บทที่ 6 เจ้าเป็นน้องหญิง
หลิ่วจิงซบหน้าลงกับหมอน ยาอ่อนแรงหมดฤทธิ์แล้วแต่เขากลับหมดเรี่ยวแรงเพราะเจ้ายักษชั่วไฉปิง
เขาพลาดไปแล้ว เพราะถูกคนผู้นั้นล่อลวงด้วยตำราต่ำทรามเยี่ยงนั้นจึงไม่อาจสงบสติอารมณ์ลงได้ หลิ่วจิงรู้ว่าตนเองทั้งกอดทั้งใช้ปลายนิ้วจิกข่วนแผ่นไหล่หนาอย่างแรง มิใช่เพื่อหวังจะทำร้าย หากแต่เป็นการระบายความรุ่มร้อนภายใน
...น่าเจ็บใจนักที่ระงับความพลุ่งพล่านเช่นนั้นไม่ได้...
“น้องหญิง เจ้าเหนื่อยมากเลยหรือ?”
นักฆ่าหน้าหยกสะบัดหน้าหนี แต่ริมฝีปากของไฉปิงกลับยังซุกลงที่ท้ายทอยเม้มแรงจนหลิ่วจิงร้องด่าออกมา
“เจ้าทำบ้าอันใดอีก?”
เขารู้สึกว่าท้ายทอยเจ็บเล็กน้อย
“ข้าทำสัญลักษณ์ความเป็นเจ้าของเพิ่มน่ะสิ”
เสียงตีเกราะบอกเวลาดังขึ้น ไฉปิงเงยหน้าแล้วดีดตัวลุกทันที พวกบ่าวรับใช้ต้องรีบออกไปรายงานตัวก่อนการเคาะเวลาครั้งที่สอง
หลิ่วจิงยกแขนขึ้นแล้วตกใจกับวงกลมสีแดงที่อยู่เต็มแขน เมื่อก้มลงมองหน้าอกและช่วงตัวของตนเองก็เต็มไปรอยแบบนั้นเต็มไปหมด เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
ตลอดคืนเจ้าไฉปิงทำเอาเขาต้องส่งเสียงร้องจนเสียงแหบเสียงแห้ง
“เจ้ากินนี่ไปก่อน”
หลิวจิ่งเผลอไปครู่ ไฉปิงก็ยัดยาเม็ดลูกกลอนใส่ปากเขาเสียแล้ว
“คนเลว! เจ้าวางยาข้าอีกแล้วนะ”
นักฆ่าหนุ่มดีดตัวขึ้นพุ่งไปหาไฉปิงที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วยืนอยู่ริมเตียง
“โอ๊ะ!”
ร่างเปลือยของหลิ่วจิงโผเข้ากอดไฉปิงเอาไว้พอดี พลันแขนขาของเขาก็อ่อนแรงอีกครั้ง
“โอ๊ย!” ไฉปิงร้องลั่นเพราะถูกงับที่หัวไหล่จนเต็มแรง
เขาใช้สองมือบีบที่บั้นท้ายของหลิ่วจิงเต็มแรง จนคนกัดต้องอ้าปากร้องบ้าง ไฉปิงเดินหน้าแล้วปล่อยร่างของหลิ่วจิงให้หงายหลังลงไปบนเตียง
“ครั้งหน้า ถ้าเจ้ากัดข้าหนึ่งครั้ง ข้าจะทำโทษเจ้าสามเท่า” ไฉปิงคาดโทษด้วยน้ำเสียงดุดัน
เขากวาดสายตามองร่างเปลือยที่หงายผลึงของหลิ่วจิงอย่างมีเลศนัย
“ตอนนี้เจ้าไม่มีแรงแล้ว โทษฐานที่กัดข้า ไม่ต้องใส่เสื้อผ้าหนึ่งวัน ห่มผ้าไปก็แล้วกัน”
ไฉปิงสะบัดผ้าห่มขึ้นคลุมร่างให้หลิ่วจิงแล้วหันหลังออกจากห้องไป
เสียงซุบซิบในแถวดังหึ่งๆ คล้ายผึ้งแตกรัง ยังไม่ถึงเวลาเคาะเกราะเรียกบ่าวและสาวใช้ในวังจีรอบที่สอง ไฉปิงยืนมองความวุ่นวายของคนรับใช้ทั้งหมดด้วยความเหนื่อยหน่าย
แม้เขาจะมิใช่คนของวังจีแต่เมื่อเข้ามาอาศัยที่นี่ เยว่หลวนคุนจึงบอกให้ไฉปิงทำตัวให้กลมกลืนกับผู้อื่น
“เมื่อคืนเจ้าได้ยินเสียงร้องโหยหวนนั่นหรือไม่?”
