร่างใหญ่อีกครั้ง แต่คราวนี้ไฉปิงไม่ได้ใช้แค่มือ กลับยังใช้ปากด้วย
“ไฉปิง....ไฉ...ปิง”
จอมเจ้าเล่ห์เงยหน้าขึ้น มองดูสายตาที่ประสานมาแล้วก็ยิ่งทำให้หลิ่วจิงร้องเสียงหลงยิ่งขึ้น หนุ่มนักฆ่าเริ่มรู้สึกว่าแขนขาของตนมีแรงขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ความอุ่นร้อนกลับไหลวนไปทั่วร่างกาย
มือเรียวขาวบีบมือของไฉปิงแรงขึ้น ไฉปิงรู้ตัวแล้วว่าใกล้เวลาที่ยาอ่อนแรงเริ่มจะหมดฤทธิ์...เช่นนั้นต้องทำให้เชลยของเขาอ่อนแรงด้วยวิธีอื่น
ร่างใหญ่หยัดกายขึ้นคร่อมร่างของหลิ่วจิง ล้วงมือข้างหนึ่งเข้าไปใต้หมอน หยิบตลับแบนอันหนึ่งออกมา
“นั่นอะไร?”
“ของที่ต้องใช้เพื่อให้เจ้าไม่เจ็บมาก”
กว่าหลิ่วจิงจะเข้าใจก็ตอนที่ช่องขับถ่ายด้านหลังของเขาถูกไฉปิงล่วงล้ำด้วยนิ้วเข้าไปแล้ว
“อั่ก! อ๊า!”
“เรากำลังจะทำแบบตำราเล่มนั้นอย่างไรเล่า?”
หลิ่วจิงคิดจะอ้าปากร้องห้ามแต่ไม่ทันเสียแล้ว เขารู้สึกอึดอัดที่ส่วนล่างอย่างมาก นิ้วเรียวใหญ่ของไฉปิงทำหน้าที่สำรวจเส้นทางอย่างชำนาญ นักฆ่าหน้าหยกมัวแต่ร้องครวญครางจึงไม่มีเวลาคิดจะห้าม
“เจ็บนะ ข้าเจ็บ”
“แรกๆ ก็อย่างนี้ เดี๋ยวก็หายนะเด็กดี” คำปลอบโยนด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำทำให้หลิ่วจิงสงบลงเล็กน้อย
แต่แล้วไฉปิงก็จับขาของเขาแยกออกกว้างกว่าเดิม และยังยกให้สูงขึ้น หลิ่วจิงนึกถึงภาพสุดท้ายที่ตนเองเห็นเมื่อครู่ก็ทำตาเหลือก ก้มลงมองระหว่างขา
....เจ้ายักษ์ชั่วกำลังคิดจะทารุณเขาแล้ว....
อึก! อั่ก!
ขาสองข้างที่ถูกไฉปิงจับแยกออกจากกันพลันยกสูงกันแล้วเหนี่ยวเข้าที่เอวหนาของคนที่อยู่ข้างบน หลิ่วจิ่งกำกำปั้นทุบบนไหล่ของไฉปิงอย่างแรง แต่ฝ่ายที่คร่อมอยู่กลับไม่สะทกสะท้าน
“นิดเดียวนะเด็กดี”
“ข้าไม่ใช่เด็กดีของเจ้า”
“อึก!”
ครั้งนี้ตัวตนของเจ้ายักษ์ชั่วเข้าไปในร่างเขาจนหมด
“เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าโล้ชิงช้าเอง”
**********************
*ตำราหลงหยาง เป็นหนังสือที่วาดภาพการร่วมรักของชายกับชาย