“ได้ยินๆ เรือนพักของข้าอยู่ใกล้แถวนั้น ไม่แน่ว่าวิญญาณที่สิงอยู่ต้นไม้ใหญ่อาจจะร้องหาคนไปเป็นเพื่อน”
“ข้าว่าวิญญาณตนนั้นเป็นผู้ชายแน่ เสียงแบบนั้นน่ะ”
ไฉปิงสะดุ้ง สงสัยเมื่อคืนเขาคงจะทำให้นักฆ่าหน้าหยกร้องเสียงดังเกินไป คืนนี้ต้องเตือนให้เบาเสียงลงหน่อย
หลังจากเข้าแถวรายงานตัวกับพ่อบ้านในตอนเช้าแล้ว ไฉปิงก็ตรงไปยังเรือนพักของเยว่หลวนคุน เจ้านายของเขาลุกขึ้นแต่งตัวเพื่อออกมาเดินเพิ่มกำลังขาในตอนเช้า
“ให้ข้าน้อยช่วยนะขอรับ”
“ไม่ต้องหรอก ข้าต้องฝึกเดินด้วยตนเอง ไม่อย่างนั้นเห็นทีจะต้องกลายเป็นคนพิการตลอดไป”
เยว่หลวนคุนรับไม้เท้าสองข้างที่ไฉปิงยื่นส่งให้ แล้วลุกขึ้นยืน
“ท่านตื่นแล้วหรือ? ข้ากำลังคิดจะมาบอกพอดี”
สองนายบ่าวหันไปมองท่านหญิงจีพร้อมกัน
“มาเถอะ ข้าจะพาท่านไปเดินออกกำลังที่สนามด้วยท่าที่ข้าเพิ่งค้นพบในตำราใหม่มา”
เยว่หลวนคุนอ้าปากน้อยๆ คิดจะปฏิเสธมิให้จีเซี่ยงอี๋เข้ามาช่วยประคองเขา แต่ไม่ทันแล้ว ไฉปิงคนสนิทของเขาก็ยังไม่ยอมช่วย ปล่อยให้ท่านหญิงจีน้อยพาเขาไปออกกำลังในแบบที่นางต้องการ
ไฉปิงเดินอมยิ้มตามหลังเจ้านายไป ครั้นเห็นท่าทางการฝึกกำลังขาที่แปลกประหลาดของเจ้านายแล้ว เขาก็อดจะหันหน้าไปหัวเราะมิได้
ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยาม จีเซี่ยงอี๋จึงอนุญาตให้เยว่หลวนคุนพักได้ สาวใช้ด้านหลังเดินถือถาดกาน้ำชาเข้ามาวางที่โต๊ะม้าหิน เยว่หลวนคุนเห็นท่านหญิงจีรินน้ำชาให้ตนก็หันไปขยิบตาให้ไฉปิง
‘แย่แล้ว! ตอนนี้นางถึงขั้นเอาอกเอาใจข้าทุกอย่าง เจ้าดูสิ...นางคลั่งรักข้าใหญ่แล้ว’
“ท่านเยว่ เมื่อวานข้าออกไปสำนักข่าวนกกระจิบ ปรึกษาหารือกับหัวหน้าไป๋ทั้งสองแล้วเห็นว่าต้องไปหาชิงเว่ยเว่ย”
“ท่านคิดจะไปบอกเรื่องเยว่เชาหรือ?”
“ใช่ เว่ยเว่ยสนิทกับเยว่เชามาก ข้ากลัวคนผู้นั้นคิดจะหลอกใช้นาง สายสืบข้ารายงานว่าเว่ยเว่ยพาเยว่เชาเข้าไปพบฮูหยินสกุลเผยมาแล้วครั้งหนึ่ง ข้าก็เลยนึกเป็นห่วง”
“ท่านหญิงสนิทกับคุณหนูสกุลชิงมากเลยหรือ?”
“นี่เป็นความลับนะ” จีเซี่ยงอี๋เอียงหน้ามาใกล้เยว่หลวนคุนจนชายหนุ่มได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากผมของนาง “เว่ยเว่ยเป็นนักสืบระดับสูงในสำนักนกกระจิบผู้หนึ่ง”
“เอ๋? นางเพิ่งอายุสิบเอ็ดเองนี่”
“ท่านเห็นนางตัวเล็กแค่นั้น แต่ฝีมือของนางไม่ธรรมดาหรอกนะ ช่วยสืบคดีมามากแล้วด้วย เมื่อตอนที่สงครามชายแดนกำลังจะปะทุ นางก็เดินทางไปเมืองฉู่จิ้งพร้อมบิดาของนางด้วยนะ”
“เจ้ากรมกลาโหมรู้เรื่องที่นางเป็นนักสืบด้วยหรือ?”
“อืม...พระชายาชิงหลานเองก็หวังพึ่งพานางในการสืบข่าวจึงได้ขอให้ใต้เท้าชิงพานางไปเมืองฉู่จิ้งด้วย”
เมืองฉู่จิ้งเป็นหัวเมืองใหญ่ชายแดน เยว่หลวนคุนเดินทางไปถึงที่นั่นหลังจากที่ใต้เท้าชิงเจ้ากรมกลาโหมกับแม่ทัพจีพี่ชายของจีเซี่ยงอี๋ร่วมมือกันสงบความคุกรุ่นได้ไม่นาน
“ท่านจะออกไปบอกความจริงกับคุณหนูชิงเมื่อใด?”
“ค่ำนี้ ข้านัดกับหัวหน้าไป๋เอาไว้แล้ว”
ตกบ่ายไฉปิงก็กลับไปเรือนเล็กหลังต้นไม้ใหญ่เพื่อดูแลหลิ่วจิง ช่วงเช้าเข้าไปยอมเอาอาหารและน้ำไปให้นักฆ่าหน้าหยกผู้นั้นกินเพราะต้องการลงโทษที่นักฆ่าหน้าหยกกล้ากัดเขา
“เป็นอย่างไร? นักฆ่าร่างเปลือย เนื้อตัวเจ้าเย็นดีหรือไม่?”
หลิ่วจิงถลึงตาใส่ไฉปิง ในขณะที่คนเจ้าเล่ห์กลับใช้นิ้วไต่ไปตามลาดไหล่เปลือยเปล่าอย่างหมายจะยั่วโมโห
“ใส่เสื้อผ้าให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
“ถ้าเจ้าอยากจะให้สวมชุดหล่อๆ ให้ เจ้าก็ควรเรียกข้าให้ถูกต้อง” ไฉปิงเท้าแขนบนพื้นเตียง โน้มร่างเข้ามาใกล้ “หลังจากที่เราผ่านคืนวสันต์มาด้วยกัน เจ้าก็ควรจะเรียกข้าว่าท่านพี่ จริงหรือไม่น้องหญิง?”
“บัดซบ! ผู้ใดเป็นน้องหญิงของเจ้า?”
“เมื่อคืนผู้ใดยินยอมให้ข้าร่วมรัก? ผู้นั้นก็ต้องเป็นน้องหญิงของข้า” ริมฝีปากของไฉปิงประทับลงบนแก้มผ่องของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว “ข้าจำได้นะว่าตอนดึกๆ เป็นเจ้าที่เรียกร้องให้ข้าปรนเปรอ”
นักฆ่าหนุ่มกัดริมฝีปากจนห้อเลือด เมื่อคืนหากเขาไม่ถูกเจ้ายักษ์ชั่วผู้นี้ล่อลวง คงจะเปิดปากเรียกร้องเรื่องต่ำทรามเช่นนั้นออกมา เมื่อเช้าเขากัดไหล่ไฉปิงไปเต็มแรงจนเลือดออก จึงได้ถูกลงโทษให้เปลือยกายนอนห่มผ้าอยู่ในห้อง ข้าวน้ำก็ไม่ได้กินร่วมสี่ชั่วยาม
...แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เขาถูกฝึกมาให้อดทนยิ่งกว่านี้...
“ท่าทางเช่นนี้ ทำแล้วไม่คิดจะยอมรับหรือ? เอาเถิด ถึงอย่างไรภายใต้ร่มผ้าของเจ้า ข้าก็จำได้ทุกกระเบียดนิ้ว”
“หุบปาก!”
“น้องหญิง เจ้าไม่ควรตวาดสามีเยี่ยงนี้ นี่ข้าก็เอาอาหารอร่อยๆ มาฝากเจ้าแล้ว อย่าอารมณ์เสียไปเลย เรียกข้าเสียดีๆ แล้วเจ้าจะได้ใส่เสื้อผ้า แต่ถ้าเจ้าเลือกที่จะไม่ใส่ ข้าก็จะลงโทษเจ้าสักทีสองที”
ใบหน้าของหลิ่วจิงซีดเผือด หากถูกขู่ว่าจะใช้มีดเฉือนเนื้อหรือเอาเหล็กร้อนนาบผิว เขาคงไม่หวาดกลัวเช่นนี้ นักฆ่าหนุ่มปากคอสั่นรีบเอ่ยออกมาอย่างขอไปที
“ท่านพี่”
“ดีมาก น้องหญิง อย่างนี้สิ ค่อยจะเป็นเด็กดีของข้า” มือเรียวใหญ่ของบุรุษลูบใบหน้าซีกหนึ่งของหลิ่วจิง “มาๆ เดี๋ยวข้าจะใส่เสื้อผ้าให้เจ้าก่อนค่อยกินข้าว วันนี้ข้าติดสินบนพ่อครัวทำอาหารชาววังมาให้เจ้ากินด้วย”
ในหัวของหลิ่วจิงอึงอวลด้วยความมุ่งมั่น
...เขาต้องหาหนทางหนีจากคนผู้นี้ไปให้ได้...
*******************
